กองทุนตราสารหนี้จะถูกจัดเก็บภาษีจากดอกเบี้ย โดยที่พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว และจะมีผลใช้บังคับภายใน 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้

อ้างอิง http://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/2019/02042019.aspx?fbclid=IwAR3lntNnZ-AAjVEM7UHLoglU1ZHvZyRZxKqiY3jKMmPS9O0HbaamHBmoayY
1 เนื่องจากเป็นภาษีที่กองทุนรวมมีหน้าที่ต้องเสียภาษี ดังนั้นผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลจึงไม่สามารถทำการขอคืนภาษีได้แม้ว่าฐานภาษีจะต่ำกว่าร้อยละ 15 ก็ตาม
--แบบนี้ก็เท่ากับ ฉ้อโกงประชาชน นะสิ ฐานภาษีแม้จะต่ำกว่าร้อยละ 15 ต้องจ่ายเต็ม ขอคืนไม่ได้ ประชาชนเป็นเจ้าของหน่วยลงทุนนะไม่ใช่บลจ.

2 เนื่องจากภาษีจะเก็บในอัตราร้อยละ 15 ของดอกเบี้ยหน้าตั๋ว(Coupon)ดังนั้น หากกองทุนลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคูปองสูงกว่าผลตอบแทนที่ได้รับจริง (Yield) ก็เท่ากับว่านักลงทุนถูกเก็บภาษีเกินกว่าผลตอบแทนที่ได้รับจริง โดยตราสารหนี้ที่ว่านี้จะมีราคาซื้อขายสูงกว่าราคาพาร์ซึ่งมักจะพบในพันธบัตรรัฐบาล
--เอาตามราคาตราสารหนี้ที่ซื้อขายจริงสิ ราคาต้นทุนเท่าไรก็เท่านั้น ราคาจะต่ำหรือสูงกว่าราคาหน้าตั๋วก็ต้องตามนั้น ต้องเป็นไปตามหลักการบัญชีสินี่ใช้หลักการอะไร