....สวัสดีครับทุกๆท่าน....เฮ้ออออ...จะเริ่มเขียนแล้วรู้สึกเหนื่อย ต้องลำดับเรื่องราวสักนิดนะครับ...
...ผมมีเรื่องมาบ่นและระบายตามหัวเรื่อง...มันยาวมากและอาจจะอ่านแล้วเวียนหัว...ขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ...และขอบคุณทุกๆท่านที่อดทนอ่านจนจบครับ...
เฮ้ออออ...เป็นอะไรที่เลวร้ายมากกับการขอวีซาครั้งนี้ที่ผมไม่ประทับใจเลย...ผมตัดสินใจจะไปเที่ยวอิตาลีช่วงสงกรานต์ตั้งแต่ปีใหม่...เสียเวลารอตั๋วเครื่องบินราคาถูกๆอยู่นาน...เพราะมัวแต่รอทำให้ช่วงปลายเดือนมกราที่ผ่านมาเห็นราคาตั๋วการบินไทยไปลงโรมอยู่ที่คนละแปดหมื่นบาท...จนสุดท้ายเทวดาการ์ตาแอร์มาโปรดแบบปีก่อน...พี่แกปล่อยโปรช่วงปลายเดือนมกราคมสำหรับบินช่วงสงกรานต์ซึ่งสายการบินอื่นไม่ยอมปล่อย...เลยได้ราคาคนละสามหมื่นบาท บินลงมิลานกลับโรม ได้วันตามที่ต้องการพอดี(5-18 เมษา)...นี่ถ้ายอมบินก่อนสักสามวันจะเหลือค่าตั๋วคนละสองหมื่นห้า...ไม่ชอบเลยที่ต้องหยาบคาย..แต่สะใจที่จะบอกว่า "ไปตายซะการบินไทย"...ราคาตั๋วแบบนั้นบินคนเดียวของการบินไทย ผมบินสายการบินอื่นได้สามคนแถมมีเงินเหลืออีก..
...ด้วยความที่เชี่ยวชาญมากๆ(เพราะไปต่างประเทศทุกปี ปีละสี่รอบ ไปยุโรปปีละสองรอบ)...แผนการเดินทางและจัดการจองโรงแรมเพื่อขอวีซาทั้งหมดตลอดแผนเลยจบภายในวันเดียว(จริงๆเตรียมมาสักพักแล้ว แค่ได้ตั๋วตรงตามต้องการก็จบ)...รีบจองคิวขอวีซาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเลย กะว่ารีบขอจะได้จบเรื่องเร็วๆเอาเวลาไปเตรียมแผนเที่ยวแบบลงรายละเอียดดีกว่า...ปรากฎว่าเพิ่งรู้ว่า...เดี๋ยวนี้วีซาอิตาลีแบบท่องเที่ยวสามารถขอผ่านทางบริษัท VFS แทนการไปขอที่สถานทูตแล้ว(5 ปีก่อนผมเคยไปขอเองที่สถานทูต 3 วันได้เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใดๆ เจ้าหน้าทีใจดีมาก..
)...พอเห็นชื่อบริษัท VFS ชักไม่มั่นใจ...เพราะสองปีก่อนเคยไปขอวีซา UK ผ่านบริษัทนี้และกว่าจะได้ใช้เวลารอทั้งหมด 1 เดือนเต็มๆ..เป็นการรอวีซาที่นานที่สุดในชีวิตผม...โทรไปถามกี่ทีๆก็บอกว่ารอพิจารณา คนเยอะ อ้างไปเรื่อยเปื่อย...คราวนี้ท่าทางผมจะเจอดีอีกรอบ...และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ยี่ห้อนี้รับประกัน...
...คิวยื่นเอกสารรอนานเกือบสองอาทิตย์นับจากกดดูในเวป..ผมกดดูวันที่ 30 มกราคมจองคิวขอได้วันที่ 11 กุมภา...เอาวะ...เดือนครึ่งน่าจะทันสบายๆ ขอคราวก่อนสามวัน ต่อให้คราวนี้ผ่านบริษัทตัวแสบมันเอาไปดองก็เดือนนึง...ยังไงก็ทัน...เลยนัดเรียบร้อย...ไปยื่นเอกสารวันที่ 11 กุมภา...คนรอยาวเหยียด ขนาดจองคิวไว้เก้าโมง กว่าจะได้ยื่นจริงๆสิบเอ็ดโมงกว่า...พนักงานตรวจเอกสารไม่ติเรื่องการเตรียมเอกสารแม้แต่น้อย(ผมมีวีซาเชงเกนสิบกว่าใบในเล่ม ขอวีซามาสามสิบครั้งเกือบทุกๆประเทศหลักที่คนชอบไปกัน...ยุโรปสิบประเทศ อเมริกา UK นิวซีแลนด์ ออสเตเรีย ญี่ปุ่น ผมมีหมดทุกประเทศและบางประเทศมีมากกว่าสองรอบ ผมไม่พลาดเรื่องเอกสารแน่นอน)...เจ้าหน้าที่แจ้งว่า วีซานานนิดนะ..ผมก็ถามว่าเดือนนึงได้ไหมหละ เขาก็บอกว่าน่าจะได้ประมาณนั้น...ไม่คิดอะไรมาก....ก็ยื่นไปจบเรื่อง...ทีนี้ก็รอ รออย่างเดียว...
....ผ่านไปเดือนนึงประมาณกลางเดือนมีนาคม...ไม่มีการตอบรับใดๆ ทุกอย่างเงียบ...โทรไปถามเพราะผมต้องบินไปจีนช่วงปลายมีนาคมเพื่อประชุม (25-31 มีนาคม)...ซึ่งเป็นตารางประชุมกระทันหันแบบหัวหน้ามาบังคับให้ไปหลังจากยื่นขอวีซาอิตาลีไปแล้ว...ตอนแรกผมก็คิดว่าทันเอาเล่มกลับมาไปขอวีซาจีนสองสามวันได้ไม่น่ามีปัญหา...ใครจะไปคิดว่าพี่แกเล่นกันนานขนาดนี้...Call center ของ VFS โทรติดยากมาก รอรอบแรกครึ่งชั่วโมง อยู่ๆก็ตัดสายผมทิ้ง...โทรไปรอบสองรออีกครึ่งชั่วโมง คราวนี้มีคนรับ..เล่าเรื่องให้เขาฟังเพราะผมไม่คิดว่ามันจะบ้านานขนาดนี้...เขาบอกว่า ผมต้องทำหนังสือผ่านทาง VFS ว่าเหตุผลอะไรผมต้องเอาพาสปอร์ตไปใช้ก่อน..และรอทางสถานทูตตอบรับว่าจะอนุญาตคืนเล่มให้ก่อนหรือไม่...นั่นไม่แย่สุดเท่าที่ตามมาว่า..หลังได้เล่มคืนไปแล้วคุณต้องเอาเล่มไปคืนที่สถานทูตก่อนวันบิน 15 วันทำการเพื่อให้สถานทูตพิจารณาวีซาต่อ!.....มันบ้าไปแล้ว ผมจะขอวีซาจีนแล้วบินไปประชุมแล้วจะกลับมาทันได้ไงในเมื่อกว่าผมจะกลับมา มันก็วันที่ 31 มีนา...แล้วจะเอา 15 วันทำการที่ไหนไปให้มันเพราะผมต้องบินไปอิตาลีวันที่ 5 เมษา....(ประชด!..มันมีจ่ายเงินแบบส่งเช้าบ่ายได้แบบวีซาจีนหรือเปล่าครับผมจะได้จ่ายให้ไป)...พอเล่าให้เขาฟัง...เขาตอบว่า เขาไม่รู้ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนว่าจะบินติดๆกันสองประเทศ...ยังไงๆคุณก็ยื่นเรื่องมาก่อนแล้วรอสถานทูตตอบหละกัน!....ผมต้องรอตอบอีกเดือนนึงไหมเนี่ย?...ไม่รู้ให้คำตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่สถานทูต!...ผมเลยสิ้นหวัง...หาทางอื่นก็ได้...สุดท้ายผมต้องไปยื่นเรื่องวุ่นวายที่ทำงานให้ออกเอกสารรับรองการส่งไปประชุมเพื่อไปขอทำพาสปอร์ตราชการแทนเพื่อจะได้ไปประชุมได้โดยไม่ต้องขอวีซาจีนและไม่ต้องไปยุ่งกะสถานทูตอิตาลี...ปล่อยให้มันพิจารณาวีซาไปแบบช้าๆ...
====================================================
เนื้อเรื่องส่วนนี้เกี่ยวกับความยากลำบากในการไปขอพาสปอร์ตราชการของผม....ถ้าคิดว่าผมบ่นมากเกิน...ข้ามไปได้เลยครับ...
Passport ราชการก็อีกเรื่อง...กว่าจะได้มาเหนื่อยน่าดู...ใครอยากจะทำขอให้อดทนนะครับช่วงนี้เพราะคนเยอะมาก..
...จริงๆแล้วไม่ได้อยากจะทำ...ขั้นตอนเตรียมเอกสารวุ่นวายมากเพราะเคยทำมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ตรวจโน่นตรวจนี่โดยเฉพาะตำแหน่งแบบผมถึงแม้จะอยู่ในหน่วยราชการขนาดใหญ่ แต่เพราะไม่ใช่ข้าราชการ ไปติดต่ออะไรลำบากมากเหมือนเป็นชนชั้นสอง ถามแต่ว่ามีบัตรประจำตัวข้าราชการไหม พอบอกไม่มี ก็เหมือนไม่มีสิทธิอะไร..T_T
ด้วยรู้แบบนี้...เลยรีบไปแต่เช้า..ไปรอก่อนเขาเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง..มีคนมารอก่อนผมประมาณ 100 คน(100 คนจริงๆครับ แถวยาวเหยียดออกไปบนถนน...แอบสงสัยมาตั้งแต่เมื่อคืนหรือเปล่าวะ?)..โชคดีพอประตูเปิดผมมาทำเล่มน้ำเงินเลยแยกไปอีกทาง..มีผมคนเดียวที่มาทำเล่มน้ำเงิน...อีกสองร้อยกว่าคน(ที่มาเพิ่มเรื่อยๆ)มาทำเล่มธรรมดา...นึกว่าจะเร็วแล้ว....แต่ก็..เจอปัญหาเรื่องเอกสารตามคาด ขนาดขนเอกสารไปเกินๆ ยังตั้งแง่เรื่องถ้อยคำในเอกสารที่ส่งไปประชุมว่าทำไมเขียนแปลกๆ...(อยากตอบว่า พี่ไปถามปลัดกระทรวงผมสิครับพี่..สอนเขาด้วยว่าวันหลังให้เขียนแบบที่กระทรวงต่างประเทศต้องการ..แต่ไม่กล้าครับ..
)...ตรวจเอกสารอยู่ชั่วโมงนึง..บ่นโน่นบ่นนี่...สุดท้าย...ผ่านมาได้แบบรากเลือดแบบครั้งก่อน พร้อมข้อแม้เหมือนเดิมว่าให้ได้แต่สองปีนะ...เอามาเถอะครับจะให้ผมปีนึงผมก็เอาแล้ว..ขอให้ไปได้ก็พอ...เสร็จขั้นตอนทุกอย่างปาเข้าไปเกือบเที่ยง..ขนาดทำคนแรกและคนเดียวยังขนาดนี้เลย..เฮ้อออ...
...ผ่านไปสองวัน ได้เวลาไปรับเล่ม...ไปถึงกดคิวรอรับตอนบ่ายโมงเพราะลาช่วงบ่ายไว้...กดได้คิว 570..เห็นแวปๆก่อนกดว่าคิว 500 แล้ว รอน่าจะไม่นาน...แต่...พอดูจริงๆใหม่..เพิ่งคิว 400...ต้องรอ 170 คิวเพื่อรับเล่ม...และบางคนที่มารับไม่ได้รับเล่มเดียว มารับแทนทั้งบ้านก็มี...เห็นเจ้าหน้าที่ทำงานและคนรอรับก็อนาถใจ...ราชการไทย...พูดอะไรไม่ออกจริงๆ...รอสองชั่วโมงเต็มๆถึงได้เล่มมา..ระหว่างรอไปกินข้าวก็แล้ว กินขนม กินกาแฟ ยืนหลับ(เพราะไม่มีที่นั่ง)..นั่งหลับ(ทนไม่ได้แล้วแย่งคนอื่นนั่งหละกัน)ก็ยังไม่ได้สักที...แถมมีคนที่กดคิวไว้แต่เช้าแล้วไปทำงาน ก่อนจะมารับก่อนเลิกงานมาแทรกคิวเป็นระยะๆ...รอจริงๆน่าจะเกือบ 200 คิวกว่าจะได้เล่ม..กลุ้ม อยากจะด่าแต่ก็ไม่รู้จะไปว่าใครเพราะเจ้าหน้าที่ก็วิ่งกันวุ่น...ใครจะไปทำพาสปอร์ตช่วงนี้หาเต้นท์ไปนอนกางหน้าสำนักงานก่อนสักวันแบบมาซื้อ iPhone นะครับ...และวันมารับรีบไปกดคิวก่อนไปทำงาน แล้วบ่ายๆก่อนเขาปิดค่อยมารับเล่มหรือให้ส่งไปที่บ้านถ้าไม่รีบ(ผมต้องรับเองเพราะไม่อยากลุ้นกะไปรณีย์ไทยแบบปีก่อนที่ผมมาทำพาสปอร์ตเล่มปกติ..รอครึ่งเดือนหลังทำถึงได้เล่ม มันเอาไปวนรอบโลกหรือเปล่าไม่รู้..แย่พอกัน)...จะได้ไม่โง่แบบผม...ฮือออออออ....T_T
====================================================
ก่อนผมบินไปจีนเช้าวันที่ 25 มีนาคม...ผมลองโทรถาม Call Center VFS อีกทีเผื่อจะได้คำตอบเรื่องวีซาบ้างเพราะลองหาอ่านดูใน Internet มีแต่คนด่ากันอยู่ตอนนี้ บอกว่าโทรไปถามสถานทูตได้เลยโดยตรงว่าวีซาได้ไหม จะได้สบายใจเผื่อได้คืนเร็วด้วย...คราวนี้รอเกือบชั่วโมงกว่า Call Center VFS จะรับสาย(คนคงโทรด่าสายแทบใหม้ หรือ พี่แกเล่นแบบใครรอได้ก็รอไป ไม่ทราบครับ แต่ผมก็รอครับ)...และคำตอบยังเหมือนเดิมที่วีซาของผมยังอยู่ระหว่างพิจารณา...ผมเลยบ่นไปชุดใหญ่ว่าผมลำบากนะต้องวิ่งไปทำพาสปอรต์ราชการ ใช่เรื่องไหมนี่?...เขาเลยให้เบอร์ตรงสถานทูตมา...ผมโทรไปถาม เจอคุณป้ารับสายแบบที่อ่านเจอใน Internet..คุณป้าใจดีมากแต่แอบดุ กดดูข้อมูลให้บอกว่า วีซารอเซ็นเท่านั้น อีกสองวันไปรอรับเล่มได้เลย...OK...เชื่อคุณป้าได้ว่าได้แน่...
ระหว่างที่ผมอยู่ที่จีน(สองวันตามคุณป้าบอกจริงๆ)มีสายแปลกๆโทรเข้ามาผมรับไม่ทัน..เลยโทรกลับไป..ไปติด Call Center VFS..ให้รอสายอีก ไม่รู้มีเรื่องอะไรอีก?..จะรอสายชั่วโมงนึงแบบที่ทำประจำก็ไม่ไหวเพราะค่าโรมมิ่งมันแพง...เลยตัดใจ...ตกเย็นผมเช็คเมลล์มีมาจาก VFS ว่าให้ไปรับพาสปอร์ตคืนได้แล้ว(คงโทรมาตามให้ไปรับเล่ม เพราะวันก่อนเจอผมจัดชุดใหญ่ให้ไปรอบนึง...มานั่งนับวันดู ต่อให้ผมรู้ก่อนว่าต้องไปจีน ไปขอวีซาจีนไว้ก่อน ผมก็เอาเล่มกลับมาเพื่อบินไปจีนไม่ได้อยู่ดีเพราะพี่แกมาคืนเล่มตอนผมอยู่ที่จีนแล้ว...คิดถูกที่ไปทำพาสปอร์ตราชการถึงจะลำบากลำบนก็เถอะ..T_T)...ถึงแม้จะเชื่อคุณป้า แต่ผมก็ยังไม่สบายใจตราบใดที่ไม่เห็นวีซาปะอยู่ในพาสปอร์ต..ผมกลับมาวันที่ 31 มีนา..เป็นวันอาทิตย์..เลยเข้าไปรับวันจันทร์ที่ 1 เมษา...ผมเชื่อว่าน่าจะเรียบร้อยแต่วิบากกรรมผมยังไม่จบ(น่าจะมีคนทายได้ว่าเจออะไร)...เขาปิดครับเพราะเป็นวันอีสเตอร์หยุดตามวันหยุดสถานทูตอิตาลี!...แต่ VFS Spain ที่อยู่ด้วยกันเปิดนะครับ ปิดเฉพาะอิตาลี...อะไรวะเนี่ย?...ลางานมาครึ่งวันบ่ายถ่อมารับมาเจอแบบนี้อีก...ทำไมสเปนเปิด? นับถือศาสนาเดียวกันแต่คนละแบบกันหรือไงครับเนี่ย?...เลยถามเจ้าหน้าทีไปแบบตลกๆปนจริงจังว่าแล้วสงกรานต์คุณปิดไหมครับ....คำตอบคือปิด...ตกลงคุณเป็นคนไทยหรืออิตาลีครับ เลือกให้มันแน่ๆหน่อย...แน่จริงอย่าหยุดวันหยุดไทยสิครับถ้าจะบอกว่าหยุดตามวันหยุดอิตาลี!...ผมเลยถ่อกลับบ้านไปนั่งกลุ้มต่อ...จะได้ไหมเนี่ย วันศุกร์นี้จะบินแล้ว...T_T
...ยาวเกิน 10000 คำ...ต่อความเห็นข้างล่างนะครับ...
[กระทู้ขอระบาย]...วิบากกรรมวีซาอิตาลี...
เฮ้ออออ...เป็นอะไรที่เลวร้ายมากกับการขอวีซาครั้งนี้ที่ผมไม่ประทับใจเลย...ผมตัดสินใจจะไปเที่ยวอิตาลีช่วงสงกรานต์ตั้งแต่ปีใหม่...เสียเวลารอตั๋วเครื่องบินราคาถูกๆอยู่นาน...เพราะมัวแต่รอทำให้ช่วงปลายเดือนมกราที่ผ่านมาเห็นราคาตั๋วการบินไทยไปลงโรมอยู่ที่คนละแปดหมื่นบาท...จนสุดท้ายเทวดาการ์ตาแอร์มาโปรดแบบปีก่อน...พี่แกปล่อยโปรช่วงปลายเดือนมกราคมสำหรับบินช่วงสงกรานต์ซึ่งสายการบินอื่นไม่ยอมปล่อย...เลยได้ราคาคนละสามหมื่นบาท บินลงมิลานกลับโรม ได้วันตามที่ต้องการพอดี(5-18 เมษา)...นี่ถ้ายอมบินก่อนสักสามวันจะเหลือค่าตั๋วคนละสองหมื่นห้า...ไม่ชอบเลยที่ต้องหยาบคาย..แต่สะใจที่จะบอกว่า "ไปตายซะการบินไทย"...ราคาตั๋วแบบนั้นบินคนเดียวของการบินไทย ผมบินสายการบินอื่นได้สามคนแถมมีเงินเหลืออีก..
...ด้วยความที่เชี่ยวชาญมากๆ(เพราะไปต่างประเทศทุกปี ปีละสี่รอบ ไปยุโรปปีละสองรอบ)...แผนการเดินทางและจัดการจองโรงแรมเพื่อขอวีซาทั้งหมดตลอดแผนเลยจบภายในวันเดียว(จริงๆเตรียมมาสักพักแล้ว แค่ได้ตั๋วตรงตามต้องการก็จบ)...รีบจองคิวขอวีซาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเลย กะว่ารีบขอจะได้จบเรื่องเร็วๆเอาเวลาไปเตรียมแผนเที่ยวแบบลงรายละเอียดดีกว่า...ปรากฎว่าเพิ่งรู้ว่า...เดี๋ยวนี้วีซาอิตาลีแบบท่องเที่ยวสามารถขอผ่านทางบริษัท VFS แทนการไปขอที่สถานทูตแล้ว(5 ปีก่อนผมเคยไปขอเองที่สถานทูต 3 วันได้เรียบร้อย ไม่มีปัญหาใดๆ เจ้าหน้าทีใจดีมาก..
...คิวยื่นเอกสารรอนานเกือบสองอาทิตย์นับจากกดดูในเวป..ผมกดดูวันที่ 30 มกราคมจองคิวขอได้วันที่ 11 กุมภา...เอาวะ...เดือนครึ่งน่าจะทันสบายๆ ขอคราวก่อนสามวัน ต่อให้คราวนี้ผ่านบริษัทตัวแสบมันเอาไปดองก็เดือนนึง...ยังไงก็ทัน...เลยนัดเรียบร้อย...ไปยื่นเอกสารวันที่ 11 กุมภา...คนรอยาวเหยียด ขนาดจองคิวไว้เก้าโมง กว่าจะได้ยื่นจริงๆสิบเอ็ดโมงกว่า...พนักงานตรวจเอกสารไม่ติเรื่องการเตรียมเอกสารแม้แต่น้อย(ผมมีวีซาเชงเกนสิบกว่าใบในเล่ม ขอวีซามาสามสิบครั้งเกือบทุกๆประเทศหลักที่คนชอบไปกัน...ยุโรปสิบประเทศ อเมริกา UK นิวซีแลนด์ ออสเตเรีย ญี่ปุ่น ผมมีหมดทุกประเทศและบางประเทศมีมากกว่าสองรอบ ผมไม่พลาดเรื่องเอกสารแน่นอน)...เจ้าหน้าที่แจ้งว่า วีซานานนิดนะ..ผมก็ถามว่าเดือนนึงได้ไหมหละ เขาก็บอกว่าน่าจะได้ประมาณนั้น...ไม่คิดอะไรมาก....ก็ยื่นไปจบเรื่อง...ทีนี้ก็รอ รออย่างเดียว...
....ผ่านไปเดือนนึงประมาณกลางเดือนมีนาคม...ไม่มีการตอบรับใดๆ ทุกอย่างเงียบ...โทรไปถามเพราะผมต้องบินไปจีนช่วงปลายมีนาคมเพื่อประชุม (25-31 มีนาคม)...ซึ่งเป็นตารางประชุมกระทันหันแบบหัวหน้ามาบังคับให้ไปหลังจากยื่นขอวีซาอิตาลีไปแล้ว...ตอนแรกผมก็คิดว่าทันเอาเล่มกลับมาไปขอวีซาจีนสองสามวันได้ไม่น่ามีปัญหา...ใครจะไปคิดว่าพี่แกเล่นกันนานขนาดนี้...Call center ของ VFS โทรติดยากมาก รอรอบแรกครึ่งชั่วโมง อยู่ๆก็ตัดสายผมทิ้ง...โทรไปรอบสองรออีกครึ่งชั่วโมง คราวนี้มีคนรับ..เล่าเรื่องให้เขาฟังเพราะผมไม่คิดว่ามันจะบ้านานขนาดนี้...เขาบอกว่า ผมต้องทำหนังสือผ่านทาง VFS ว่าเหตุผลอะไรผมต้องเอาพาสปอร์ตไปใช้ก่อน..และรอทางสถานทูตตอบรับว่าจะอนุญาตคืนเล่มให้ก่อนหรือไม่...นั่นไม่แย่สุดเท่าที่ตามมาว่า..หลังได้เล่มคืนไปแล้วคุณต้องเอาเล่มไปคืนที่สถานทูตก่อนวันบิน 15 วันทำการเพื่อให้สถานทูตพิจารณาวีซาต่อ!.....มันบ้าไปแล้ว ผมจะขอวีซาจีนแล้วบินไปประชุมแล้วจะกลับมาทันได้ไงในเมื่อกว่าผมจะกลับมา มันก็วันที่ 31 มีนา...แล้วจะเอา 15 วันทำการที่ไหนไปให้มันเพราะผมต้องบินไปอิตาลีวันที่ 5 เมษา....(ประชด!..มันมีจ่ายเงินแบบส่งเช้าบ่ายได้แบบวีซาจีนหรือเปล่าครับผมจะได้จ่ายให้ไป)...พอเล่าให้เขาฟัง...เขาตอบว่า เขาไม่รู้ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนว่าจะบินติดๆกันสองประเทศ...ยังไงๆคุณก็ยื่นเรื่องมาก่อนแล้วรอสถานทูตตอบหละกัน!....ผมต้องรอตอบอีกเดือนนึงไหมเนี่ย?...ไม่รู้ให้คำตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่สถานทูต!...ผมเลยสิ้นหวัง...หาทางอื่นก็ได้...สุดท้ายผมต้องไปยื่นเรื่องวุ่นวายที่ทำงานให้ออกเอกสารรับรองการส่งไปประชุมเพื่อไปขอทำพาสปอร์ตราชการแทนเพื่อจะได้ไปประชุมได้โดยไม่ต้องขอวีซาจีนและไม่ต้องไปยุ่งกะสถานทูตอิตาลี...ปล่อยให้มันพิจารณาวีซาไปแบบช้าๆ...
====================================================
เนื้อเรื่องส่วนนี้เกี่ยวกับความยากลำบากในการไปขอพาสปอร์ตราชการของผม....ถ้าคิดว่าผมบ่นมากเกิน...ข้ามไปได้เลยครับ...
Passport ราชการก็อีกเรื่อง...กว่าจะได้มาเหนื่อยน่าดู...ใครอยากจะทำขอให้อดทนนะครับช่วงนี้เพราะคนเยอะมาก..
ด้วยรู้แบบนี้...เลยรีบไปแต่เช้า..ไปรอก่อนเขาเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง..มีคนมารอก่อนผมประมาณ 100 คน(100 คนจริงๆครับ แถวยาวเหยียดออกไปบนถนน...แอบสงสัยมาตั้งแต่เมื่อคืนหรือเปล่าวะ?)..โชคดีพอประตูเปิดผมมาทำเล่มน้ำเงินเลยแยกไปอีกทาง..มีผมคนเดียวที่มาทำเล่มน้ำเงิน...อีกสองร้อยกว่าคน(ที่มาเพิ่มเรื่อยๆ)มาทำเล่มธรรมดา...นึกว่าจะเร็วแล้ว....แต่ก็..เจอปัญหาเรื่องเอกสารตามคาด ขนาดขนเอกสารไปเกินๆ ยังตั้งแง่เรื่องถ้อยคำในเอกสารที่ส่งไปประชุมว่าทำไมเขียนแปลกๆ...(อยากตอบว่า พี่ไปถามปลัดกระทรวงผมสิครับพี่..สอนเขาด้วยว่าวันหลังให้เขียนแบบที่กระทรวงต่างประเทศต้องการ..แต่ไม่กล้าครับ..
...ผ่านไปสองวัน ได้เวลาไปรับเล่ม...ไปถึงกดคิวรอรับตอนบ่ายโมงเพราะลาช่วงบ่ายไว้...กดได้คิว 570..เห็นแวปๆก่อนกดว่าคิว 500 แล้ว รอน่าจะไม่นาน...แต่...พอดูจริงๆใหม่..เพิ่งคิว 400...ต้องรอ 170 คิวเพื่อรับเล่ม...และบางคนที่มารับไม่ได้รับเล่มเดียว มารับแทนทั้งบ้านก็มี...เห็นเจ้าหน้าที่ทำงานและคนรอรับก็อนาถใจ...ราชการไทย...พูดอะไรไม่ออกจริงๆ...รอสองชั่วโมงเต็มๆถึงได้เล่มมา..ระหว่างรอไปกินข้าวก็แล้ว กินขนม กินกาแฟ ยืนหลับ(เพราะไม่มีที่นั่ง)..นั่งหลับ(ทนไม่ได้แล้วแย่งคนอื่นนั่งหละกัน)ก็ยังไม่ได้สักที...แถมมีคนที่กดคิวไว้แต่เช้าแล้วไปทำงาน ก่อนจะมารับก่อนเลิกงานมาแทรกคิวเป็นระยะๆ...รอจริงๆน่าจะเกือบ 200 คิวกว่าจะได้เล่ม..กลุ้ม อยากจะด่าแต่ก็ไม่รู้จะไปว่าใครเพราะเจ้าหน้าที่ก็วิ่งกันวุ่น...ใครจะไปทำพาสปอร์ตช่วงนี้หาเต้นท์ไปนอนกางหน้าสำนักงานก่อนสักวันแบบมาซื้อ iPhone นะครับ...และวันมารับรีบไปกดคิวก่อนไปทำงาน แล้วบ่ายๆก่อนเขาปิดค่อยมารับเล่มหรือให้ส่งไปที่บ้านถ้าไม่รีบ(ผมต้องรับเองเพราะไม่อยากลุ้นกะไปรณีย์ไทยแบบปีก่อนที่ผมมาทำพาสปอร์ตเล่มปกติ..รอครึ่งเดือนหลังทำถึงได้เล่ม มันเอาไปวนรอบโลกหรือเปล่าไม่รู้..แย่พอกัน)...จะได้ไม่โง่แบบผม...ฮือออออออ....T_T
====================================================
ก่อนผมบินไปจีนเช้าวันที่ 25 มีนาคม...ผมลองโทรถาม Call Center VFS อีกทีเผื่อจะได้คำตอบเรื่องวีซาบ้างเพราะลองหาอ่านดูใน Internet มีแต่คนด่ากันอยู่ตอนนี้ บอกว่าโทรไปถามสถานทูตได้เลยโดยตรงว่าวีซาได้ไหม จะได้สบายใจเผื่อได้คืนเร็วด้วย...คราวนี้รอเกือบชั่วโมงกว่า Call Center VFS จะรับสาย(คนคงโทรด่าสายแทบใหม้ หรือ พี่แกเล่นแบบใครรอได้ก็รอไป ไม่ทราบครับ แต่ผมก็รอครับ)...และคำตอบยังเหมือนเดิมที่วีซาของผมยังอยู่ระหว่างพิจารณา...ผมเลยบ่นไปชุดใหญ่ว่าผมลำบากนะต้องวิ่งไปทำพาสปอรต์ราชการ ใช่เรื่องไหมนี่?...เขาเลยให้เบอร์ตรงสถานทูตมา...ผมโทรไปถาม เจอคุณป้ารับสายแบบที่อ่านเจอใน Internet..คุณป้าใจดีมากแต่แอบดุ กดดูข้อมูลให้บอกว่า วีซารอเซ็นเท่านั้น อีกสองวันไปรอรับเล่มได้เลย...OK...เชื่อคุณป้าได้ว่าได้แน่...
ระหว่างที่ผมอยู่ที่จีน(สองวันตามคุณป้าบอกจริงๆ)มีสายแปลกๆโทรเข้ามาผมรับไม่ทัน..เลยโทรกลับไป..ไปติด Call Center VFS..ให้รอสายอีก ไม่รู้มีเรื่องอะไรอีก?..จะรอสายชั่วโมงนึงแบบที่ทำประจำก็ไม่ไหวเพราะค่าโรมมิ่งมันแพง...เลยตัดใจ...ตกเย็นผมเช็คเมลล์มีมาจาก VFS ว่าให้ไปรับพาสปอร์ตคืนได้แล้ว(คงโทรมาตามให้ไปรับเล่ม เพราะวันก่อนเจอผมจัดชุดใหญ่ให้ไปรอบนึง...มานั่งนับวันดู ต่อให้ผมรู้ก่อนว่าต้องไปจีน ไปขอวีซาจีนไว้ก่อน ผมก็เอาเล่มกลับมาเพื่อบินไปจีนไม่ได้อยู่ดีเพราะพี่แกมาคืนเล่มตอนผมอยู่ที่จีนแล้ว...คิดถูกที่ไปทำพาสปอร์ตราชการถึงจะลำบากลำบนก็เถอะ..T_T)...ถึงแม้จะเชื่อคุณป้า แต่ผมก็ยังไม่สบายใจตราบใดที่ไม่เห็นวีซาปะอยู่ในพาสปอร์ต..ผมกลับมาวันที่ 31 มีนา..เป็นวันอาทิตย์..เลยเข้าไปรับวันจันทร์ที่ 1 เมษา...ผมเชื่อว่าน่าจะเรียบร้อยแต่วิบากกรรมผมยังไม่จบ(น่าจะมีคนทายได้ว่าเจออะไร)...เขาปิดครับเพราะเป็นวันอีสเตอร์หยุดตามวันหยุดสถานทูตอิตาลี!...แต่ VFS Spain ที่อยู่ด้วยกันเปิดนะครับ ปิดเฉพาะอิตาลี...อะไรวะเนี่ย?...ลางานมาครึ่งวันบ่ายถ่อมารับมาเจอแบบนี้อีก...ทำไมสเปนเปิด? นับถือศาสนาเดียวกันแต่คนละแบบกันหรือไงครับเนี่ย?...เลยถามเจ้าหน้าทีไปแบบตลกๆปนจริงจังว่าแล้วสงกรานต์คุณปิดไหมครับ....คำตอบคือปิด...ตกลงคุณเป็นคนไทยหรืออิตาลีครับ เลือกให้มันแน่ๆหน่อย...แน่จริงอย่าหยุดวันหยุดไทยสิครับถ้าจะบอกว่าหยุดตามวันหยุดอิตาลี!...ผมเลยถ่อกลับบ้านไปนั่งกลุ้มต่อ...จะได้ไหมเนี่ย วันศุกร์นี้จะบินแล้ว...T_T
...ยาวเกิน 10000 คำ...ต่อความเห็นข้างล่างนะครับ...