ทำความรู้จักเพื่อนพี่มาก จาก นสพ.มติชน

หลังรอกันมาเกือบ 3 ปี สาวกผู้ติดใจแก๊ง "คนกลาง" จากหนัง "4 แพร่ง" และ "คนกอง" ของ "5 แพร่ง" อันประกอบด้วย "เผือก" (เผือก-พงศธร จงวิลาส), "เต๋อ" (ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์), "ชิน" (เชน-อัฒรุต คงราศรี) และ "เอ" (บอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) ก็ได้เฮกันซะที

ด้วยครั้งนี้ผู้กำกับ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ทำตามสัญญา ที่ว่าจะจัดให้ดูกันยาวๆ

พวกเขาจึงกลับมาพร้อม "พี่มาก...พระโขนง"

"เรา 4 คนเป็นเพื่อนสนิทของ ′มาก′ (มาริโอ้ เมาเร่อ) ในสนามรบ เขาเคยช่วยพวกเราไว้เลย รักกันมาก" เผือก เจ้าของผมทรงปีกนกว่าพลางยิ้มอวดฟันดำปี๋

เมื่อรักกันขนาดนี้พอกลับมาเจอ "แม่นาค" (ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่) เมียเพื่อนเป็นผี แล้วสหายซี้จะอยู่นิ่งได้อย่างไร

"เราพยายามบอกเขาว่าเมียเขาเป็นผี แบบไม่ให้แม่นาครู้ตัว เพราะเราก็กลัวเหมือนกัน"

ซึ่งความกลัวนั้น เผือกบอกไม่ได้มีเฉพาะแค่ในเรื่อง

"เรื่องจริงเราก็กลัว" เขาว่าสีหน้าจริงจัง

"หนึ่งคือกลัวกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ต้องเจอแน่ๆ ใครที่ไปทำอะไรกับตำนานนี้ ถ้าหลุดจากที่เคยได้ยินมา ต้องมีฟีดแบ๊กทางลบ

"อีกอย่างกลัวเรื่องอาถรรพ์ เพราะเราก็เคยได้ยินมาถึงความศักดิ์สิทธิ์"

ถึงในหนังจะเชิดชูความรักของพี่มาก-แม่นาคแบบในตำนานอย่างไม่ผิดเพี้ยน

แถมยังพูดถึงมุมใหม่ๆ ที่ไม่มีใครเคยเห็น อย่างมากทำอะไรตอนไปเป็นทหาร หรือทั้งคู่พบกันได้อย่างไร รักกันตอนไหน

แต่ก็ดันมีพวกเขาทั้ง 4 ที่มาป่วน

"ผมยังคงเป็นตัวป่วนปากเสีย คอยด่าเพื่อน ไม่ค่อยคิดมากกับเรื่องอะไร

"ฟรอยด์จะเป็นเจ้าความคิด ทฤษฎีต่างๆ มีผุดขึ้นในหัวตลอดเวลา เชนจะขี้กลัว แหยมาก บอมบ์ก็จะนิ่งๆ เหมือนเดิม คาดเดาลำบากว่าเป็นผีหรือคน ไปแอบตายตอนไหนหรือเปล่า"

ดังนั้น ตอนบวงสรวงทั้ง 4 เลยตั้งใจกันเต็มที่ และก่อนเข้าฉากทุกครั้งเป็นต้องยกมือไหว้ "ย่านาค" ขอให้งานราบรื่น

ขนาดคนที่ออกปากว่าชีวิตจริง "ไม่กลัว" อย่าง เชน ยังเอากับเขาด้วย



ก็เรื่องแบบนี้ลบหลู่กันได้แค่ไหน

ยิ่งส่วนใหญ่ถ่ายทำช่วง 6 โมงเย็น-6 โมงเช้า แถมโลเกชั่นมีทั้งบ้านเรือนไทยริมน้ำที่อัมพวา, วัดที่สิงห์บุรี บรรยากาศยิ่งชวนให้วังเวง

โชคดีที่ความสนุกในกองช่วยให้ผ่านไปได้

"เวลาง่วงๆ ตี 2 ตี 3 จะมีฟรอยด์เป็นตัวสร้างสีสันตลอด มีเล่นตลก ร้องด้นสด ฮิพฮอพวังทองหลาง อะไรของเขา" นี่เชนเล่าด้วยตายิ้มๆ

"หรือไม่พวกผม 5 คนรวมโอ้จะนั่งคุยกันเรื่องของเก่า ของสะสม รถเก่า"

ทั้งที่ "ตอนแรกเกร็งมาก ถ้าเป็นพวกเรา 4 คนก็ไม่ต้องปรับจูน เพราะสนิทกันอยู่แล้ว แต่พอมีโอ้เรารู้สึกว่าเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์ ไม่กล้าคุยด้วย"

กระทั่งเริ่มคุ้นเคยนั่นละ จึงสาดมุขใส่กันเต็มที่ บรรยากาศเลยฮาต่างจากหน้าฉาก

"เวลาถ่ายทำทุกคนจะจริงจังมาก เพราะอยากให้หนังออกมาดี

"มันเป็นงานที่เหนื่อยมาก แต่ทุกคนก็สู้ คือเหนื่อยก็เหนื่อย แต่เหนื่อยแล้วยังไง ช่วยกันกระตุ้นตลอด"

โดยเฉพาะเขาซึ่งหลังจบ 5 แพร่ง ก็ไปเป็นตัวแทนยา ห่างหายจากงานแสดงพอกลับมาเลยติดๆ ขัดๆ

"ของผมซีนแรกง่ายมาก แค่พูด...จะให้กูตื่นซะกี่ที จะหลอกก็หลอกเลย บิวด์กูอยู่นั่นแหละ...แต่ทำไม่ได้ เลยนอยด์ เพราะทำให้คนอื่นช้า

"เลยขอผู้กำกับไปเวิร์กช็อปเพิ่ม"

ทว่ายังไม่วายเป็น "เชนร้อยเทค" ของเพื่อนๆ อยู่ดี

เรื่องนี้ "ผู้นำทีม" ซึ่งทุกคนพร้อมใจยกตำแหน่งให้ พร้อมเรียนขานเป็น "กัปตันฟรอยด์โดนิดาส" ขอเมาธ์

"เขาห่างไปนาน พอกลับมาคืนครูหมด แต่ก็แค่ฉากเดียว เพราะเขาขยันมาก

"ส่วนพี่เผือกนี่ต้องแชต ต้องโทร.หาแฟน รายงานตลอด เหนื่อยมาก ร้อนมากบอกหมด ขนาดผมทำวีรกรรมแก้ผ้าในกองยังต้องเล่า

"เลยเรียกเขาว่า ผู้ชายคิดถึงทุกคัต รักนะทุกเทป"

แต่พอถามถึงบอมบ์ ฟรอยด์กลับออกตัว "เขาจะนิ่งๆ เหมือนคาแร็กเตอร์ในหนัง

"แต่ไม่รู้ทำไมชอบเล่นกับช่างแต่งหน้า คอสตูม พวกพี่ๆ เกย์ หรือไม่ก็ไปเล่นกับใหม่เหมือนเป็นเพื่อนสาว อันนี้ก็ไม่รู้นะ" คนพูดว่าไปพลางหัวเราะ

ส่วนฉายา "ผู้รอบรู้" ต้องให้มาริโอ้ เพราะรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องจริง

แค่ฟังก็ยังอดขำตามไม่ได้ เลยไม่แปลกถ้าจะฟรอยด์จะว่า "เวลาไปกองถ่ายทุกครั้งเหมือนเราไม่ได้ไปเล่นหนัง แต่ได้มาเจอเพื่อน"

แถมพอสนิทกันมุขตลกที่เห็นในหนังเลยไม่ได้มาแบบจัดวาง เพราะความตั้งใจของคนทำอยากให้สนุกไปกับคาแร็กเตอร์ตัวละครมากกว่า

ซึ่งอันนี้ต้องขอบคุณ จีทีเอช ที่สร้างแก๊งคนกลาง- คนกอง ให้แข็งแรงจนมาเป็นส่วนหนึ่งของตำนานรักได้

แต่ในความภาคภูมิใจคนอารมณ์ดีก็ยังยอมรับ "เป็นเรื่องที่ยากและเหนื่อยที่สุดในชีวิต"

ยากทั้งเรื่องการแสดงที่ต้องคงบุคลิกนิ่งขรึมต่างจากตัวจริง และยากที่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก

"เรื่องนี้ต้องเดินเท้าเปล่า ต่อให้ถ่ายไม่เห็นเท้าก็ห้ามใส่รองเท้า"

ด้วยเหตุผลว่าจะได้อิน

"ที่สำคัญต้องทาฟัน ทาตัว" เพราะยุคนั้นคนส่วนใหญ่กินหมากจนฟันดำ แถมยังมีผิวคมเข้มไม่เหมือนหนุ่มไทยหัวใจเกาหลีสมัยนี้

พอฟัง บอมบ์ หนุ่มผิวเข้มหนึ่งเดียวที่รอดจากการทาตัวดำรีบโวย "ดีที่ของฟรอยด์ยังเซตผมง่าย หรืออย่างเชนอาจจะตลกหน่อย แต่ก็แค่มัดจุกขึ้นไป ไม่เหมือนของผมกับพี่เผือก"

เพราะของบอมบ์ต้องเซตผมตั้งแต่ด้านหน้าถึงกลางกระหม่อมให้ตั้งเป็นทรง ส่วนเผือกต้องเซตเป็นปีกนกชี้ออก 2 ข้าง รวมแล้วใช้เวลากว่าชั่วโมงกับอุปกรณ์จัดทรงสารพัด

นี่ยังไม่นับ "หนวด" อุปกรณ์เสริมเพิ่มความเคร่งขรึม

และฟันดำๆ ที่แค่กินอะไรก็พร้อมจะหลุดออกมาให้ได้สัมผัสกลิ่นแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่ทาใหม่

ทว่าหนักสุดก็ต้องสีทาตัว

"กลับบ้านแต่ละทีล้างผม ล้างตัวจนเหนื่อย กว่าจะได้นอน แล้วสบู่ธรรมดาก็ล้างไม่ค่อยออกต้องขัดแล้วขัดอีก" คนโดนบ่นอุบ

แต่ก็บ่นด้วยความภาคภูมิใจ ด้วย "ผมทุ่มเทให้กับเรื่องนี้มาก"

ทุ่มทั้งแรงกาย แรงใจ ถึงขนาดยอมจูบกับผู้ชายอย่างเผือกเป็นครั้งแรก

มิหนำซ้ำยังทุ่มเวลา ถึงขั้นลางานประจำที่เกาหลี 3 เดือนสำหรับการนี้ เพื่อแลกกับ "ขอแค่ให้คนดูสนุกเหมือนกับพวกเราตอนทำงาน"

ทั้งนี้ใครยังกลัวๆ กล้าๆ กับภาพติดตาของแม่นาคในตำนาน เขาว่าอย่าได้กลัวเลย

"เพราะในนั้นยังมีความรักของคนสมัยก่อนที่น่าชื่นชม และความสนุกสนาน ความฮาของพวกเราให้เห็น

"ขอแค่ให้คุณลองเปิดใจ"

ฉากนี้"เด็ด"

ถามถึงฉากที่อยากเสนอขายสุดสุด เผือกรีบชิงตอบว่าคือ "ฉากวัดใจ"

วัดว่าเขาจะ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ผู้ชายเต็มตัว

"ผมต้องเลิฟซีนกับบอมบ์ จูบกับผู้ชายครั้งแรกในชีวิต ซึ่งที่จริงให้ผมไปเสี่ยงตายทำอะไรก็ได้ ยกเว้นการจู๊บบกับผู้ชาย" เผือกว่า

แต่สุดท้ายงานก็คืองาน คนไม่อยากเลยทำได้เพียงลืมๆ มันไปช่วงก่อนถึงเวลาถ่ายทำ

"เราพยายามนิ่งที่สุด แต่เพื่อนก็มาทับถมโดยเฉพาะคุณฟรอยด์ มันร้องเพลงเธอจะมีใจหรือเปล่า"

"แต่ที่ฮาสุด คือโอ้ น้องที่เรารักซึ่งนั่งมองมา ยิ้มอย่างเดียว เราก็ซาบซึ้งว่าไม่ล้อ แต่สักพักมันตะโกน เอาเลยเฮีย สบายใจ ผมเคยแล้ว (ในหนังรักแห่งสยาม) เราก็เออโอ้ดูดดื่มกว่าเราตั้งเยอะ

"สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้

"แต่ไม่เร็วอย่างที่คิด เพราะมันต้องมีมุมกล้องหลายมุม"

หาก "จูบกับผู้ชายมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด" เขาบอก

"แต่ใจเราก็ไม่ค่อยดี ของแบบนี้บางทีสัญชาตญาณที่ซ่อนอยู่มันไม่รู้ตัว สมมุติเล่นแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป มันคือชีวิตเลยนะ" ว่าอย่างนั้น

ส่วนอีกฉากเชนรับหน้าที่เล่าว่า เป็นตอนพายเรือหนีแม่นาค

"พวกเราต้องพายเรือวนๆ แล้วตรงนั้นเป็นโค้งน้ำ ที่ยิ่งดึกน้ำยิ่งแรง

"จังหวะนั้นบอมบ์พลาดน้ำเลยเข้าเรือ"

แต่โชคดีที่เชนซึ่งว่ายน้ำไม่เป็นไม่ได้ลงมาด้วย เพราะผู้กำกับขอให้สตั๊นท์แสดงแทน

แถมพอเรือจมแทนที่ทุกคนจะตกใจกลับขอขำ ก่อนจะช่วยกันขึ้นจากน้ำอย่างปลอดภัย

เห็นไหมล่ะว่าทุ่มทุนกันจริงๆ

หน้า 24   มติชนรายวัน ฉบับวันจันทร์ที่ 25  มีนาคม 2556

*********

บอมบ์  เป็นไกด์ที่เกาหลีลงทุนลางานสามเดือนมาเล่นหนัง (สุด ๆ ไปเลย)
เชน     หลังจากจบห้าแพร่งไปเป็นตัวแทนยา ฉายา เชนร้อยเทค แต่ขยันขอเวิร์คช็อปเพิ่ม (ในหนังดูไม่รู้เลยนะว่าต้องเคาะสนิมใหม่)
กัปตันฟรอยด์ โดนิดาส  คึกมาก ฮามาก แต่ว่าฮิพพอพวังทองหลางมันคืออะไรอ่ะ
เฮียเผือก  จัดเต็ม จ้างร้อยเล่นล้าน

เมื่อกี๊เพิ่งไปอ่านมาว่าล็อกตัวสี่คนนี้ไว้ก่อนให้มีหนังเรื่องยาวซะที นางเอกพระเอกตามมาที่หลังโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่โดนสี่คนนี้กลบ และ ถ้าหาใครไม่ได้จริง ๆ จะเอา "เต๋อ" ฉันทวิชช์ (ซึ่งมีส่วนเขียนบทด้วย) เล่นแทน (ตลอด ๆๆ  เอะอะหาตัวไม่ได้จะโดนจับเสียบตลอด กวนมึนโฮ ก็ทีแระ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่