อีกหนึ่งทางเลือกของอนาคตพลังงานมาทำความรู้จักกัน เพื่อนมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง
การผลิตก๊าซจากชั้นหินดินดาน ถือเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เคยมีกรณีศึกษาว่าด้วยเรื่องการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานของไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมสองเรื่อง คือ ’การประเมินศักยภาพก๊าซในหินดินดานจากหลุมเจาะเก่าในแอ่งสกล นคร” โดย ดร.ภูมี ศรีสุวรรณ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (พ.ศ. 2549) ซึ่งได้ประเมินปริมาณสำรองก๊าซ ณ แหล่งประมาณ 4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และ ’การวิเคราะห์ธรณีเคมีของหินดินดานอายุไทรแอสซิก เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างรอยแตกเชิงไฮโดรลิกในชั้นหิน บริเวณบ้านซัลพลู อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา” โดยนางสาววิภาดา นิพนธ์ บัณฑิตธรณีศาสตร์ มหา วิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้สรุปผลการศึกษาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสร้างรอยแตกเชิงไฮโดรลิกในชั้นหินดินดานในระดับดีที่สุด และระดับดีปานกลาง
ตามสภาพธรณีวิทยาของประเทศ ไทยชั้นหินดินดานพบอยู่ทั่วไปในทุกภูมิภาคของประเทศ ในช่วงธรณีกาลต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นหินตะกอนส่วนล่างสุดถึงส่วนที่วางตัวอยู่บนสุด หรือตั้งแต่ยุคพาเลโอโซอิก (ยุคเก่า) ยุคมีโซโซอิก (ยุคกลางหรือยุคไดโนเสาร์) และยุคซีโนโซอิก (ยุคใหม่หรือยุคที่ให้ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียมส่วนใหญ่ของภูมิภาค) อย่างไรก็ตามข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพการสะสมก๊าซ ความสามารถในการให้ก๊าซ ความหนาและความต่อเนื่องของชั้นหินในกลุ่มหินอายุต่าง ๆ ต้องมีการศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดชัดเจน
สำหรับข้อจำกัดการขุดเจาะหิน ดินดาน ความซับซ้อนของเทคโนโลยีการขุดเจาะโดยใช้น้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทราย คือ
1.ความชัดเจนของศักยภาพก๊าซในหินดินดาน ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นไม่อาจปฏิเสธได้เพราะประสิทธิภาพในการพัฒนาแหล่งของประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเจาะและการผลิต ทำให้สามารถลดต้นทุนได้อย่างมาก อุปสรรคสำคัญคือความไม่สม่ำเสมอของชั้นหินดิน ดานและการที่ต้องเจาะหินพร้อม ๆ กับการอัดน้ำแรงดันสูงให้หินแตก
2.การพัฒนาแหล่งก๊าซในหินดินดานต้องพึ่งพาการเจาะขนานใหญ่ การเจาะต่อเนื่อง การอัดแรงดันน้ำและสารเคมีเพื่อให้เนื้อหินแตกมาก ๆ เป็นการเพิ่มรอยแตก เพื่อก๊าซที่แทรกในช่องว่างระหว่างเม็ดตะกอนจะได้ถูกปล่อยออกมา จึงต้องอาศัยทั้งความชำนาญและความเชี่ยวชาญพิเศษที่เพียงพอ และโดยที่ต้องมีหลุมเจาะที่ค่อนข้างถี่ อาจกระทบต่อการใช้ประโยชน์ที่ดิน หากเป็นพื้นที่มีประชากรหนาแน่น
3. ด้านสิ่งแวดล้อมที่พึงระวัง เนื่อง จากกระบวนการอัดแรงดันน้ำให้หินดินดานแตกนั้นต้องใช้น้ำจำนวนมากร่วมกับสารเคมี หากไม่มีการควบคุมและจัดการที่เหมาะสม สารเหล่านี้อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำบาดาลและน้ำผิวดิน รวมถึงโอกาสที่ก๊าซมีเทนไหลเข้าสู่บ่อน้ำใช้ผิวดิน
4.กฎเกณฑ์การอนุญาตขุดเจาะเพื่อผลิตก๊าซจากหินดินดาน ในแต่ละภูมิภาค หรือแม้แต่ในแต่ละมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่เหมือนกัน และด้วยความไม่แน่ชัดเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม มลรัฐนิวยอร์ก และแมรีแลนด์ได้แขวนการอนุญาตการใช้เทคโนโลยีแรงดันน้ำอัดหินดินดานให้แตกนี้ไว้ก่อน ส่วนประเทศฝรั่งเศสซึ่งพึ่งพาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ได้ออกกฎหมายแบน (ห้าม) การใช้ hydraulic fracturing
5.ประเทศไทยเองควรมีการเตรียมพร้อม และติดตามเทคโนโลยีฯอย่างใกล้ชิด ควรผูกเงื่อนไขให้ผู้ได้รับสัมปทานสำรวจผลิตปิโตรเลียมที่จะมีขึ้นรอบใหม่เป็นผู้ศึกษาเก็บข้อมูลพื้นฐาน เกี่ยวกับศักยภาพก๊าซในหินดินดานของพื้นที่สัมปทานนั้น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการใช้ประโยชน์ในอนาคต
และสุดท้ายการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยเพื่อหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ อย่างจริงจัง ล้วนเป็นทางเลือกของเราสำหรับการเผชิญวิกฤติการพลังงานของประเทศในอนาคต…!!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ www.dailynews.co.th
ผลิตก๊าซจาก 'หินดินดาน' ความหวังใหม่พลังงานโลก?!
อีกหนึ่งทางเลือกของอนาคตพลังงานมาทำความรู้จักกัน เพื่อนมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง
การผลิตก๊าซจากชั้นหินดินดาน ถือเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เคยมีกรณีศึกษาว่าด้วยเรื่องการพัฒนาก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานของไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมสองเรื่อง คือ ’การประเมินศักยภาพก๊าซในหินดินดานจากหลุมเจาะเก่าในแอ่งสกล นคร” โดย ดร.ภูมี ศรีสุวรรณ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (พ.ศ. 2549) ซึ่งได้ประเมินปริมาณสำรองก๊าซ ณ แหล่งประมาณ 4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และ ’การวิเคราะห์ธรณีเคมีของหินดินดานอายุไทรแอสซิก เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างรอยแตกเชิงไฮโดรลิกในชั้นหิน บริเวณบ้านซัลพลู อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา” โดยนางสาววิภาดา นิพนธ์ บัณฑิตธรณีศาสตร์ มหา วิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้สรุปผลการศึกษาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสร้างรอยแตกเชิงไฮโดรลิกในชั้นหินดินดานในระดับดีที่สุด และระดับดีปานกลาง
ตามสภาพธรณีวิทยาของประเทศ ไทยชั้นหินดินดานพบอยู่ทั่วไปในทุกภูมิภาคของประเทศ ในช่วงธรณีกาลต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นหินตะกอนส่วนล่างสุดถึงส่วนที่วางตัวอยู่บนสุด หรือตั้งแต่ยุคพาเลโอโซอิก (ยุคเก่า) ยุคมีโซโซอิก (ยุคกลางหรือยุคไดโนเสาร์) และยุคซีโนโซอิก (ยุคใหม่หรือยุคที่ให้ถ่านหิน หินน้ำมัน และปิโตรเลียมส่วนใหญ่ของภูมิภาค) อย่างไรก็ตามข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพการสะสมก๊าซ ความสามารถในการให้ก๊าซ ความหนาและความต่อเนื่องของชั้นหินในกลุ่มหินอายุต่าง ๆ ต้องมีการศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดชัดเจน
สำหรับข้อจำกัดการขุดเจาะหิน ดินดาน ความซับซ้อนของเทคโนโลยีการขุดเจาะโดยใช้น้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีและทราย คือ
1.ความชัดเจนของศักยภาพก๊าซในหินดินดาน ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นไม่อาจปฏิเสธได้เพราะประสิทธิภาพในการพัฒนาแหล่งของประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเจาะและการผลิต ทำให้สามารถลดต้นทุนได้อย่างมาก อุปสรรคสำคัญคือความไม่สม่ำเสมอของชั้นหินดิน ดานและการที่ต้องเจาะหินพร้อม ๆ กับการอัดน้ำแรงดันสูงให้หินแตก
2.การพัฒนาแหล่งก๊าซในหินดินดานต้องพึ่งพาการเจาะขนานใหญ่ การเจาะต่อเนื่อง การอัดแรงดันน้ำและสารเคมีเพื่อให้เนื้อหินแตกมาก ๆ เป็นการเพิ่มรอยแตก เพื่อก๊าซที่แทรกในช่องว่างระหว่างเม็ดตะกอนจะได้ถูกปล่อยออกมา จึงต้องอาศัยทั้งความชำนาญและความเชี่ยวชาญพิเศษที่เพียงพอ และโดยที่ต้องมีหลุมเจาะที่ค่อนข้างถี่ อาจกระทบต่อการใช้ประโยชน์ที่ดิน หากเป็นพื้นที่มีประชากรหนาแน่น
3. ด้านสิ่งแวดล้อมที่พึงระวัง เนื่อง จากกระบวนการอัดแรงดันน้ำให้หินดินดานแตกนั้นต้องใช้น้ำจำนวนมากร่วมกับสารเคมี หากไม่มีการควบคุมและจัดการที่เหมาะสม สารเหล่านี้อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำบาดาลและน้ำผิวดิน รวมถึงโอกาสที่ก๊าซมีเทนไหลเข้าสู่บ่อน้ำใช้ผิวดิน
4.กฎเกณฑ์การอนุญาตขุดเจาะเพื่อผลิตก๊าซจากหินดินดาน ในแต่ละภูมิภาค หรือแม้แต่ในแต่ละมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่เหมือนกัน และด้วยความไม่แน่ชัดเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม มลรัฐนิวยอร์ก และแมรีแลนด์ได้แขวนการอนุญาตการใช้เทคโนโลยีแรงดันน้ำอัดหินดินดานให้แตกนี้ไว้ก่อน ส่วนประเทศฝรั่งเศสซึ่งพึ่งพาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ได้ออกกฎหมายแบน (ห้าม) การใช้ hydraulic fracturing
5.ประเทศไทยเองควรมีการเตรียมพร้อม และติดตามเทคโนโลยีฯอย่างใกล้ชิด ควรผูกเงื่อนไขให้ผู้ได้รับสัมปทานสำรวจผลิตปิโตรเลียมที่จะมีขึ้นรอบใหม่เป็นผู้ศึกษาเก็บข้อมูลพื้นฐาน เกี่ยวกับศักยภาพก๊าซในหินดินดานของพื้นที่สัมปทานนั้น ๆ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการใช้ประโยชน์ในอนาคต
และสุดท้ายการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยเพื่อหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ อย่างจริงจัง ล้วนเป็นทางเลือกของเราสำหรับการเผชิญวิกฤติการพลังงานของประเทศในอนาคต…!!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ www.dailynews.co.th