ท่อง จำ ซึมซับ ใช้งาน : เรียนภาษาอังกฤษแบบไหนดีที่สุด

เห็นมีแอปพลิเคชั่นเรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษามาเยอะ เลยนึกเรื่องหนึ่งได้จะมาลองเล่าสู่กันฟัง
แต่ มีคำถามที่อยากถาม ตามหัวกระทู้ คือ คุณคิดว่า การเรียนแบบท่องศัพท์ จำไวยกรณ์ กับการซึมซับ และ ฝึกใช้สื่อสาร อันไหน ช่วยได้มากกว่ากัน



ครอบครัวของผม ประกอบด้วยตัวละครหลัก 3 ตัวได้แก่ ลูกสาว ตัวของผม และ คุณย่า
👵 พื้นฐานคุณย่า เป็นอดีตข้าราชการ ระดับบริหา ทำงานในหน่วยงานที่ต้องไปประจำต่างประเทศ หลายประเทศเป็นเวลากว่า 15 ปี ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับการทำงาน 
🧓คุณพ่อ ตัวผมเอง เด็กโรงเรีนไทยแท้ เรียนมหาลัยไทยแท้ แต่ฝึกภาษาอังกฤษเอง จนไปฝึกงาน ไปเรียนต่อ และทำงานต่างประเทศ เดินทางบ่อย ยังคงทำงานแบบนานาชาติ รีโมทกับต่างประเทศ


ลูกสาว ตอนนี้ อายุ 17 ปี กำลังเรียนไฮสคูลที่อเมริกา โดยเริ่มจากไปเรียนแลกเปลี่ยน และ ได้ข้อเสนอให้สอบและยื่นขอทุนสนับสนุน เรียนต่อได้
โดยพื้นฐานลูกสาวเรียนอนุบาลไทยๆ สอบโรงเรียนไทย แล้วขึ้นมัธยมต้นสอบเข้าโปรแกรมหลักสูตรภาษาอังกฤษ 
ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ หลักสูตรใดๆเป็นพิเศษ ไม่เคยไปโรงรเียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ

การฝึก และพัฒนาภาษาอังกฤษของเด็กหญิงคนนี้ บังเอิญ ไปพ้องกับ การบวนการเรียนภาษาต่างประเทศแบบไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
ซึ่ง การเรียนภาษาต่างประเทศ ตามหลักการศึกษาเลย แบ่งเป็น / s,;f.sPjqmujgxHomujobp,dyowfhcdj

1.ไวยกรณ์โครงนร้างนำ
ข้อดีคือ รู้ตรรกะภาษา จดจำกฎต่างๆได้ ท่องและเข้าใจโครงสร้าง ศัพท์ ตามการผันต่างๆ เหมาะกับการเขียน และพูด ข้อเสียคือ  ใช้สื่อสารในชีวิตจริงได้ยาก ติดอยู่กับระบบการแปล และ กลายเป็นคนกลัวข้อผิดพลาด รวมถึง เป็นคนจับผิดไวยกรณ์ได้ง่าย

2.เรียนด้วยการซึมซับในชีวิต
ข้อดีคือ ใช้งานได้ง่าย เป็นระบบการสื่อสารที่คิดได้โดยไม่ต้องแปลก เข้าใจได้ทันที และสื่อสิ่งในหัวได้ ข้อเสียคือ ผิดหลักโครงสร้างและกฎต่างๆได้ง่าย หาากฝึกและชินกับสิ่งที่ผิดก็จะผิดตาม พัฒนาไประดับวิาการหรือเชิงธุรกิจได้ยากกว่า

ซึ่ง ทั้งสองระบบนี้ ครอบคลุมทั้งการ ฟัง พูด อ่าน เขียน เลยนะครับไม่ได้แปลว่า แยกกัน นั่นคือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ก็มีทั้งการเรียนแบบไวยกรณ์ และ การซึมซับไปด้วยได้ รวมถึง การเรียนบางเรื่องเช่น "การออกเสียง" ทั้งตัวอักษรและการผสมเสียง ก็เป็นเรื่องที่อยู่กับทั้งสองรูปแบบการเรียนรู้ ทั้ง ความเข้าใจโครงสร้างการเปล่งเสียง กฎการผสมเสียง รวมถึง ความคุ้นชิน ซึมซับ การเปล่งเสียง การออกเสียง





ส่วนตัวผมเอง เนื่องจากหัดภาษาอังกฤษมาด้วยตนเอง เพราะอยากไปเรียนเมืองนอก อยากไปทำงานเมืองนอก แล้วพอผ่านขั้นที่ไปได้ ก็ค่อยๆพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆตลอด จึง ค่อนข้าง "ต่อต้าน" กับการเรียยนในแบบแรก เนื่องจาก ไม่เคยรู้ตัวว่า พื้นฐานโครงสร้างเราถูกสร้างมาลอดเวลาที่เรียนในระบบของไทย เข้าใจไปว่า การเรียนภาษาที่ดี และ ที่ตัวเองพอทำได้ดีพอจนไปเรียน ไปทำงานได้นั้น เกิดจากการซึมซับเป็นหลัก




ในขณะที่ คุณย่า ที่สำเนียงไม่ดี พูดแบบไทยๆ  เรียนภาษามาน้อยตั้งแต่เด็กๆ แต่ไปเรียนเพิ่ม ฝึกอบรมจนสอบได้ตามเกณฑ์ที่สามารถขยับตำแหน่งมาเรื่อยๆ ให้ความสำคัญกับการเรียนกฎ ไวยกรณ์ โดยเฉพาะการ ท่องจำ ทั้งศัพท์ และ รูปประโยค ภาพในหัวของผม คุณแม่ของผม  เดินท่องประโยคภาษาอังกฤษ ท่องศัพท์ ต่างๆ ฟังเทป บทสนทนาภาษาอังกฤษในรถตลอดเวลา แล้วพูด ท่องตาม

เริ่มเห็นถึง ขั้วที่แตกต่างกันของสองฝั่งในบ้านมั้ยครับ?

มันกลายเป็นดราม่า สำหรับ ลูกสาวมนเวลาต่อมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่