http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364620334&grpid=01&catid=&subcatid=
เห็นบรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 28 มีนาคม แล้ว ให้บังเกิดการระลึกชาติ
ไปยังบรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมสภาเมื่อ 12 ปีก่อน
เพราะมีทั้ง "ความเหมือน" และ "ความต่าง"
ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นการอภิปรายในเรื่องอันเกี่ยวกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ขณะที่ ณ วันนี้ เป็นการอภิปรายในเรื่องอันเกี่ยวกับร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ
ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
เหมือนตรงที่ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านอย่างชนิดหัวชนฝายังเป็นพรรคประชาธิปัตย์และยังเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เนื้อหายังเหมือนเดิม คือ จะเอาเงินมาจากไหน
ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนผู้ที่ลุกขึ้นมาอธิบายอย่างชนิดรู้จริงในเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่ ณ วันนี้ เป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ต่างตรงที่ความสงสัยเมื่อ 12 ปีก่อนมิได้เป็นความสงสัยต่อไปอีกแล้ว
โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ผงาดยืนอย่างองอาจและมั่นคงเพื่อประชาชน
อาจกล่าวได้ว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แจ้งเกิดทางการเมืองจากการอธิบายโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
อย่างเป็นที่กระจะเพราะรู้จริงและพูดเป็น
เส้นทางการเมืองของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็เติบใหญ่ก้าวหน้าเป็นลำดับไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ไปยังกระทรวงการคลังและดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชาชน
แม้วันนี้ก็ยืนอยู่ไม่ห่างไปจากพรรคเพื่อไทยมากนัก
เส้นทางการเมืองของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเป็นอีกคนหนึ่งที่น่าศึกษา น่าติดตามอย่างเป็นพิเศษ
1 มีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาเอก
1 เริ่มต้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการและในห้วงเวลาอันรวดเร็วก็ได้รับความไว้วางใจ
ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ยึดกุมโครงการไทยแลนด์ 2020
เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท คือ ความรับผิดชอบโดยตรงของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยมอบหมายให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ตีฝ่ากระแสต้านจากพรรคประชาธิปัตย์มาได้
ณ วันนี้ แม้กระทั่งรัฐบาลอันมาจากปากกระบอกปืน หรือรัฐบาลอันมีพื้นฐานมาจากค่ายทหาร
ก็ไม่สามารถปฏิเสธโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้
มีความพยายาม "ขยาย" ให้ "ประชานิยม" อย่างเตลิดเปิดเปิง
1 เพื่อสร้างภาพว่าให้ประชาชนมากกว่าที่พรรคไทยรักไทยเคยให้ 1 เพื่อลบคำว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ออกจากสารบบ
แต่ก็ล้มเหลว
ภายในจินตภาพของชาวบ้านยังจำหลักหนักแน่นอยู่กับปฏิมาของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่เคยเสื่อมคลาย
เป็นคะแนนอันตรึงตราต่อพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การต่อต้านคัดค้าน อย่างสุดลิ่มที่ประตูเมื่อ 12 ปีก่อนของพรรคประชาธิปัตย์
ก็ประจานให้เห็นถึงสายตาว่าเคยสั้นมากน้อยเพียงใด อ่านแจ้งแทงตลอดในเรื่องการบริหารจัดการอย่างไร
ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ณ วันนี้ ก็ดุจเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันแตกต่างอย่างฟ้ากับเหว ยังสะท้อนถึงแนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาและการไม่ยอมพัฒนา
อ้างประชาชน แต่ไม่รับใช้ประชาชน
บทเรียนจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของพรรคไทยรักไทยเมื่อ 12 ปีก่อน มีความแจ่มชัดยิ่ง
บทเรียนนี้กำลังวนกลับมาพิสูจน์ทราบถึง "กึ๋น" ของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งต่อกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ
กับ "กึ๋น" ของพรรคเพื่อไทย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หน้า 3 มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 30 มี.ค. 2556
โครงการ 30 บาท ถึง พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน พิสูจน์ วิสัยทัศน์
เห็นบรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 28 มีนาคม แล้ว ให้บังเกิดการระลึกชาติ
ไปยังบรรยากาศการอภิปรายในที่ประชุมสภาเมื่อ 12 ปีก่อน
เพราะมีทั้ง "ความเหมือน" และ "ความต่าง"
ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นการอภิปรายในเรื่องอันเกี่ยวกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ขณะที่ ณ วันนี้ เป็นการอภิปรายในเรื่องอันเกี่ยวกับร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ
ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนเป็นรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
เหมือนตรงที่ฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านอย่างชนิดหัวชนฝายังเป็นพรรคประชาธิปัตย์และยังเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เนื้อหายังเหมือนเดิม คือ จะเอาเงินมาจากไหน
ต่างตรงที่เมื่อ 12 ปีก่อนผู้ที่ลุกขึ้นมาอธิบายอย่างชนิดรู้จริงในเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่ ณ วันนี้ เป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ต่างตรงที่ความสงสัยเมื่อ 12 ปีก่อนมิได้เป็นความสงสัยต่อไปอีกแล้ว
โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ผงาดยืนอย่างองอาจและมั่นคงเพื่อประชาชน
อาจกล่าวได้ว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แจ้งเกิดทางการเมืองจากการอธิบายโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
อย่างเป็นที่กระจะเพราะรู้จริงและพูดเป็น
เส้นทางการเมืองของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็เติบใหญ่ก้าวหน้าเป็นลำดับไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ไปยังกระทรวงการคลังและดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชาชน
แม้วันนี้ก็ยืนอยู่ไม่ห่างไปจากพรรคเพื่อไทยมากนัก
เส้นทางการเมืองของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเป็นอีกคนหนึ่งที่น่าศึกษา น่าติดตามอย่างเป็นพิเศษ
1 มีพื้นฐานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาเอก
1 เริ่มต้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการและในห้วงเวลาอันรวดเร็วก็ได้รับความไว้วางใจ
ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ยึดกุมโครงการไทยแลนด์ 2020
เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท คือ ความรับผิดชอบโดยตรงของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยมอบหมายให้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค
ตีฝ่ากระแสต้านจากพรรคประชาธิปัตย์มาได้
ณ วันนี้ แม้กระทั่งรัฐบาลอันมาจากปากกระบอกปืน หรือรัฐบาลอันมีพื้นฐานมาจากค่ายทหาร
ก็ไม่สามารถปฏิเสธโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้
มีความพยายาม "ขยาย" ให้ "ประชานิยม" อย่างเตลิดเปิดเปิง
1 เพื่อสร้างภาพว่าให้ประชาชนมากกว่าที่พรรคไทยรักไทยเคยให้ 1 เพื่อลบคำว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ออกจากสารบบ
แต่ก็ล้มเหลว
ภายในจินตภาพของชาวบ้านยังจำหลักหนักแน่นอยู่กับปฏิมาของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่เคยเสื่อมคลาย
เป็นคะแนนอันตรึงตราต่อพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การต่อต้านคัดค้าน อย่างสุดลิ่มที่ประตูเมื่อ 12 ปีก่อนของพรรคประชาธิปัตย์
ก็ประจานให้เห็นถึงสายตาว่าเคยสั้นมากน้อยเพียงใด อ่านแจ้งแทงตลอดในเรื่องการบริหารจัดการอย่างไร
ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ณ วันนี้ ก็ดุจเดียวกัน
ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์อันแตกต่างอย่างฟ้ากับเหว ยังสะท้อนถึงแนวคิดพื้นฐานของการพัฒนาและการไม่ยอมพัฒนา
อ้างประชาชน แต่ไม่รับใช้ประชาชน
บทเรียนจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของพรรคไทยรักไทยเมื่อ 12 ปีก่อน มีความแจ่มชัดยิ่ง
บทเรียนนี้กำลังวนกลับมาพิสูจน์ทราบถึง "กึ๋น" ของพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งต่อกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ
กับ "กึ๋น" ของพรรคเพื่อไทย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หน้า 3 มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 30 มี.ค. 2556