ที่มา มติชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366696303&grpid=01&catid=12&subcatid=1200
พรรณชฎา ศิริวรรณบุศย์ (artty30@hotmail.com) มหาวิทยาลัยมหิดล ′แท็กซี่อาเซียน: นกสีฟ้าในเกาะชวา
ปัญหารถแท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสารเพราะต้องไปส่งรถในเวลาเร่งด่วนหรือเพราะรถติด ไม่ใช้มิเตอร์ ขับรถเร็วเกินไป และเลือกรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น มีให้พบเห็นเป็นประจำสำหรับการเดินทางขนส่งในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งในกรุงเทพมหานคร มะนิลา และ กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่หมดไป คนไทยเองเวลาจะต้องเดินทางเร่งด่วน ก็หวังใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อความสะดวก แต่หลายครั้งที่ถูกปฏิเสธจากรถแท็กซี่ ว่าต้องไปส่งรถบ้าง รถติดบ้าง ขอไม่ใช้มิเตอร์บ้าง ทำให้การเดินทางโดยรถแท็กซี่ ไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกเท่าที่ควร ในประเทศมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เอง รถแท็กซี่ก็มีลักษณะคล้ายๆกับรถแท็กซี่ในประเทศไทย คือหากรถติดมากผู้โดยสารอาจโดนไล่ให้ลงจากรถเลยก็เป็นได้ หรือเรียกเก็บค่าโดยสารเองโดยไม่ใช่มิเตอร์โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติด้วย
จากข้อมูล ปัจจุบันพบว่ากรุงเทพมหานครมีแท็กซี่ในระบบ 100,000 คัน แต่วิ่งให้บริการจริง 80,000 คัน และจากข้อมูลการจดทะเบียนรถแท็กซี่ ณ วันที่ 31 มกราคม 2555 พบว่า มีจำนวนรถแท็กซี่ทั้งสิ้น จำนวน 99,375 คัน เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล จำนวน 23,757 คัน และรถแท็กซี่นิติบุคคล จำนวน 75,618 คัน และจากสถิติจำนวนรถที่จดทะเบียนสะสมตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 พบว่า มีรถตู้โดยสารประจำทาง จำนวน 13,686 คัน รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 7,104 คัน
ในมาเลเซียนั้น ปัจจุบันมีแท็กซี่วิ่งให้บริการจริงมากกว่า 80,000 คัน แต่จดทะเบียน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 79,571 คัน และในฟิลิปปินส์นั้น มีแท็กซี่วิ่งให้บริการอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่นมะนิลา อยู่ประมาณ 80,000 คัน เช่นกัน เห็นได้ว่าแท็กซี่มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับให้บริการได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ในประเทศอาเซียนบางประเทศ
แต่สำหรับในอินโดนิเซียนั้น ระบบรถแท็กซี่สาธารณะมีความแตกต่างจากประ เทศเพื่อนบ้านในอาเซียนซึ่งมีความน่าสนใจและน่าพัฒนามาเป็นแบบอย่างเพื่อการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ ASEAN Community ในปี พ.ศ. 2558 รถแท็กซี่สาธารณะในอินโดนิเซียนั้นมีหลายบริษัทที่ให้บริการอยู่ เช่น เอ็กเพรส (Express) เอ็กเซ็คคูทีฟ (Eksekuti) ทรานส์แท็กซี่ (Transtaxi) แท็กซี่กุ (Taxiku) และ คอสติ จาวา(Kosti Jaya) เป็นต้น
แต่บริษัทแท็กซี่สาธารณะ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในอินโดนิเซีย คือ รถแท็กซี่ จากบริษัท บลูเบิร์ด (Blue Bird) ปัจจุบัน แท็กซี่บลูเบิร์ด มีรถให้บริการในเมืองหลักของอินโดนิเซีย เช่น จาการ์ต้า บันดุง เด็นปาซา ยอร์กยาการ์ตา และ มารารัม จำนวนทั้งสิ้น 27,000 คัน จำนวน 15,000 คันนั้นให้บริการอยู่ในเมืองจาการ์ต้า และมีผู้โดยสารที่ใช้บริการของแท็กซี่บลูเบิร์ด อยู่จำนวน 8.5 ล้านคนต่อเดือนทั่วประเทศ
สาเหตุที่แท็กซี่บลูเบิร์ดเป็นที่นิยมใช้ในหมู่ชาวอินโดนิเซีย และชาวต่างชาติมากกว่ารถแท็กซี่จากบริษัทอื่น เนื่องมาจากว่ามีความน่าเชื่อถือในเรื่องการให้บริการ สะอาด และมีความปลอดภัยในการขับขี่ พนักงานขับรถของแท็กซี่บลูเบิร์ดต้องใส่เครื่องแบบของบริษัททุกคน เริ่มคิดอัตราค่าบริการที่ 6,000 รูเปียห์หรือ ประมาณ 20 บาท ในเมืองใหญ่ อย่างไรก็ตามอัตราค่าเริ่มบริการของมิเตอร์แท็กซี่ในแต่ละเมืองมีความแตกต่างกันไป แท็กซี่ทุกคันต้องใช้มิเตอร์ ไม่มีการไล่ผู้โดยสารลงหากรถติดมาก ต้องรับผู้โดยสารทุกครั้ง หากพนักงานขับรถไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัทผู้โดยสารสามารถรายงานไปยังศูนย์ควบคุมบริษัทบลูเบิร์ด และพนักงานขับรถอาจได้รับการลงโทษจากบริษัทต่อไป
นอกจากนี้พนักงานขับรถยังไม่สามารถขับเร็วเกินอัตราที่บริษัทกำหนด คืออยู่ที่ 100กม. ต่อ ชม. หากพนักงานขับรถขับเร็วเกินกำหนดจะมีสัญญาณเตือนดังออกมาจากรถ และรายงานไปยังศูนย์ควบคุมส่วนกลางของบริษัทบลูเบิร์ด อีกด้วย จากการกำหนดกฎเกณฑ์ในการขับขี่อย่างเคร่งครัดทำให้แท็กซี่บลู-เบิร์ดเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศอินโดนิเซีย นอกจากนี้ในการเรียกบริการแท็กซี่นั้นจะมีจุดจัดคิวรถอยู่หน้าตึกต่างๆ คือประชาชนผู้ใช้บริการต้องมีการต่อคิวเพื่อความเป็นระเบียบในการใช้บริการ
นอกจากแท็กซี่บลูเบิร์ดแล้ว บริษัทบลูเบิร์ด ยังมีบริการแท็กซี่รูปแบบอื่น เช่น ซิวเวอร์เบิร์ด (Silver Bird) ซึ่งใช้รถคุณภาพดีกว่าแต่ราคาเริ่มต้นของมิเตอร์แพงกว่าบลูเบิร์ด บิ๊กเบิร์ด (Big Bird) สำหรับบริการรถขนส่งขนาดใหญ่ และ ไอออน เบิร์ด (Iron Bird) เป็นรถขนส่งคอนเทนเนอร์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทแท็กซี่บลูเบิร์ด ได้เริ่มพิจารณาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของอินโดนิเซียเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นฐานในการขยายบริการของบริษัทต่อไป
บลูเบิร์ดยังได้รับข้อเสนอที่จะขยายบริการไปยังประเทศมาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกด้วย
รัฐบาลของประเทศเหล่านี้เห็นถึงประสิทธิภาพในการให้บริการของ แท็กซี่บลูเบิร์ด จึงได้เชื้อเชิญให้ไปลงทุนในประเทศ ซึ่งแท็กซี่บลูเบิร์ด มีแผนที่จะขยายบริการไปยังประเทศเหล่านี้ รวมทั้งประเทศในแถบอาเซียน อื่นๆภายในปี 2557 นี้ โดยอาจไปร่วมลงทุนกับบริษัทแท็กซี่ท้องถิ่น หรือไปลงทุนร่วมกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ
หากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ดูเหมือนบริษัทบลูเบิร์ดจะเตรียมตัวล่วงหน้าไปมากกว่าบริษัทแท็กซี่ในหลายๆประเทศเสียแล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาที่น่าจับตามองของบริษัทแท็กซี่บลูเบิร์ดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ วัฒนธรรมที่แตกต่างกันในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมทั้งกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆในการจราจรของประเทศต่างๆ ผู้บริหารของ บลูเบิร์ดจึงเล็งเห็นว่าบริษัทต้องมีการศึกษาข้อมูลดังกล่าวให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะมีการขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรักษาคุณภาพในการให้บริการของบลูเบิร์ด
บริษัทแท็กซี่บลูเบิร์ดถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการระบบแท็กซี่ในประเทศสมาชิกอาเซียนเพราะนอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบรถแท็กซี่แล้วยังเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในการใช้บริการแท็กซี่อีกด้วย หากประเทศอาเซียนพัฒนาระบบการจัดการแท็กซี่ของตนเองให้มีประสิทธิภาพอย่างบลูเบิร์ดแล้วนั้นก็จะช่วยให้การเดินทางของประชาชนในประเทศและนักท่องเที่ยวสะดวกมากขึ้น
สำหรับในประเทศไทย ภาครัฐน่าจะมีการจัดระบบและควบคุมคุณภาพของแท็กซี่อย่างจริงจังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแท็กซี่ในประเทศให้มีความปลอดภัยและไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง หาก บลูเบิร์ดขยายกิจการมายังประเทศไทยอย่างที่มีแผนขยายกิจการไปยังประเทศอื่นๆ บลูเบิร์ดอาจกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญต่อบริษัทแท็กซี่ท้องถิ่นในประเทศเราก็เป็นได้
--------------------------------
ผมเคยพูดไว้นานแล้ว อยากให้มีบริษัทแท็กซี่ที่มีมาตรฐานแบบนี้ในบ้านเราที่สุด
พวกแท็กซี่เฮงซวยมันจะได้สูญพันธุ์ไปสักที
ถ้ามีบริษัทแท็กซี่แบบนี้ แท็กซี่เฮงซวยบ้านเราหนาวแน่ๆ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366696303&grpid=01&catid=12&subcatid=1200
พรรณชฎา ศิริวรรณบุศย์ (artty30@hotmail.com) มหาวิทยาลัยมหิดล ′แท็กซี่อาเซียน: นกสีฟ้าในเกาะชวา
ปัญหารถแท็กซี่ที่ไม่รับผู้โดยสารเพราะต้องไปส่งรถในเวลาเร่งด่วนหรือเพราะรถติด ไม่ใช้มิเตอร์ ขับรถเร็วเกินไป และเลือกรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น มีให้พบเห็นเป็นประจำสำหรับการเดินทางขนส่งในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งในกรุงเทพมหานคร มะนิลา และ กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไขอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่หมดไป คนไทยเองเวลาจะต้องเดินทางเร่งด่วน ก็หวังใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อความสะดวก แต่หลายครั้งที่ถูกปฏิเสธจากรถแท็กซี่ ว่าต้องไปส่งรถบ้าง รถติดบ้าง ขอไม่ใช้มิเตอร์บ้าง ทำให้การเดินทางโดยรถแท็กซี่ ไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกเท่าที่ควร ในประเทศมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เอง รถแท็กซี่ก็มีลักษณะคล้ายๆกับรถแท็กซี่ในประเทศไทย คือหากรถติดมากผู้โดยสารอาจโดนไล่ให้ลงจากรถเลยก็เป็นได้ หรือเรียกเก็บค่าโดยสารเองโดยไม่ใช่มิเตอร์โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติด้วย
จากข้อมูล ปัจจุบันพบว่ากรุงเทพมหานครมีแท็กซี่ในระบบ 100,000 คัน แต่วิ่งให้บริการจริง 80,000 คัน และจากข้อมูลการจดทะเบียนรถแท็กซี่ ณ วันที่ 31 มกราคม 2555 พบว่า มีจำนวนรถแท็กซี่ทั้งสิ้น จำนวน 99,375 คัน เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล จำนวน 23,757 คัน และรถแท็กซี่นิติบุคคล จำนวน 75,618 คัน และจากสถิติจำนวนรถที่จดทะเบียนสะสมตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 พบว่า มีรถตู้โดยสารประจำทาง จำนวน 13,686 คัน รถตู้โดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 7,104 คัน
ในมาเลเซียนั้น ปัจจุบันมีแท็กซี่วิ่งให้บริการจริงมากกว่า 80,000 คัน แต่จดทะเบียน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 จำนวน 79,571 คัน และในฟิลิปปินส์นั้น มีแท็กซี่วิ่งให้บริการอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่นมะนิลา อยู่ประมาณ 80,000 คัน เช่นกัน เห็นได้ว่าแท็กซี่มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลับให้บริการได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ในประเทศอาเซียนบางประเทศ
แต่สำหรับในอินโดนิเซียนั้น ระบบรถแท็กซี่สาธารณะมีความแตกต่างจากประ เทศเพื่อนบ้านในอาเซียนซึ่งมีความน่าสนใจและน่าพัฒนามาเป็นแบบอย่างเพื่อการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ ASEAN Community ในปี พ.ศ. 2558 รถแท็กซี่สาธารณะในอินโดนิเซียนั้นมีหลายบริษัทที่ให้บริการอยู่ เช่น เอ็กเพรส (Express) เอ็กเซ็คคูทีฟ (Eksekuti) ทรานส์แท็กซี่ (Transtaxi) แท็กซี่กุ (Taxiku) และ คอสติ จาวา(Kosti Jaya) เป็นต้น
แต่บริษัทแท็กซี่สาธารณะ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในอินโดนิเซีย คือ รถแท็กซี่ จากบริษัท บลูเบิร์ด (Blue Bird) ปัจจุบัน แท็กซี่บลูเบิร์ด มีรถให้บริการในเมืองหลักของอินโดนิเซีย เช่น จาการ์ต้า บันดุง เด็นปาซา ยอร์กยาการ์ตา และ มารารัม จำนวนทั้งสิ้น 27,000 คัน จำนวน 15,000 คันนั้นให้บริการอยู่ในเมืองจาการ์ต้า และมีผู้โดยสารที่ใช้บริการของแท็กซี่บลูเบิร์ด อยู่จำนวน 8.5 ล้านคนต่อเดือนทั่วประเทศ
สาเหตุที่แท็กซี่บลูเบิร์ดเป็นที่นิยมใช้ในหมู่ชาวอินโดนิเซีย และชาวต่างชาติมากกว่ารถแท็กซี่จากบริษัทอื่น เนื่องมาจากว่ามีความน่าเชื่อถือในเรื่องการให้บริการ สะอาด และมีความปลอดภัยในการขับขี่ พนักงานขับรถของแท็กซี่บลูเบิร์ดต้องใส่เครื่องแบบของบริษัททุกคน เริ่มคิดอัตราค่าบริการที่ 6,000 รูเปียห์หรือ ประมาณ 20 บาท ในเมืองใหญ่ อย่างไรก็ตามอัตราค่าเริ่มบริการของมิเตอร์แท็กซี่ในแต่ละเมืองมีความแตกต่างกันไป แท็กซี่ทุกคันต้องใช้มิเตอร์ ไม่มีการไล่ผู้โดยสารลงหากรถติดมาก ต้องรับผู้โดยสารทุกครั้ง หากพนักงานขับรถไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัทผู้โดยสารสามารถรายงานไปยังศูนย์ควบคุมบริษัทบลูเบิร์ด และพนักงานขับรถอาจได้รับการลงโทษจากบริษัทต่อไป
นอกจากนี้พนักงานขับรถยังไม่สามารถขับเร็วเกินอัตราที่บริษัทกำหนด คืออยู่ที่ 100กม. ต่อ ชม. หากพนักงานขับรถขับเร็วเกินกำหนดจะมีสัญญาณเตือนดังออกมาจากรถ และรายงานไปยังศูนย์ควบคุมส่วนกลางของบริษัทบลูเบิร์ด อีกด้วย จากการกำหนดกฎเกณฑ์ในการขับขี่อย่างเคร่งครัดทำให้แท็กซี่บลู-เบิร์ดเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศอินโดนิเซีย นอกจากนี้ในการเรียกบริการแท็กซี่นั้นจะมีจุดจัดคิวรถอยู่หน้าตึกต่างๆ คือประชาชนผู้ใช้บริการต้องมีการต่อคิวเพื่อความเป็นระเบียบในการใช้บริการ
นอกจากแท็กซี่บลูเบิร์ดแล้ว บริษัทบลูเบิร์ด ยังมีบริการแท็กซี่รูปแบบอื่น เช่น ซิวเวอร์เบิร์ด (Silver Bird) ซึ่งใช้รถคุณภาพดีกว่าแต่ราคาเริ่มต้นของมิเตอร์แพงกว่าบลูเบิร์ด บิ๊กเบิร์ด (Big Bird) สำหรับบริการรถขนส่งขนาดใหญ่ และ ไอออน เบิร์ด (Iron Bird) เป็นรถขนส่งคอนเทนเนอร์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทแท็กซี่บลูเบิร์ด ได้เริ่มพิจารณาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของอินโดนิเซียเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นฐานในการขยายบริการของบริษัทต่อไป
บลูเบิร์ดยังได้รับข้อเสนอที่จะขยายบริการไปยังประเทศมาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกด้วย
รัฐบาลของประเทศเหล่านี้เห็นถึงประสิทธิภาพในการให้บริการของ แท็กซี่บลูเบิร์ด จึงได้เชื้อเชิญให้ไปลงทุนในประเทศ ซึ่งแท็กซี่บลูเบิร์ด มีแผนที่จะขยายบริการไปยังประเทศเหล่านี้ รวมทั้งประเทศในแถบอาเซียน อื่นๆภายในปี 2557 นี้ โดยอาจไปร่วมลงทุนกับบริษัทแท็กซี่ท้องถิ่น หรือไปลงทุนร่วมกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ
หากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ดูเหมือนบริษัทบลูเบิร์ดจะเตรียมตัวล่วงหน้าไปมากกว่าบริษัทแท็กซี่ในหลายๆประเทศเสียแล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาที่น่าจับตามองของบริษัทแท็กซี่บลูเบิร์ดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ วัฒนธรรมที่แตกต่างกันในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ รวมทั้งกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆในการจราจรของประเทศต่างๆ ผู้บริหารของ บลูเบิร์ดจึงเล็งเห็นว่าบริษัทต้องมีการศึกษาข้อมูลดังกล่าวให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะมีการขยายกิจการไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรักษาคุณภาพในการให้บริการของบลูเบิร์ด
บริษัทแท็กซี่บลูเบิร์ดถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการระบบแท็กซี่ในประเทศสมาชิกอาเซียนเพราะนอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบรถแท็กซี่แล้วยังเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในการใช้บริการแท็กซี่อีกด้วย หากประเทศอาเซียนพัฒนาระบบการจัดการแท็กซี่ของตนเองให้มีประสิทธิภาพอย่างบลูเบิร์ดแล้วนั้นก็จะช่วยให้การเดินทางของประชาชนในประเทศและนักท่องเที่ยวสะดวกมากขึ้น
สำหรับในประเทศไทย ภาครัฐน่าจะมีการจัดระบบและควบคุมคุณภาพของแท็กซี่อย่างจริงจังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแท็กซี่ในประเทศให้มีความปลอดภัยและไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง หาก บลูเบิร์ดขยายกิจการมายังประเทศไทยอย่างที่มีแผนขยายกิจการไปยังประเทศอื่นๆ บลูเบิร์ดอาจกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญต่อบริษัทแท็กซี่ท้องถิ่นในประเทศเราก็เป็นได้
--------------------------------
ผมเคยพูดไว้นานแล้ว อยากให้มีบริษัทแท็กซี่ที่มีมาตรฐานแบบนี้ในบ้านเราที่สุด
พวกแท็กซี่เฮงซวยมันจะได้สูญพันธุ์ไปสักที