ในหัวข้อนี้ ผมทำขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีการออกอากาศโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกระแสทีวีดิจิตอลด้วย เรื่องของหัวข้อนี้จะเป็นอย่างไร มาดูกันครับ
(คำว่า "ซับไตเติ้ล" จะอยู่ด้านมุมบนขวาของจอ จะมีขึ้นในรายการที่มีซับไตเติ้ล)
Real-Time Caption หรือถ้าเรียกภาษาแบบง่ายๆคือ "ซับสด" เป็นซับไตเติ้ลที่ออกมาแบบสดๆ ไม่ต้องผ่านการตัดต่อก่อนออกอากาศ สามารถขึ้นแทนคำพูด สำหรับผู้พิการทางการได้ยินและผู้สูงวัย โดยจะช้าจากที่พูดจริงๆ ไม่เกิน5-10วินาที
ระบบนี้ได้เริ่มพัฒนาขึ้นโดย NHK ในปีค.ศ.2000 โดยเริ่มแรก การทำซับสดนั้นจะต้องใช้คนแปลกันแบบสดๆ คือ พอพูดไปแล้ว จะมีคนฟังแล้วพิมพ์เป็นคำขึ้นมาเป็นซับไตเติ้ล และเอาขึ้นทีวีในทันทีที่พิมพ์เสร็จ ปัญหาในตอนนั้นคือยากในการตรวจคำ รายการทีวีที่ใช้ซับแบบนี้มีน้อย และเปลืองงบรายการ เพราะต้องใช้คนแปลพร้อมเช็คคำผิด ถึง4คน
ในปี ค.ศ.2001 ทาง NHK ได้เริ่มการใช้ซับสดแบบเป็นทางการนอกจากในรายการข่าว โดยใช้ระบบตรวสอบคำผิดอัตโนมัติ และแปลออกมาเป็น ประโยคเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย โดยหลักการนี้เรียกว่า "Re-speak" หรือ "การพูดซ้ำอีกรอบ" เหมือนกับเราได้ยินมา แล้วไปบอกต่อคนอื่น โดยใช้ภาษาง่ายๆที่เข้าใจได้ไม่ยุ่งยาก โดยระบบตรวจสอบคำผิดอัตโนมัตินี้ใช้ในรายการกีฬา เพราะจะแก้ปัญหาไม่ได้ยินเสียงพูดที่อาจจะโดนเสียงอื่นแทรกหรือพิธีกรพูดเบาจนไม่ได้ยินเสียงพูดจากลำโพงทีวี โดยทาง BBC ได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ ทั้งในรายการข่าวและรายการกีฬา แต่ระบบนี้ก็ยังมีประสิทธิภาพที่ยังไม่ดีพอที่จะถอดเสียงออกมาให้ตรง
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของซับสด เลยได้คิดค้นระบบตรวจคำแบบใหม่ โดยให้ใช้ระบบตรวจคำคู่กับผู้ตรวจสอบคำผิดไม่กี่คน
โดยเทคโนโลยีนี้ใช้การแปลคำพูดออกมาเป็นซับสด โดยซับนั้นจะผสมกับสัญญาณทีวีที่ปล่อยมาจากสถานีจนมาถึงผู้ชมทางบ้าน เพราะระบบซับไตเติ้ลถือเป็นระบบเบื้องต้นของทีวีดิจิตอลประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.2011 ทั้งคนพิการและผู้สูงอายุจะได้ดูรายการทีวีซับไตเติ้ลครอบคลุมทุกคน ด้วยรายการที่มีซับไตเติ้ลให้
ระบตรวจคำสามารถใช้ได้ทั้งระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ Windows และ Linux เหล่าผู้พัฒนาหวังอยากให้ระบบซับสดนั้นสมบูรณ์แบบที่สุดโดยใช้ระบบตรวจคำที่ซับซ้อนเพื่อป้องกันคำผิดให้น้อยที่สุด โดยใช้คลื่นสัญญาณทั้งคลื่นต่ำและสูง เพื่อเปรียบเทียบคำให้ตรงกับการออกเสียงคำที่แท้จริง โดยที่พัฒนามานี้มีความต่อเนื่อง มีอัตราการดีเลย์ที่น้อยมาก และคำผิดอยู่ในระดับที่น้อยมากหรือไม่มีเลย
ในระบบการตรวจคำนั้น บรรจุไปด้วยพจนานุกรม รุปร่างและการเขียนของตัวหนังสือ และการอ่านเสียงของเพศชายและหญิง โดยระบบจะตรวจสอบคำพร้อมทั้งแยกเสียงว่าเป็นชายหรือหญิง และนำข้อมูลไปตรวจกับตัวหนังสือ การอ่านออกเสียงที่แท้จริงตามพจนานุกรม โดยระบบการตรวจสอบคำและตัวหนังถือถูกใช้ในการตรวจสอบลายมือในการเขียนสคริปของผู้ประกาศข่าวให้เป็นตัวหนังสือในคอมพิวเตอร์และนำไปเก็บในระบบออนไลน์ก่อนการออกอากาศ
(นี่คือหลักการออกอากาศทั้งรายการและระบบซับสดในเวลาเดียวกัน)
การออกอากาศรายการข่าวนั้น ระบบจะดึงข้อมูลสคริปที่ได้เขียนและถอดรหัสไปเซฟออนไลน์ไว้ก่อนหน้านี้ มาออกอากาศให้ตรงกับผู้พูด โดยดึงคำมาพร้อมตรวจสอบเสียง ว่าตรงกับบรรทัดไหน และนำคำบรรทัดนั้นมาแสดง ให้ตรงกับคำที่ผู้พูดได้พูดออกมา โดยตรงให้ตรงหรือคลาดเคลื่อนให้น้อยที่สุด (ซับต้องขึ้นให้ทันก่อนผู้พูดจะพูดอีกประโยคเสร็จ)
ในพจนานุกรมที่บรรจุคำเพื่อใช้ในการตรวจคำนั้นมีคำเบื้องต้นพร้อมการอ่านและตัวอักษรอยู่กว่า 6หมื่นคำ โดยระบบจะเช็คทั้งการอ่านเสียงสูงต่ำ การออกคำสรรพนาม การอ่านปลายเสียงของคำ (เช่นออกเสียง อาโน แบบเบาๆ [อาโน แปลว่า อืม ซึ่งจะชอบพูดกันก่อนจะพูดประโยคต่อไป เหมือนเป็นการคิดก่อนจะพูด] โปรแกรมก็จะถอดคำ และจะไม่ใส่มา เพราะมันเหมือนกับคำอุทานที่ไม่ได้มีความหมายหรือเกี่ยวกับประโยคที่พูด) โดยความแม่นยำในการตรวจและแปลอยู่ที่ 95% ขึ้นไป
แต่ข้อเสียของระบบนี้คือ จะไม่ใช้ในส่วนที่พูดเป็นประโยคเร็วๆ หรือพูดติดๆกัน เช่น การสัมภาษณ์คนในสกู๊ปพิเศษ รายการเกมส์โชว์ เพราะเสียงจะซ้อนกันมามากเกินไป จะทำให้คำผิดพลาดหรือแปลไม่ออกได้ โดยในส่วนนี้จะใช้การฟังและแปลเป็นคำใหม่แทน โดยใช้คนมาช่วยแปล แทนที่จะให้ระบบตรวจและแปลให้อย่างเดียว
สรุปคือ ระบบการตรวจคำและแปลให้เป็นซับสดในปัจจุบันนั้น อาจจะต้องใช้คนในการช่วยแปลอยู่บ้าง แต่ก็ใช้น้อยกว่าสมัยแรกๆที่ต้องใช้ถึง4คน (2คนหาคำผิดอีก2คนถอดคำออกมา) เพราะระบบเก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่จะแปลถูก100%ซะทีเดียว (แต่อย่างน้อย100คำถูกก็95คำแล้ว)
ระบบการตรวจคำและแปลเป็นซับสด จะมีบุคลากรที่จะต้องคอยดูแลและคุมเครื่องอย่างมากก็2คน โดยเครื่องจะเป็นระบบTouch-Screen โดยบุคลากรนั้นจะได้ยินเสียงในรายการและระบบก็จะถอดคำออกมาในทันที จะมีคนดูอยู่ว่าตรงกับที่พูดไหม ถ้าไม่ตรงก็จะบอกให้อีกคนแปลและพิมพ์ใหม่ในคำที่ผิดให้ถูกและส่งเข้าระบบ เพื่อนำไปแสดงผลต่อไป โดยผู้ที่จะมาเป็นคนดูแลลส่วนนี้จะต้องได้รับการฝึกอย่างน้อย1-2เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าจะฟังได้ชัด ต้องให้คำผิดหรือคำตกไปน้อยที่สุด และกว่าจะพิมพ์จนชำนาญก็ใช้เวลาเป็นปี
(คีย์บอร์ดสำหรับพิมพ์ซับไตเติ้ลของคนแปลเพื่อส่งขึ้นระบบ)
ในรายการข่าวสั้น (ข่าวสั้นญี่ปุ่นไม่เกิน5นาที) ระบบได้รับการตรวจสอบแล้วว่าสามารถแปลได้ถูกต้องถึง 99.9% ถ้ามีคนดูแล2คน แปลถูกต้อง 99.8% ถ้ามีคนดูแลคนเดียว โดยผู้คิดค้นระบบได้ปรับปรุงระบบใหม่ให้ทันสมัยและได้ให้สถานีท้องถิ่นนำไปใช้กับสถานีโทรทัศน์ของตนเองเพื่อนำไปแปลรายการของท้องถิ่น และช่วยตรวจสอบคำผิดพร้อมป้อนข้อมูลส่งให้กับสถานีใหญ่ด้วย (ที่ญี่ปุ่นจะใช้สถานีโทรทัศน์ตามเขตใหญ่ๆของตนเอง 1ช่องทีวีใหญ่ จะมีสถานีท้องถิ่นรวมกับโตเกียว มีทั้งหมดประมาณ6-23สถานี แล้วแต่ช่อง แยกกระจายตามเขตทั่วประเทศ จะมีทั้งรายการท้องถิ่นและรายการจากสถานีหลักโดยเวลาการออกอากาศจะต่างกันออกไปตามแต่ละเขต)
แต่ถึงกระนั้น ระบบนี้ก็ยังไม่ใช่ระบบที่เยี่ยมที่สุด ที่จะแปลทุกคำได้ทั้งหมด โดยการตรวจคำให้ถูกต้องขึ้นอยู่กับสำเนียง สไตล์การพูด ของแต่ละคนด้วย โดยผู้พัฒนาได้บอกอีกว่าพยายามผลักดันระบบนี้ให้ใช้ได้กับรายการสดทุกรายการในอนาคต โดยให้ระบบนั้นมีความแม่นยำสูงสุด
ข้อมูลจาก : เอกสารวิชาการของ NHK ประเทศญี่ปุ่น
*** รายการที่จะมีซับไตเติ้ลของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีในรายการข่าว ซีรี่ส์ สารคดี การ์ตูนหรือภาพยนตร์ ที่เป็นซับสดนั้นใช้แต่ในรายการข่าวและการถ่ายทอดสดกีฬาบางประเภท ในรายการเกมส์โชว์ วาไรตี้อื่นๆ จะไม่ค่อยใส่มากัน ช่องอื่นก็มีซับทั้งซับที่พิมพ์มาก่อนและซับสดใช้เหมือนกัน แต่ NHK เป็นคนคิด เพราะมีศูนย์วิจัยของตัวเอง และกำหนดให้เป็นระบบพื้นฐานของทีวีดิจิตอลในญี่ปุ่นที่ทุกช่องต้องทำตาม เหมือนตอนสมัยที่ NHK คิดค้นระบบ MUSE Hi-Vision TV ทุกช่องใช้หมด (HDของทีวีอนาล๊อก ภาพแบบ1125เส้น อัตราส่วน 16:9 ยกเลิกไปเมื่อ ค.ศ.2007) ***
(ซับนี้เป็นซับที่ดึงมาจากรายการสดทางทีวี มีการดีเลย์ประมาณ 5-7วินาที)
(ซับที่มาจากข่าวสั้น มีการดีเลย์ประมาณ 5-7วินาทีเหมือนกัน)
(แต่ถ้าเป็นช่วงที่ร้องเพลง ปกติรายการตอนจัดคิวรายการจะใส่ซับมาให้แล้ว ตรงนี้ซับสดจะหายไปเอง แล้วจะกลับมาใหม่หลังจากเพลงจบ)
*** คลิป การทำงานของแผนกตรวจสอบคำ แปลและพิมพ์ซับไตเติ้ลของทีวีญี่ปุ่นครับ ***
VIDEO
มารู้จัก "Real-Time Caption" (ซับไตเติ้ลแบบสดๆ) กันดีกว่า
(คำว่า "ซับไตเติ้ล" จะอยู่ด้านมุมบนขวาของจอ จะมีขึ้นในรายการที่มีซับไตเติ้ล)
Real-Time Caption หรือถ้าเรียกภาษาแบบง่ายๆคือ "ซับสด" เป็นซับไตเติ้ลที่ออกมาแบบสดๆ ไม่ต้องผ่านการตัดต่อก่อนออกอากาศ สามารถขึ้นแทนคำพูด สำหรับผู้พิการทางการได้ยินและผู้สูงวัย โดยจะช้าจากที่พูดจริงๆ ไม่เกิน5-10วินาที
ระบบนี้ได้เริ่มพัฒนาขึ้นโดย NHK ในปีค.ศ.2000 โดยเริ่มแรก การทำซับสดนั้นจะต้องใช้คนแปลกันแบบสดๆ คือ พอพูดไปแล้ว จะมีคนฟังแล้วพิมพ์เป็นคำขึ้นมาเป็นซับไตเติ้ล และเอาขึ้นทีวีในทันทีที่พิมพ์เสร็จ ปัญหาในตอนนั้นคือยากในการตรวจคำ รายการทีวีที่ใช้ซับแบบนี้มีน้อย และเปลืองงบรายการ เพราะต้องใช้คนแปลพร้อมเช็คคำผิด ถึง4คน
ในปี ค.ศ.2001 ทาง NHK ได้เริ่มการใช้ซับสดแบบเป็นทางการนอกจากในรายการข่าว โดยใช้ระบบตรวสอบคำผิดอัตโนมัติ และแปลออกมาเป็น ประโยคเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย โดยหลักการนี้เรียกว่า "Re-speak" หรือ "การพูดซ้ำอีกรอบ" เหมือนกับเราได้ยินมา แล้วไปบอกต่อคนอื่น โดยใช้ภาษาง่ายๆที่เข้าใจได้ไม่ยุ่งยาก โดยระบบตรวจสอบคำผิดอัตโนมัตินี้ใช้ในรายการกีฬา เพราะจะแก้ปัญหาไม่ได้ยินเสียงพูดที่อาจจะโดนเสียงอื่นแทรกหรือพิธีกรพูดเบาจนไม่ได้ยินเสียงพูดจากลำโพงทีวี โดยทาง BBC ได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ ทั้งในรายการข่าวและรายการกีฬา แต่ระบบนี้ก็ยังมีประสิทธิภาพที่ยังไม่ดีพอที่จะถอดเสียงออกมาให้ตรง
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของซับสด เลยได้คิดค้นระบบตรวจคำแบบใหม่ โดยให้ใช้ระบบตรวจคำคู่กับผู้ตรวจสอบคำผิดไม่กี่คน
โดยเทคโนโลยีนี้ใช้การแปลคำพูดออกมาเป็นซับสด โดยซับนั้นจะผสมกับสัญญาณทีวีที่ปล่อยมาจากสถานีจนมาถึงผู้ชมทางบ้าน เพราะระบบซับไตเติ้ลถือเป็นระบบเบื้องต้นของทีวีดิจิตอลประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.2011 ทั้งคนพิการและผู้สูงอายุจะได้ดูรายการทีวีซับไตเติ้ลครอบคลุมทุกคน ด้วยรายการที่มีซับไตเติ้ลให้
ระบตรวจคำสามารถใช้ได้ทั้งระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ Windows และ Linux เหล่าผู้พัฒนาหวังอยากให้ระบบซับสดนั้นสมบูรณ์แบบที่สุดโดยใช้ระบบตรวจคำที่ซับซ้อนเพื่อป้องกันคำผิดให้น้อยที่สุด โดยใช้คลื่นสัญญาณทั้งคลื่นต่ำและสูง เพื่อเปรียบเทียบคำให้ตรงกับการออกเสียงคำที่แท้จริง โดยที่พัฒนามานี้มีความต่อเนื่อง มีอัตราการดีเลย์ที่น้อยมาก และคำผิดอยู่ในระดับที่น้อยมากหรือไม่มีเลย
ในระบบการตรวจคำนั้น บรรจุไปด้วยพจนานุกรม รุปร่างและการเขียนของตัวหนังสือ และการอ่านเสียงของเพศชายและหญิง โดยระบบจะตรวจสอบคำพร้อมทั้งแยกเสียงว่าเป็นชายหรือหญิง และนำข้อมูลไปตรวจกับตัวหนังสือ การอ่านออกเสียงที่แท้จริงตามพจนานุกรม โดยระบบการตรวจสอบคำและตัวหนังถือถูกใช้ในการตรวจสอบลายมือในการเขียนสคริปของผู้ประกาศข่าวให้เป็นตัวหนังสือในคอมพิวเตอร์และนำไปเก็บในระบบออนไลน์ก่อนการออกอากาศ
(นี่คือหลักการออกอากาศทั้งรายการและระบบซับสดในเวลาเดียวกัน)
การออกอากาศรายการข่าวนั้น ระบบจะดึงข้อมูลสคริปที่ได้เขียนและถอดรหัสไปเซฟออนไลน์ไว้ก่อนหน้านี้ มาออกอากาศให้ตรงกับผู้พูด โดยดึงคำมาพร้อมตรวจสอบเสียง ว่าตรงกับบรรทัดไหน และนำคำบรรทัดนั้นมาแสดง ให้ตรงกับคำที่ผู้พูดได้พูดออกมา โดยตรงให้ตรงหรือคลาดเคลื่อนให้น้อยที่สุด (ซับต้องขึ้นให้ทันก่อนผู้พูดจะพูดอีกประโยคเสร็จ)
ในพจนานุกรมที่บรรจุคำเพื่อใช้ในการตรวจคำนั้นมีคำเบื้องต้นพร้อมการอ่านและตัวอักษรอยู่กว่า 6หมื่นคำ โดยระบบจะเช็คทั้งการอ่านเสียงสูงต่ำ การออกคำสรรพนาม การอ่านปลายเสียงของคำ (เช่นออกเสียง อาโน แบบเบาๆ [อาโน แปลว่า อืม ซึ่งจะชอบพูดกันก่อนจะพูดประโยคต่อไป เหมือนเป็นการคิดก่อนจะพูด] โปรแกรมก็จะถอดคำ และจะไม่ใส่มา เพราะมันเหมือนกับคำอุทานที่ไม่ได้มีความหมายหรือเกี่ยวกับประโยคที่พูด) โดยความแม่นยำในการตรวจและแปลอยู่ที่ 95% ขึ้นไป
แต่ข้อเสียของระบบนี้คือ จะไม่ใช้ในส่วนที่พูดเป็นประโยคเร็วๆ หรือพูดติดๆกัน เช่น การสัมภาษณ์คนในสกู๊ปพิเศษ รายการเกมส์โชว์ เพราะเสียงจะซ้อนกันมามากเกินไป จะทำให้คำผิดพลาดหรือแปลไม่ออกได้ โดยในส่วนนี้จะใช้การฟังและแปลเป็นคำใหม่แทน โดยใช้คนมาช่วยแปล แทนที่จะให้ระบบตรวจและแปลให้อย่างเดียว
สรุปคือ ระบบการตรวจคำและแปลให้เป็นซับสดในปัจจุบันนั้น อาจจะต้องใช้คนในการช่วยแปลอยู่บ้าง แต่ก็ใช้น้อยกว่าสมัยแรกๆที่ต้องใช้ถึง4คน (2คนหาคำผิดอีก2คนถอดคำออกมา) เพราะระบบเก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ใช่จะแปลถูก100%ซะทีเดียว (แต่อย่างน้อย100คำถูกก็95คำแล้ว)
ระบบการตรวจคำและแปลเป็นซับสด จะมีบุคลากรที่จะต้องคอยดูแลและคุมเครื่องอย่างมากก็2คน โดยเครื่องจะเป็นระบบTouch-Screen โดยบุคลากรนั้นจะได้ยินเสียงในรายการและระบบก็จะถอดคำออกมาในทันที จะมีคนดูอยู่ว่าตรงกับที่พูดไหม ถ้าไม่ตรงก็จะบอกให้อีกคนแปลและพิมพ์ใหม่ในคำที่ผิดให้ถูกและส่งเข้าระบบ เพื่อนำไปแสดงผลต่อไป โดยผู้ที่จะมาเป็นคนดูแลลส่วนนี้จะต้องได้รับการฝึกอย่างน้อย1-2เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าจะฟังได้ชัด ต้องให้คำผิดหรือคำตกไปน้อยที่สุด และกว่าจะพิมพ์จนชำนาญก็ใช้เวลาเป็นปี
(คีย์บอร์ดสำหรับพิมพ์ซับไตเติ้ลของคนแปลเพื่อส่งขึ้นระบบ)
ในรายการข่าวสั้น (ข่าวสั้นญี่ปุ่นไม่เกิน5นาที) ระบบได้รับการตรวจสอบแล้วว่าสามารถแปลได้ถูกต้องถึง 99.9% ถ้ามีคนดูแล2คน แปลถูกต้อง 99.8% ถ้ามีคนดูแลคนเดียว โดยผู้คิดค้นระบบได้ปรับปรุงระบบใหม่ให้ทันสมัยและได้ให้สถานีท้องถิ่นนำไปใช้กับสถานีโทรทัศน์ของตนเองเพื่อนำไปแปลรายการของท้องถิ่น และช่วยตรวจสอบคำผิดพร้อมป้อนข้อมูลส่งให้กับสถานีใหญ่ด้วย (ที่ญี่ปุ่นจะใช้สถานีโทรทัศน์ตามเขตใหญ่ๆของตนเอง 1ช่องทีวีใหญ่ จะมีสถานีท้องถิ่นรวมกับโตเกียว มีทั้งหมดประมาณ6-23สถานี แล้วแต่ช่อง แยกกระจายตามเขตทั่วประเทศ จะมีทั้งรายการท้องถิ่นและรายการจากสถานีหลักโดยเวลาการออกอากาศจะต่างกันออกไปตามแต่ละเขต)
แต่ถึงกระนั้น ระบบนี้ก็ยังไม่ใช่ระบบที่เยี่ยมที่สุด ที่จะแปลทุกคำได้ทั้งหมด โดยการตรวจคำให้ถูกต้องขึ้นอยู่กับสำเนียง สไตล์การพูด ของแต่ละคนด้วย โดยผู้พัฒนาได้บอกอีกว่าพยายามผลักดันระบบนี้ให้ใช้ได้กับรายการสดทุกรายการในอนาคต โดยให้ระบบนั้นมีความแม่นยำสูงสุด
ข้อมูลจาก : เอกสารวิชาการของ NHK ประเทศญี่ปุ่น
*** รายการที่จะมีซับไตเติ้ลของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีในรายการข่าว ซีรี่ส์ สารคดี การ์ตูนหรือภาพยนตร์ ที่เป็นซับสดนั้นใช้แต่ในรายการข่าวและการถ่ายทอดสดกีฬาบางประเภท ในรายการเกมส์โชว์ วาไรตี้อื่นๆ จะไม่ค่อยใส่มากัน ช่องอื่นก็มีซับทั้งซับที่พิมพ์มาก่อนและซับสดใช้เหมือนกัน แต่ NHK เป็นคนคิด เพราะมีศูนย์วิจัยของตัวเอง และกำหนดให้เป็นระบบพื้นฐานของทีวีดิจิตอลในญี่ปุ่นที่ทุกช่องต้องทำตาม เหมือนตอนสมัยที่ NHK คิดค้นระบบ MUSE Hi-Vision TV ทุกช่องใช้หมด (HDของทีวีอนาล๊อก ภาพแบบ1125เส้น อัตราส่วน 16:9 ยกเลิกไปเมื่อ ค.ศ.2007) ***
(ซับนี้เป็นซับที่ดึงมาจากรายการสดทางทีวี มีการดีเลย์ประมาณ 5-7วินาที)
(ซับที่มาจากข่าวสั้น มีการดีเลย์ประมาณ 5-7วินาทีเหมือนกัน)
(แต่ถ้าเป็นช่วงที่ร้องเพลง ปกติรายการตอนจัดคิวรายการจะใส่ซับมาให้แล้ว ตรงนี้ซับสดจะหายไปเอง แล้วจะกลับมาใหม่หลังจากเพลงจบ)
*** คลิป การทำงานของแผนกตรวจสอบคำ แปลและพิมพ์ซับไตเติ้ลของทีวีญี่ปุ่นครับ ***