โครงการ 30 บาท ถึง พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน พิสูจน์ วิสัยทัศน์ ......วิเคราะห์ ..... มติชนออนไชน์

กระทู้คำถาม
เห็นบรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 28 มีนาคม แล้ว
ให้บังเกิดการระลึกชาติไปยังบรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมสภาเมื่อ 12 ปีก่อน

เพราะมีทั้ง "ความเหมือน" และ "ความต่าง"

ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นการอภิปรายในเรื่องอันเกี่ยวกับโครงการ 30 บาทรักษา
ทุกโรค ขณะที่ ณ วันนี้ เป็นการอภิปรายในเรื่องอันเกี่ยวกับร่างกฎหมายให้อำนาจ
กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ

ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นรัฐบาลพรรคไทยรักไทย

เหมือนตรงที่ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านอย่างชนิดหัวชนฝายังเป็นพรรคประชาธิปัตย์
และยังเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เนื้อหายังเหมือนเดิม คือ จะเอาเงินมาจากไหน

ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนผู้ที่ลุกขึ้นมาอธิบายอย่างชนิดรู้จริงในเรื่องโครงการ 30 บาท
รักษาทุกโรค เป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ขณะที่ ณ วันนี้ เป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ต่างตรงที่ความสงสัยเมื่อ 12 ปีก่อนมิได้เป็นความสงสัยต่อไปอีกแล้ว

โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ผงาดยืนอย่างองอาจและมั่นคงเพื่อประชาชน

อาจกล่าวได้ว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แจ้งเกิดทางการเมืองจากการอธิบาย
โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค อย่างเป็นที่กระจะเพราะรู้จริงและพูดเป็น

เส้นทางการเมืองของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็เติบใหญ่ก้าวหน้าเป็นลำดับไปยัง
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปยังกระทรวงการคลังและ
ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชาชน

แม้วันนี้ก็ยืนอยู่ไม่ห่างไปจากพรรคเพื่อไทยมากนัก

เส้นทางการเมืองของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเป็นอีกคนหนึ่งที่น่าศึกษา น่าติดตามอย่างเป็นพิเศษ

1 มีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาเอก

1 เริ่มต้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการและในห้วงเวลาอันรวดเร็วก็ได้รับความไว้วางใจ
ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ยึดกุมโครงการไทยแลนด์ 2020

เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท คือ ความรับผิดชอบโดยตรงของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เหมือนที่
พรรคไทยรักไทยเคยมอบหมายให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค

ตีฝ่ากระแสต้านจากพรรคประชาธิปัตย์มาได้

ณ วันนี้ แม้กระทั่งรัฐบาลอันมาจากปากกระบอกปืน หรือรัฐบาลอันมีพื้นฐานมาจากค่ายทหาร
ก็ไม่สามารถปฏิเสธโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้

มีความพยายาม "ขยาย" ให้ "ประชานิยม" อย่างเตลิดเปิดเปิง

1 เพื่อสร้างภาพว่าให้ประชาชนมากกว่าที่พรรคไทยรักไทยเคยให้ 1 เพื่อลบคำว่า 30 บาท
รักษาทุกโรค ออกจากสารบบ

แต่ก็ล้มเหลว

ภายในจินตภาพของชาวบ้านยังจำหลักหนักแน่นอยู่กับปฏิมาของโครงการ 30 บาทรักษา
ทุกโรค ไม่เคยเสื่อมคลาย

เป็นคะแนนอันตรึงตราต่อพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนพรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน สถานการณ์การต่อต้านคัดค้าน อย่างสุดลิ่มที่ประตูเมื่อ 12 ปีก่อนของ
พรรคประชาธิปัตย์ ก็ประจานให้เห็นถึงสายตาว่าเคยสั้นมากน้อยเพียงใด อ่านแจ้งแทง
ตลอดในเรื่องการบริหารจัดการอย่างไร

ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ณ วันนี้ ก็ดุจเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันแตกต่างอย่างฟ้ากับเหว ยังสะท้อนถึงแนวคิด
พื้นฐานของการพัฒนาและการไม่ยอมพัฒนา

อ้างประชาชน แต่ไม่รับใช้ประชาชน

บทเรียนจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของพรรคไทยรักไทยเมื่อ 12 ปีก่อน
มีความแจ่มชัดยิ่ง

บทเรียนนี้กำลังวนกลับมาพิสูจน์ทราบถึง "กึ๋น" ของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งต่อกฎหมาย
ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ

กับ "กึ๋น" ของพรรคเพื่อไทย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364620334&grpid=01&catid=&subcatid=

...ใครอยากจะแสดงคคห.อะไรเพิ่มเติมอีก ...  มันชัดเจนขนาดนี้ ....  จะว่า..สาวเหลือน้อย  ..
ไม่ปัญญาแสดงคคห. ...ก็ใช่ค่ะ  ...  แค่เอา คอลัมน์นนี้มาแปะ ...
"อวยปู บูชาแม้ว แซวมาร์ค"  อยู่แล้ว   ทำอะไรมากกว่านี้  ไม่ได้  หรอก
อยากบอกว่า  ปชป. ช่วยตรวจสอบโครงการนี้  แบบติวเข้ม  ก็แล้วกัน  แต่อย่าค้าน..ขอร้อง       ยิ้ม


สาวแว่น
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
พรรคประชาธิปัตย์ วิสัยทัศน์สั้น
ขณะที่เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ลงมือผลักดันการขนส่งทางรางให้เป็นรูปธรรม
ด้วยเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่ามีการโกงกิน  
ดังนั้นในขณะที่เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ลงมือผลักดันหรือทำอะไร

พรรคเพื่อไทย วิสัยทัศน์ปานกลาง
แต่ได้รวบรวมแนวคิดการปรับปรุงการขนส่งทางราง
ตัดสินใจผลักดันให้เกิดขึ้น ในขณะที่พรรคตัวเองเป็นรัฐบาล
พร้อมตั้งวงเงินกู้ล๊อตใหญ่ เพื่อผูกมัดให้รัฐบาลต่อ ๆ ไป
ต้องทำการก่อสร้างและผลักดันจนแล้วเสร็จ
โดยไม่กลัวจะถูกกล่าวหาว่าจะมีการทุจริต

ความเฉียดขาดของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่สั่งการให้เพิ่มความยาวของสายอิสานจากโคราชไปถึงนครเวียงจันทร์
หลังจากได้ฟังการอภิปายจากพรรคฝ่ายค้าน


และผลจากการผลักดันโครงการนี้
เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลต่อไปอีกหลายสมัย

งานนี้ ได้เห็นความเฉียบขาดของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่สั่งการให้เพิ่มความยาวของสายอีสานเพิ่มเติมและทำทันที
และความนิ่งในการตอบกระทู้เรื่องการระดมเงินของคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง และความเข้าใจในงานระบบรางของ ดร. ชัดชาติ รมว.คมนาคม
ในการนี้ การทำงานเป็นทีมของพรรคเพื่อไทย  ได้ชนะใจประชาชน

แต่การคัดค้านโครงการดังกล่าว อย่างไร้วิสัยทัศน์ของพรรค์ประชาธิปัตย์
ที่กู้เงินงบมิยาซาวามา "ดายหญ้า" เทียบกันไม่ติด
และโครงการไทยเข้มแข็งที่กู้เงินมาแจก 2,000 บาท แบบไร้เหตุผล
กลับเป็นการฆ่าตัวตายกลางรัฐสภา  ...

เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เวลาที่มีอำนาจก็ไม่ลงมือทำ แต่เมื่อเห็นคนอื่นจะทำและทำได้ ก็ขัดขวางทุกวิธีการ
สมแล้วที่เป็นพรรคการเมือง ซึ่งประชาชนจำนวนมากกล่าวหาว่าเป็นพรรคการเมืองที่ "ถ่วงความเจริญ" ของชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่