หลายคนลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศเพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมีตราสารหนี้บางตัวที่ต้องระวังคือ ธนาคารบราซิล รู้ไหมว่าปีที่แล้วบราซิลเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 0.9 หุ้นบราซิลให้ผลตอบแทนหนึ่งในประเทศที่ตกต่ำที่สุดในโลกปีนี้ กำไรของตลาดหุ้นบราซิลลดลงร้อยละ 40 ในช่วงไม่ถึงสองปี จนวันนี้ P/E หุ้นบราซิลอยู่ที่ 99 เท่า
ที่มีปัญหาคือหยิ่งคิดว่าตนเองไม่ต้องพึ่งพาเงินตราต่างประเทศ จึงมีการเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยน แต่ไม่รู้ว่าประเทศตนมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ร้อยละ 150 การเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงแรกไม่ได้ส่งผลอะไร แต่เวลาผ่านไป พบว่า ต้นทุนการกู้ยืมภายในประเทศสูงขึ้น ทำให้ความสามารถการแข่งขันลดลง ปัญหาสภาพคล่องที่ลดลงส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งต้นทุนการกู้ยือมภาคธุรกิจที่ปรับเพิ่มขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมภาคครัวเรือนที่สูงเกือยบร้อยละ 18-20 ทำให้เศรษฐกิจเริ่มประสบปัญหา
จากการศึกษาของ MIT Professor Michael W. Klein Capital Controls: Gates versus Walls พบว่ามาตราการการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายของบราซิลไม่ได้ผล แต่สิ่งที่พบตอนนี้คือ ต้นทุนการลงทุนและบริโภคสูงขึ้นจนทำให้เศรษฐกิจมีปัญหา
ค่าเงินบราซิลเริ่มปรับลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาและกำลังพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน แต่คำถามคือ นักลงทุนจะเชื่อได้อย่างไรว่าบราซิลจะไม่นำมาตราการดังกล่าวมาใช้อีกในอนาคตถ้ายกเลิก ซึ่งย่อมทำให้ต้นทุนของประเทศสูงขึ้นในระยะยาวอีกนานแน่นอน และประเทศนี้มีปัญหาสภาพคล่องหนัก จนการสร้างสนามบอลเพื่อรองรับบอลโลกอาจไม่เสร็จทันกำหนดในปี 2014
เสี่ยงมากกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่คนไทยไม่รู้หลอกว่าวันนี้ประเทศนี้จะหัวหรือก้อย แต่ก็ลงทุนกันมากเพียงผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเล้กน้อย ถ้าดีจริงทำไมถึงยอมจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าคนอื่น
กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศต้องระวังบราซิล เพราะประเทศมีปัญหาสภาพคล่องหลังมีการเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยน
ที่มีปัญหาคือหยิ่งคิดว่าตนเองไม่ต้องพึ่งพาเงินตราต่างประเทศ จึงมีการเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยน แต่ไม่รู้ว่าประเทศตนมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ร้อยละ 150 การเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงแรกไม่ได้ส่งผลอะไร แต่เวลาผ่านไป พบว่า ต้นทุนการกู้ยืมภายในประเทศสูงขึ้น ทำให้ความสามารถการแข่งขันลดลง ปัญหาสภาพคล่องที่ลดลงส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งต้นทุนการกู้ยือมภาคธุรกิจที่ปรับเพิ่มขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมภาคครัวเรือนที่สูงเกือยบร้อยละ 18-20 ทำให้เศรษฐกิจเริ่มประสบปัญหา
จากการศึกษาของ MIT Professor Michael W. Klein Capital Controls: Gates versus Walls พบว่ามาตราการการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายของบราซิลไม่ได้ผล แต่สิ่งที่พบตอนนี้คือ ต้นทุนการลงทุนและบริโภคสูงขึ้นจนทำให้เศรษฐกิจมีปัญหา
ค่าเงินบราซิลเริ่มปรับลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาและกำลังพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วน แต่คำถามคือ นักลงทุนจะเชื่อได้อย่างไรว่าบราซิลจะไม่นำมาตราการดังกล่าวมาใช้อีกในอนาคตถ้ายกเลิก ซึ่งย่อมทำให้ต้นทุนของประเทศสูงขึ้นในระยะยาวอีกนานแน่นอน และประเทศนี้มีปัญหาสภาพคล่องหนัก จนการสร้างสนามบอลเพื่อรองรับบอลโลกอาจไม่เสร็จทันกำหนดในปี 2014
เสี่ยงมากกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่คนไทยไม่รู้หลอกว่าวันนี้ประเทศนี้จะหัวหรือก้อย แต่ก็ลงทุนกันมากเพียงผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเล้กน้อย ถ้าดีจริงทำไมถึงยอมจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าคนอื่น