ความเดิม
http://pantip.com/topic/30216921
http://pantip.com/topic/30240790
ทุกครั้งที่ผมจัดกระเป๋าเพื่อการเดินทางไกล ผมมักจะมีความรู้สึก อึดอัด ครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นความรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ บางครั้งก็สับสน กังวล รู้สึกพะอืดพะอม กรดลงกระเพาะ ท้องเสียท้องผูก
รวนกันไป อาการที่เกิดขึ้นเรียกว่า Traveler anxiety เป็นอาการจากความกังวลหรือความกลัวจากการเดินทาง ความกังวลนี้บางครั้งกำเริบมากๆ เข้าถึงกับถามตัวเองว่าจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเดินทางครั้งนี้พาลจะเลิกไปเอาดื้อๆ ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิด มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2520 ที่ผมเริ่มต้นออกเดินทางสู่โลกกว้างด้วยกระเป๋าเป้ใบเดียว แม้ในปัจจุบัน
ความกลัวเป็นภัยคุกคามที่ค่อยๆ กัดกินจิตวิญญาณของคนเราอย่างเงียบๆ มันเหมือนสนิมที่เกาะกินเนื้อตัวเองให้เสื่อมสลายไปอย่างช้าๆ ด้วยความเกียจคร้าน มันทำให้เราหมกตัวอยู่ในถ้ำที่ตกแต่งให้น่าอยู่สบาย ทีวี แอร์ อาหารการกินดีๆ ฯลฯ เมื่อมารู้ตัวอีกที ร่างกายเราก็อ่อนล้าเกินกว่าจะขยับเขยื้อนไปไหนไกลๆ ด้วยตัวเอง และที่สุดฝังตัวอยู่ในถ้ำความคิดหมกมุ่นลุ่มหลงกับความคิดตัวเอง ตีกรอบ ไม่สนใจโลกภายนอก จนบางครั้งทำให้ผมสงสัยว่าเราหลุดจากภาวะมนุษย์ยุคหินที่อาศัยพักพิงในถ้ำจริงๆ แล้วหรือ
สำหรับผมการเดินทางคือการเดินทางออกจากถ้ำ เพื่อออกไปรับแสงสว่างทางปัญญา จับความเป็นไปของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันจะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้น ทำให้เราเข้าใจสาระการดำรงอยู่ของชีวิต มันคือการสำรวจตัวเองผ่านชีวิตผู้คนที่พบเห็น มันคือภาพที่มีสีสัน และสะท้อนให้เห็นตัวตนอันลี้ลับในตัวเรา
จาก Bangalulu ไป Kanyakumari แหลมปลายสุดของคาบสมุทรอินเดีย ผมเลือกรถไฟขบวน Kanyakumari express แม้ชื่อบอกว่าเป็นขบวนด่วน แต่เอาเข้าจริงๆ เป็นรถไฟขบวนหวานเย็น จอดมากกว่า 40 สถานี ใช้เวลา 22 ชั่วโมง ซึ่งมีขบวนอื่นใช้เวลาแค่ 12 ชั่วโมง ข้ามคืนเท่านั้นก็ถึงแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าผมอยากดูธรรมชาติ ชีวิตผู้คนมากกว่าจะสนใจให้ถึงที่หมายปลายทางโดยเร็ว
รถไฟไปKanyakumari ออกจาก Bangalulu เวลา 21.30 ผมวิ่งกะหืดกะหอบขึ้นรถหาที่นั่งของตัวเองแทบไม่ทัน เพราะมัวฟังเพื่อนถกเรื่องภาษากับสมองNeural network ที่สโมสรนักข่าวเพลินจนแทบไม่อยากลุกจากเก้าอี้
การเดินทางด้วยรถไฟในอินเดียเป็นอะไรที่สับสนวุ่นยายมาก ผู้คนเดินกันขวักไขว่เหมือนมดที่สารวนกับงานของตัวเอง แนะนำว่าควรไปถึงสถานีก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 30 นาที เพื่อตรวจสอบที่บอร์ดเวลาเข้าเทียบชานชาลา และเดินหาตู้ที่เราจอง รถไฟที่อินเดียมีขบวนที่ยาวมาก ผมประมาณการว่ารถไฟขบวนที่วิ่งระยะไกลน่าจะมีความยาวถึง 1000 เมตร หรือหนึ่งกิโลเมตรทีเดียว สถานีรถไฟหัวเมืองใหญ่ผมว่ามีขนาดใหญ่กว่าสนามบินระดับท้องถิ่นหลายแห่ง แม้จะรู้ชานชาลาที่จอดแต่การเดินหาตุ้และที่นั่งเราจองถ้าเดินหาแบบสุ่มๆ เอา และหากมีสัมภาระมากมายก่ายกอง อาจมีสิทธิตกรถไฟได้ หรือไม่ก็เดินกันขาลาก แนวทางหาตำแหน่งยืนรอรถไฟทำได้ง่ายๆ คือ ที่ทางเดินชานชาลาจะมีตัวอักษรเขียนอยู่ ให้ไปยืนรอตามตัวอักษรนั้น เช่น “S” หมายถึงตู้นอนธรรมดา “A” ตุ้นอนแอร์สองชั้น “B”ตู้นอนแอร์ 3 ชั้น และ“D” ตั๋วโดดคือตั๋วที่ซื้อหน้าสถานีแล้วโดดไปแย่งที่นั่งกันเอาเอง ใครอยากรู้ว่านรกในอินเดียเป็นไงลองใช้บริการตู้นี้ดู ผมเคยใช้มา 4 – 5 ขบวน ถึงความหฤโหดของอินเดียจริงๆ
ที่ตู้ขบวนเองก็มีชื่อติดอยู่ ดังรูปชื่อติดอยู่ที่ตู้ S 3 หมายถึงตู้นอนธรรมดาตู้ที่ 3
ชวนแบกเป้นั่งรถไฟเล่นที่อินเดียใต้กัน 3 (Kanyakumari)
http://pantip.com/topic/30216921
http://pantip.com/topic/30240790
ทุกครั้งที่ผมจัดกระเป๋าเพื่อการเดินทางไกล ผมมักจะมีความรู้สึก อึดอัด ครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นความรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ บางครั้งก็สับสน กังวล รู้สึกพะอืดพะอม กรดลงกระเพาะ ท้องเสียท้องผูก
รวนกันไป อาการที่เกิดขึ้นเรียกว่า Traveler anxiety เป็นอาการจากความกังวลหรือความกลัวจากการเดินทาง ความกังวลนี้บางครั้งกำเริบมากๆ เข้าถึงกับถามตัวเองว่าจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเดินทางครั้งนี้พาลจะเลิกไปเอาดื้อๆ ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิด มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2520 ที่ผมเริ่มต้นออกเดินทางสู่โลกกว้างด้วยกระเป๋าเป้ใบเดียว แม้ในปัจจุบัน
ความกลัวเป็นภัยคุกคามที่ค่อยๆ กัดกินจิตวิญญาณของคนเราอย่างเงียบๆ มันเหมือนสนิมที่เกาะกินเนื้อตัวเองให้เสื่อมสลายไปอย่างช้าๆ ด้วยความเกียจคร้าน มันทำให้เราหมกตัวอยู่ในถ้ำที่ตกแต่งให้น่าอยู่สบาย ทีวี แอร์ อาหารการกินดีๆ ฯลฯ เมื่อมารู้ตัวอีกที ร่างกายเราก็อ่อนล้าเกินกว่าจะขยับเขยื้อนไปไหนไกลๆ ด้วยตัวเอง และที่สุดฝังตัวอยู่ในถ้ำความคิดหมกมุ่นลุ่มหลงกับความคิดตัวเอง ตีกรอบ ไม่สนใจโลกภายนอก จนบางครั้งทำให้ผมสงสัยว่าเราหลุดจากภาวะมนุษย์ยุคหินที่อาศัยพักพิงในถ้ำจริงๆ แล้วหรือ
สำหรับผมการเดินทางคือการเดินทางออกจากถ้ำ เพื่อออกไปรับแสงสว่างทางปัญญา จับความเป็นไปของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันจะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้น ทำให้เราเข้าใจสาระการดำรงอยู่ของชีวิต มันคือการสำรวจตัวเองผ่านชีวิตผู้คนที่พบเห็น มันคือภาพที่มีสีสัน และสะท้อนให้เห็นตัวตนอันลี้ลับในตัวเรา
จาก Bangalulu ไป Kanyakumari แหลมปลายสุดของคาบสมุทรอินเดีย ผมเลือกรถไฟขบวน Kanyakumari express แม้ชื่อบอกว่าเป็นขบวนด่วน แต่เอาเข้าจริงๆ เป็นรถไฟขบวนหวานเย็น จอดมากกว่า 40 สถานี ใช้เวลา 22 ชั่วโมง ซึ่งมีขบวนอื่นใช้เวลาแค่ 12 ชั่วโมง ข้ามคืนเท่านั้นก็ถึงแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าผมอยากดูธรรมชาติ ชีวิตผู้คนมากกว่าจะสนใจให้ถึงที่หมายปลายทางโดยเร็ว
รถไฟไปKanyakumari ออกจาก Bangalulu เวลา 21.30 ผมวิ่งกะหืดกะหอบขึ้นรถหาที่นั่งของตัวเองแทบไม่ทัน เพราะมัวฟังเพื่อนถกเรื่องภาษากับสมองNeural network ที่สโมสรนักข่าวเพลินจนแทบไม่อยากลุกจากเก้าอี้
การเดินทางด้วยรถไฟในอินเดียเป็นอะไรที่สับสนวุ่นยายมาก ผู้คนเดินกันขวักไขว่เหมือนมดที่สารวนกับงานของตัวเอง แนะนำว่าควรไปถึงสถานีก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 30 นาที เพื่อตรวจสอบที่บอร์ดเวลาเข้าเทียบชานชาลา และเดินหาตู้ที่เราจอง รถไฟที่อินเดียมีขบวนที่ยาวมาก ผมประมาณการว่ารถไฟขบวนที่วิ่งระยะไกลน่าจะมีความยาวถึง 1000 เมตร หรือหนึ่งกิโลเมตรทีเดียว สถานีรถไฟหัวเมืองใหญ่ผมว่ามีขนาดใหญ่กว่าสนามบินระดับท้องถิ่นหลายแห่ง แม้จะรู้ชานชาลาที่จอดแต่การเดินหาตุ้และที่นั่งเราจองถ้าเดินหาแบบสุ่มๆ เอา และหากมีสัมภาระมากมายก่ายกอง อาจมีสิทธิตกรถไฟได้ หรือไม่ก็เดินกันขาลาก แนวทางหาตำแหน่งยืนรอรถไฟทำได้ง่ายๆ คือ ที่ทางเดินชานชาลาจะมีตัวอักษรเขียนอยู่ ให้ไปยืนรอตามตัวอักษรนั้น เช่น “S” หมายถึงตู้นอนธรรมดา “A” ตุ้นอนแอร์สองชั้น “B”ตู้นอนแอร์ 3 ชั้น และ“D” ตั๋วโดดคือตั๋วที่ซื้อหน้าสถานีแล้วโดดไปแย่งที่นั่งกันเอาเอง ใครอยากรู้ว่านรกในอินเดียเป็นไงลองใช้บริการตู้นี้ดู ผมเคยใช้มา 4 – 5 ขบวน ถึงความหฤโหดของอินเดียจริงๆ
ที่ตู้ขบวนเองก็มีชื่อติดอยู่ ดังรูปชื่อติดอยู่ที่ตู้ S 3 หมายถึงตู้นอนธรรมดาตู้ที่ 3