ขออีกครั้งกับคู่กรรมบทความ อันเนื่องมาจากหนัง : เดือนเพ็ญ สีหรัตน์

กระทู้สนทนา



ได้อ่านวิจารณ์คู่กรรมของ คุณเดือนเพ็ญแล้วรู้สึกชอบมากเลยอยากให้ได้ลองอ่านกันค่ะ

"คู่กรรม" : สงสารณเดชณ์จริงๆ...บ่องตง
คู่กรรมเวอร์ชั่นนี้เป็นเพราะณเดชณ์แท้ๆ ที่ทำให้หนังไม่เสียชีวิต หนัง "ไม่ได้" และแทบจะ "ไม่ใช่" คู่กรรมอย่างที่เคยเป็นคู่กรรม
เดชะบุญได้การแสดงของณเดชณ์ช่วยไว้หนังจึงไม่ถึงกับ "ไม่ไหว" ดิฉันเคยดูหนังของผู้กำกับกิตติกร เลียวศิริกุลเพียงไม่กี่เรื่อง
ทุกครั้งเป็นการดูจากหนังแผ่นและเคเบิ้ลทีวี "คู่กรรม" เป็นเรื่องแรกที่ดูในโรงและเป็นหนังไทยเรื่องแรกในรอบสองปีที่ดูในโรงหนัง
หนังเข้าฉายตามหลัง "พี่มาก..พระโขนง" ที่กระแสแรงมาก เพราะความสนุกของหนังและการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก ด้วยความ
จำกัดเรื่องเวลาดิฉันเลือกดูเรื่องนี้ก่อนเพราะหวังกับหนังไว้ไม่น้อยคิดว่าเดี๊ยวค่อยดูพี่มากทีหลังรอให้คนดูซา ๆ ลงกว่านี้หน่อย
ดิฉันคิดไม่ผิดค่ะที่เลือกดู "คู่กรรม" หนังมีส่วนที่ "ไม่ได้" เยอะมากแต่เพราะหนังไม่ได้อย่างที่คิดและอย่างที่หวังไว้นี้ล่ะ เราเลยต้อง
คุยกัน (ฮา) ดูจบก็ได้แต่เสียดายแทนณเดชณ์ ถ้าเขาเกิดมาเพื่อจะได้เล่นเป็นโกโบริ เขาก็ควร...หรือน่า...จะได้เป็นโกโบริในหนัง
คู่กรรมที่ตัวหนังน่าจะประทับใจได้มากกว่านี้  

บทหนังมีปัญหามาก คนเขียนบททำอะไรกับงานประพันธ์ระดับ "ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์" ของการเขียนนวนิยายที่บ้านเรา
เคยมีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ในนวนิยายเรื่องคู่กรรมถูกตัดทิ้ง ตัดทอน และเปลี่ยนแปลง...ไปในทางที่แย่ลง...อย่างที่ไม่ควรจะเป็น
ณเดชณ์ คูกิมิยะเป็นโกโบริ นางเอกใหม่อรเณศ ดีคาบาเรส หรือริชชี่ นักแบดมินตันเหรียญทองจากกีฬาเยาวชนแห่งชาติ รับบท
เป็นอังศุมาลิน ในเครดิตของหนังชื่อของเธอขึ้นก่อนชื่อของณเดชณ์ ราวกับบทของน้องริชชี่คือตัวละครที่สำคัญที่สุดของหนัง
แต่ "คู่กรรม" เวอร์ชั่นนี้ถ้าไม่ได้ณเดชณ์หนังก็ "ไม่รอด" หรอกค่ะพูดจริง ๆ โปรดักชั่นของหนัง ภาพรวมของหนัง
งานสร้างของหนัง จะทำออกมาได้โอเคขนาดไหน หรือถึงขั้นดีมากเลยก็ตาม ถ้าบทหนังอ่อนขนาดนี้ และการแสดงของผู้แสดง
โดยรวมอ่อนขนาดนี้ถ้าตัวละครที่เป็นหัวใจอย่างโกโบริ "ไม่ได้" อีกคนหนึ่ง "คู่กรรม" เวอร์ชั่นนี้ก็จบข่าวเลยค่ะ บ่องตง
ซึ่งจริง ๆ แล้ว โกโบริและอังศุมาลิน "ควร" และ "ต้อง" เป็นหัวใจดวงใหญ่ ๆ ของคู่กรรม ไม่ว่าจะสร้างเมื่อไหร่ จะเป็นละครทีวี
หรือเป็นหนังใหญ่ ถ้าการคัดเลือกผู้แสดง "ไม่ได้" แถมการแสดงก็ "ไม่ได้" หนังอาจจะมีชื่อเล่นที่คนดูตั้งให้เป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่
"คู่กรรม" ดิฉันคิดขำ ๆ ว่าถ้าเวอร์ชั่นนี้จะตั้งชื่อหนังว่า "โกโบริ" คนที่ดูหนังแล้วก็คงคิดเหมือนกันว่าเออ...จริง
(เลียนแบบ "พี่มาก...พระโขนง" เค้าค่ะ) นอกจากณเดชณ์แล้วนักแสดงที่เหลือเกือบทุกคนโดยเฉพาะอรเณศ "ไม่ได้" เลยค่ะ
การคัดเลือกผู้แสดง และการแสดงของผู้แสดงที่ถูกเลือก มัน...เอิ่ม...(คุณที่ยังไม่ได้ดูต้องลองไปดูเองค่ะ ว่าจะคิดเหมือ
ดิฉันมั้ย) อาจจะดูเหมือนใจร้าย...มาก ถ้าจะบอกว่าในความคิดของดิฉันนอกจากณเดชณ์แล้วนักแสดงที่แสดงเป็นตัวละคร
ฝ่ายไทยที่เหลือเกือบทั้งหมด "ไม่ได้เลย" แม้แต่คนเดียวส่วนนักแสดงที่เล่นเป็นฝ่ายญีปุ่น ทั้งคนไทยทั้งคนที่คงจะเป็นญีปุ่น
แท้กลับโอเคกว่ามาก แต่ภาพโดยรวม ถ้าไม่มองในแง่ร้ายแง่ลบจนเกินไป "คู่กรรม" เวอร์ชั่นนี้ เป็นเวอร์ชั่นที่แปลกที่สุด
ทั้งในด้านดี และไม่ดี

บางฉากที่ควรจะต้องได้ กลับไม่ได้ และทำออกมาได้ค่อนข้างแย่ด้วยซ้ำ เช่นฉากจบที่โกโบริตาย แต่ฉากที่ไม่คาดคิด
กลับทำออกมาได้ดีเกินคาด
โปรดักชั่นโดยรวมของหนังไม่ถือว่าขี้เหล่หลายอย่างทำออกมาได้ในระดับที่ดีเลยด้วยซ้ำอย่างงานด้านโปรดักชั่นของหนัง
ดนตรีประกอบ และการกำกับภาพ-ถ่ายภายในหลายๆ ฉาก เช่นฉากการแต่งงานของโกโบริกับอังศุมาลิน ที่ดูยิ่งใหญ่และ
อลังการทีเดียว

สองฉากของหนังที่ดิฉันชอบมาก คือฉากถีบจักรยานบนสะพานหลังจากการบอมบ์ ภาพของหนัง ดนตรีประกอบของหนัง
มัน "ได้" ไปหมด เป็นฉากที่ดูไปซึ้งไป และขำไป กับท่าถีบจักรยานของพ่อโกโบริ อารมณ์ของหนังในฉากนั้นมัน "ให้"
มาก ท้งภาพ ทั้งดนตรีประกอบ และการแสดงหน้านิ่ง ๆ แข็ง ๆ ของอังศุมาลินเวอร์ชั่นน้องริชชี่ มันเข้ากันมากกับเหตุการณ์
จากสะพานถูกบอมบ์ หน้าตาและการแสดงที่ "แข็งทื่อ" ของเธอ กลายเป็นการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ในฉากนั้นไปโดย
ปริยาย ฉากนี้สวยและทำออกมาได้ดีมาก ภาพและดนตรีประกอบทำเอาน้ำตาซึม แต่น้ำตาไหลไปหัวเราะไป เป็นฉากที่
ทั้งซึ้งทั้งขำ คนในโรงหนังรอบเดียวกับดิฉันก็อาการเดียวกันคงเพราะณเดชณ์ถีบจักรยานได้น่ารักดีและตลกดี

อีกฉากคือฉากการกอดปล้ำกันของโกโบริ-อังศุมาลินที่เขาเมากลับบ้าน เป็นฉากทีสนุกที่สุด และขำที่สุดของหนัง
อย่างนึกไม่ถึง เป็นอีกฉากที่การแสดงแข็งๆ ของริชชี่เข้ากันมากกับอารมณ์แข็งขืนของอังศุมาลิน ในตอนนั้น แข็งขืน ต่อต้าน
และยอดจำนน (แบบเซ็งๆ) แบบหมดหนทาง ณเดชณ์เล่นได้น่ารักมาก การแสดงแข็ง ๆ ของริชชี่ก็ออกมาดูดีมาก คนเขียน
บทคิดได้ยังไง ผู้กำกับคิดได้ยังไงและนักแสดง โดยเฉพาะณเดชณ์เล่นได้ยังไงเป็นฉากพยายามปล้ำนางเอกของพระเอก
ที่สนุกที่สุดและีน่ารักที่สุดฉากหนึ่งที่ดิฉันเคยดูมาในหนังไทย น้องริชชี่ไม่มีปัญหาเรื่องรูปร่างหน้าตาในการเป็นอังศุมาลิน
แต่เธอมีปัญหามากเรื่องการแสดง รวมทั้งเสียงพูดและวิธีการพูด อังศุมาลินเวอร์ชั่นของนักแสดงสาวน้อยหน้าใหม่คนนี้
กับที่แค่ก้าวแรกในวงการแสดง ก็ได้บทสำคัญขนาดนี้ ถ้าคิดในมุมขำ ๆ มองในมุมขำ ๆ คงพอช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดหวัง
กับแม่อังเวอร์ชั่นนี้ลงได้บ้าง ก็อังศุมาลินในบทประพันธ์ของ "ทมยันตี" เป็นผู้หญิงแข็งๆ เข็มแข็ง ใจแข็ง และปากแข็ง
ความรู้สึกที่มีต่อโกโบริไม่เคยหลุดออกจากปาก จนสายเกินไป คงเพราะงี้หรือเปล่าอังศุมาลินของน้องริชชี่จึง "แข็ง" ได้ใจ
"แข็งทื่อ" ไปหมด ทั้งการแสดง ทั้งสีหน้า แววตา แม้กระทั่งสรีระ ฉากยืนทุกฉากของเธอในหนัง ผู้กำกับก็ปล่อยให้เธอยืน
นิ่งตัวตรงแข็งทื่อได้ทุกฉากและทีเดียวเชียว อย่างเดียวที่ไม่แข็งและอ่อนจนเข้าขั้นแย่คือเสียงและวิํธีการพูด ฉากที่
อังศุมาลินไม่พูดคือฉากที่โอเคแทบทุกฉาก (ฮา)

หนึ่งในฉากสำคัญของหนัง คือฉากตอบจบซึ่งเป็นฉากที่ควรจะดีที่สุด กลับเป็นฉากที่ดิฉันผิดหวังที่สุด ต้องโทษผู้กำกับเลย
ล่ะค่ะ เพราะนักแสดงก็ดูพยายามเต็มที่แล้ว ทั้งณเดชณ์และริชชี่
คู่กรรมเวอร์ชั่นที่เป็นละครทางช่อง 7 เคยถูกแซว (ตลอดกาล) ว่ากว่าโกโบริจะตายละครลากยาวข้ามอาทิตย์ให้โกโบริ
กับอังศุมาลินได้บอกลากันยืดยาว เพราะเรตติ้งพู่งกระฉูด แต่ก็เป็นฉากจบที่ประทับใจคนดูมาจนถึงทุกวันนี้ ชนิดที่ร้องไห้
กันทั้งประเทศเลยทีเดียว

ไม่ได้คาดหวังว่าฉากจบของคู่กรรมเวอร์ชั่นนี้จะออกมาประมาณไหน เพราะเข้าใจว่าฉากนี้เป็นฉากสำคัญที่สุดของนวนิยาย
ยังไงก็จะต้องได้ดูฉากที่แสนเศร้าและประทับใจฉากนี้ เหมือนคู่กรรมเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่เคยดู
ฉากนี้โกโบริตาย แต่ณเดชณ์รอด ด้วยความสามารถที่เขามี แต่อังศุมาลินของน้องริชชี่ ที่ถูลู่ถูกังและร่อแร่มาตลอดทั้งเรื่อง
พอ ๆ กับตัวหนังในที่สุด จนหนังจบ เธอก็ยังไม่รอด และตัวหนังเองก็จบไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น
ฉากนี้ ไม่มีทางช้างเผือก ไม่มีความตายในอ้อมกอดของผู้หญิงที่เขารัก แม้จะมีคำสารภาพรักจากปากของอังศุมาลิน
ให้โกโบริได้ยิน และยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนสิ้นใจ คุณกิตติกรผู้กำกับเคยใหสัมภาษณ์ว่าได้รีเสิร์ชข้อมูลมาตลอดก่อนการ
ถ่ายทำ หลังจากดูหนังแล้วก็แปลงใจว่ารีเสิร์ชข้อมูลมาอย่างไรหนอ จึงออกมาขาดจิตวิญญาณความเป็นคู่กรรมได้ขนาดนั้น
และอย่างไรหนอจึงไปเน้นที่ฉาก ที่งานโปรดักชั่น จนมองข้ามความสำคัญของ "ความสัมพันธ์" ของตัวละครที่เป็นคน
คู่กรรมฉบับนี้บท "คุณยาย" กลายเป็นเพียงตัวประกอบที่แทบจะเหมือนหุ่นกระบอก "พ่อดอกมะลิ" และ "แม่อัง" ชื่อที่คุณยาย
เรียกโกโบริและอังศุมาลิน ไม่มีให้ได้ยิน คุณยายไม่ได้พูดเลยสักคำ บรรยากาศแบบชาวบ้านชาวสวนก็หายไป ไม่มีแม้
กระทั่งต้นลำพู และหิ่งห้อย
แค่เห็นบ้านของอังศุมาลิน ดิฉันเชื่อว่าคนดูที่คุ้นเคยกับคู่กรรม ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งดูหนัง ดูละคร (โดยเฉพาะละคร) เห็น
ฉากบ้านอังศุมาลินก็คงหงายเงิบไปตาม ๆ กัน ชื่อ "ฮิเดโกะ" ของอังศุมาลินที่โกโบริเรียก ถ้าหนังจะเน้นกว่านี้ และทำออกมา
ได้โรแมนติกกว่านี้ ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง

อังศุมาลิน และฮิเดโกะ มีความหมายเดียวกัน คือพระอาทิตย์ ซึ่งโกโบริประทับใจมาก และเรียกชื่อเธอว่าฮิเดโกะจนนาที
สุดท้ายของชีวิต
หนังเน้นที่โกโบริและอังศุมาลินไม่ผิดหรอกแต่เมื่อคนที่เล่นเป็นอังศุมาลินมัน "ไม่ได้" ตั้งแต่แรก และไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้
อยู่เช่นนั้นมีโกโบริของณเดชณ์ทำหน้าที่แบกหนังและหัวใจคนดูในโรงอยู่เพียงคนเดียว มันก็เป็นภาระที่หนังอึ้งและ
น่าสงสารมาก สงสารทั้งโกโบริของณเดชณ์ และสงสารบทประพันธ์ โชคดีที่ณเดชณ์เก่งกว่าที่ดิฉันคิด และทำหน้าที่ของเขา
ได้เต็มที่และดีที่สุด เท่าที่เห็นจากข้อจำกัดของบทหนัง
เสียดายแทนณเดชณ์ อุตส่าห์ได้เล่นเป็นโกโบริด้วยความเหมาะสมทุกด้านทั้งที ได้รับบทเป็นตัวละครที่เป็นเหมือน
"ครั้งหนึ่งในชีวิต" ของนักแสดงชายเพียงไม่กี่คนในประเทศนี้ ที้งที
เสียดาย...ที่หนังน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ แต่ในฐานะนักแสดง สิ่งหนึ่งที่ณเดชณ์ไม่ควรจะเสียดาย แถมควรจะภูมิใจด้วยซ้ำ
คือ...เขาคือหนึ่งใน "สิ่งที่ดีที่สุด" ของคู่กรรม 2556

เครดิต อันเนื่องมาจากหนัง : เดือนเพ็ญ สีหรัตน์ นิตยสารเอนเตอร์เทน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่