"แพ้แล้วพาล"โดยบท บก.ข่าวสด...มาดูพวกที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศชาติ ไม่แปลกที่นับวันมีแต่คนรังเกียจเพิ่มขึ้นทุกทีๆ

กระทู้สนทนา
แพ้แล้วพาล
บทบรรณาธิการ ข่าวสด



ในวันเดียวกันกับที่รัฐบาลนำร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ก็นำรายชื่อส.ว. 42 คน และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 35 คนยื่นต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพื่อให้ส่งความเห็นต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตามมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) ตามรัฐธรรมนูญ ว่าร่างพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ... (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ในมาตรา 28, 38 และหมวดที่ 3 มาตรา 19, 20, 21 และ 22 ตราขึ้นอย่างไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 วรรคแรก  ประกอบมาตรา 78(4)(5) มาตรา 84(11) มาตรา 87(1)(2)(3) และมาตรา 169

โดยนายไพบูลย์ระบุว่า หากร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท   และเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ให้สามารถใช้งบประมาณของรัฐ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจจากรัฐสภา

รวมทั้งเป็นการเปิดช่องให้เอกชนใช้ทรัพย์สินของรัฐโดยไม่ต้องผ่านการคัดเลือกด้วยวิธีประมูล และเห็นว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านวุฒิสภา จะทำให้คณะรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งใช้งบประมาณโดยให้ถือเป็นคำสั่งจากสภา จึงทำให้ยากต่อการตรวจสอบ

เป็นการแสดงเจตนา"ตีวัวกระทบคราด" อย่างชัดเจน

ความหวั่นเกรงว่าโครงการลงทุนจำนวนมหาศาลที่สุดเท่าที่เคยมีมาของประเทศไทย จะเป็นต้นตอของการทุจริตครั้งมโหฬาร อาจเป็นความกังวลที่ไม่เกินเลย

แต่วิธีการที่จะป้องกันการทุจริตด้วยการ "ล้มกระดาน" หรือแช่แข็งประเทศเอาไว้มิให้เกิดการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาจเป็นการทำร้ายประเทศและสังคมได้ร้ายแรงยิ่งกว่าการทุจริต ซึ่งมีอีกหลายวิธีที่จะควบคุมหรือจัดการได้

การมุ่งแต่จะเอาชนะคะคานทางการเมือง โดยไม่สนใจการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ เป็นการเมืองเก่าที่ควรจะต้องกลับไปพิจารณาทบทวนตนเองให้มาก

ว่าทำไมนับวันจึงถูกต่อต้านจากประชาชนมากขึ้นทุกที

ที่มา...ข่าวสดออนไลน์ 2 เม.ย.56
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk5EZ3pPVGs1TWc9PQ==&sectionid=


                                           ???????????????????????????????????????


ย้ำอีกทีเพื่อความชัดเจน......

".......ความหวั่นเกรง.... จะเป็นต้นตอของการทุจริต.... อาจเป็นความกังวลที่ไม่เกินเลย

แต่วิธีการที่จะป้องกันการทุจริตด้วยการ "ล้มกระดาน" หรือแช่แข็งประเทศเอาไว้มิให้เกิดการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาจเป็นการทำร้ายประเทศและสังคมได้ร้ายแรงยิ่งกว่าการทุจริต ซึ่งมีอีกหลายวิธีที่จะควบคุมหรือจัดการได้

การมุ่งแต่จะเอาชนะคะคานทางการเมือง โดยไม่สนใจการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ ......."


ใครเป็นใครมีพฤติกรรมอย่างไรก็รับผลกันไปเอง
แพ้ซ้ำแพ้ซากไม่จบไม่สิ้นเพราะเล่นการเมืองกันอย่างนี้
หากยังไม่รุ้ตัวก็ช่างหัวเผือก.....

สมน้ำมะหน้าเนอะ.....คริคริ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่