(แก้ CAT TRUEผ่านไป276วันแล้ว) คาด!! 5เมษายน CATรอด!! BFTK(TRUE)ผิด!! เหตุเพราะCATบริหารคลื่น800จริงBFTKไร้ใบอนุญาติ

(แก้ CAT TRUEผ่านไป276วันแล้ว) คาด!! 5เมษายน CATรอด!! BFTK(TRUE)ผิด!! เหตุเพราะCATบริหารคลื่น800ทำ3Gเต็มที่ไม่ได้ให้ BFTK บริหารแต่ไม่มีใบอนุญาติ

ประเด็นหลัก



แหล่งข่าว กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซีดีเอ็มเอย่านความถี่ 800 เมกะเฮิรตซ์ แบนด์ เอ ของ กสทได้ทำสัญญามอบหมายให้ บีเอฟเคที เป็นผู้ดำเนินการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายสำหรับการให้บริการซีดีเอ็มเอ เขตพื้นที่ส่วนกลาง 25 จังหวัด การดำเนินการของ บีเอฟเคที ตามสัญญาเช่าและว่าจ้างให้ปรับปรุง ซ่อมแซม ดูแลรักษาเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม ระหว่าง กสทและบีเอฟเคที เพื่อดำเนินการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายสำหรับการให้บริการซีดีเอ็มเอ จึงเป็นกรณีที่ กสท ได้ทำสัญญามอบหมายหน้าที่ส่วนหนึ่งให้ บีเอฟเคที ดำเนินการกำกับดูแล และได้มอบสิทธิและหน้าที่บางส่วนให้คู่สัญญาดำเนินการให้บริการแก่บุคคลอื่น


อย่างไรก็ตาม การใช้โครงข่าย และคลื่นความถี่เพื่อให้บริการกับประชาชนทั้งหมด จึงตีความได้ว่า บีเอฟเคที ไม่มีสิทธิใดๆ ในการใช้คลื่นความถี่ในโครงข่ายโดยสิ้นเชิง ย่อมไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่กำลังดำเนินการอยู่ เหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้ที่บริหารจัดการระบบเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้เครื่องโทรคมติดต่อถึงกันได้โดยอาศัยปัจจัยเหล่านี้ จึงเรียกได้ว่า บีเอฟเคที เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมที่มีลักษณะให้บริการโครงข่ายโทรคมเพื่อให้เช่าใช้เน็ตเวิร์ค โพรไวเดอร์เท่านั้น การกระทำดังกล่าวของ บีเอฟเคที จึงผิดกฎหมาย ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

ทั้งนี้ ทีมกฎหมาย ของพล.ต.สุพิชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในกิจการการโทรคมนาคม โดยเฉพาะเอกชนที่ประมูลใบอนุญาต 3จี ทำให้สาธารณะและผู้ประกอบการรายอื่นเสียประโยชน์จึงควรนำเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาต่อไป


แหล่งข่าวระดับสูงจาก กสทช. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2556 บอร์ด กทค.มีมติให้คณะอนุฯ ไปตรวจสอบเพื่อวิเคราะห์ประเด็นแง่กฎหมาย เรื่องของการเจตนาการกระทำความผิดหรือไม่ และได้ยื้อเวลาการพิจารณา บีเอฟเคที มาโดยตลอด จึงทำให้การสรุปผลของบอร์ด กทค.ล่าช้าออกไป ดังนั้น ผลวิเคราะห์ที่ออกมา เป็นผลวิเคราะห์ของนักกฏหมายสำนักรองประธาน แต่ไม่ได้หยิบหยกประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมบอร์ด กทค.แต่อย่างใด


ทั้งนี้ เชื่อว่า ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะมีประชุมบอร์ดกทค.ในวาระดังกล่าว คาดว่า ความเห็นของบอร์ดจะลงมติเห็นชอบให้บีเอฟเคทีไม่มีความผิด โดยคะแนนเสียงที่ลงมติจะเป็นคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 และเสียงข้างน้อยที่มาจาก นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา เพียงคนเดียวที่จะไม่ลงมติเห็นชอบ






สำนักข่าวที่อ้างอิงในประเด็นนี้
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130402/498471/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%
B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%84.4:1-
%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8
%B5-
%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A1..html






_____________________________________________


คาดมติกทค.4:1 "บีเอฟเคที" ไม่ผิดกม.

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

กทค.ถกด่วนวาระพิจารณาสถานะ "บีเอฟเคที" 5 เม.ย.นี้ หลังบอร์ดตีกลับไปทบทวนแนวทางตีความกฎมาย ความเป็นเจ้าของโครงข่ายมีอำนาจคุมคลื่นความถี่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 เม.ย.นี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเสนอวาระด่วนให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ที่มีพ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ เป็นประธาน พิจารณาสถานะของบริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย ) จำกัด ผู้ให้บริการโครงข่าย สถานีฐานภายใต้สัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่รูปแบบใหม่เอชเอสพีเอระหว่างบมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น


สื่บเนื่องจาก บีเอฟเคที ได้ดำเนินกิจการที่อาจทำให้ผู้ใช้บริการโดยทั่วไปเข้าใจว่า เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายหนึ่ง แยกออกจากบมจ.กสท โทรคมนาคม การดำเนินการในกรณีเช่นนี้อาจเข้าข่ายเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งขัดต่อ มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 จึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า บีเอฟเคที เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมหรือไม่


ทั้งนี้ พ.อ.เศรษฐพงค์ ได้ให้สำนักงานรองประธาน กสทช. ที่มี พล.ต.สุพิชาติ เสนานุรักษ์ ผู้ปฏิบัติงานประจำรองประธาน กสทช. พิจารณาและวิเคราะห์สถานะบีเอฟเคที โดยได้สรุปการพิจารณาและข้อเสนอต่อ พ.อ.เศรษฐพงค์ เมื่อ 23 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา โดยได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ประกอบการที่ให้บริการโทรคมแก่ประชาชนผ่านโครงข่ายโทรคมที่ตนเองมีสิทธิการใช้ ควบบริหารจัดการ ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการโดยมีโครงข่าย

แหล่งข่าว กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซีดีเอ็มเอย่านความถี่ 800 เมกะเฮิรตซ์ แบนด์ เอ ของ กสทได้ทำสัญญามอบหมายให้ บีเอฟเคที เป็นผู้ดำเนินการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายสำหรับการให้บริการซีดีเอ็มเอ เขตพื้นที่ส่วนกลาง 25 จังหวัด การดำเนินการของ บีเอฟเคที ตามสัญญาเช่าและว่าจ้างให้ปรับปรุง ซ่อมแซม ดูแลรักษาเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม ระหว่าง กสทและบีเอฟเคที เพื่อดำเนินการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายสำหรับการให้บริการซีดีเอ็มเอ จึงเป็นกรณีที่ กสท ได้ทำสัญญามอบหมายหน้าที่ส่วนหนึ่งให้ บีเอฟเคที ดำเนินการกำกับดูแล และได้มอบสิทธิและหน้าที่บางส่วนให้คู่สัญญาดำเนินการให้บริการแก่บุคคลอื่น


อย่างไรก็ตาม การใช้โครงข่าย และคลื่นความถี่เพื่อให้บริการกับประชาชนทั้งหมด จึงตีความได้ว่า บีเอฟเคที ไม่มีสิทธิใดๆ ในการใช้คลื่นความถี่ในโครงข่ายโดยสิ้นเชิง ย่อมไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่กำลังดำเนินการอยู่ เหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้ที่บริหารจัดการระบบเทคนิคต่างๆ ที่ทำให้เครื่องโทรคมติดต่อถึงกันได้โดยอาศัยปัจจัยเหล่านี้ จึงเรียกได้ว่า บีเอฟเคที เป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมที่มีลักษณะให้บริการโครงข่ายโทรคมเพื่อให้เช่าใช้เน็ตเวิร์ค โพรไวเดอร์เท่านั้น การกระทำดังกล่าวของ บีเอฟเคที จึงผิดกฎหมาย ตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

ทั้งนี้ ทีมกฎหมาย ของพล.ต.สุพิชาติ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในกิจการการโทรคมนาคม โดยเฉพาะเอกชนที่ประมูลใบอนุญาต 3จี ทำให้สาธารณะและผู้ประกอบการรายอื่นเสียประโยชน์จึงควรนำเสนอให้คณะอนุกรรมการฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาต่อไป


แหล่งข่าวระดับสูงจาก กสทช. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2556 บอร์ด กทค.มีมติให้คณะอนุฯ ไปตรวจสอบเพื่อวิเคราะห์ประเด็นแง่กฎหมาย เรื่องของการเจตนาการกระทำความผิดหรือไม่ และได้ยื้อเวลาการพิจารณา บีเอฟเคที มาโดยตลอด จึงทำให้การสรุปผลของบอร์ด กทค.ล่าช้าออกไป ดังนั้น ผลวิเคราะห์ที่ออกมา เป็นผลวิเคราะห์ของนักกฏหมายสำนักรองประธาน แต่ไม่ได้หยิบหยกประเด็นดังกล่าวเข้าที่ประชุมบอร์ด กทค.แต่อย่างใด


ทั้งนี้ เชื่อว่า ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะมีประชุมบอร์ดกทค.ในวาระดังกล่าว คาดว่า ความเห็นของบอร์ดจะลงมติเห็นชอบให้บีเอฟเคทีไม่มีความผิด โดยคะแนนเสียงที่ลงมติจะเป็นคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 และเสียงข้างน้อยที่มาจาก นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา เพียงคนเดียวที่จะไม่ลงมติเห็นชอบ


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20130402/498471/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%
B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%84.4:1-
%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8
%B5-
%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A1..html

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่