9 กันยายน 2549
ณ ตอนนั้น ฉันเป็นผู้หญิงใส่แว่นตาหนาเตอะ หุ่นไม่อ้วนไม่ผอม กำลังดี หน้าตาพอประมาณ ชีวิตผู้หญิงคนนี้ได้พบผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่คิดเลยว่า เราจะสามารถคบกันได้ เค้าไม่ใช่สเปคฉันเลย ฉันว่าตัวก็ไม่ดูดีเท่าไหร่นะ แต่ฉันต้องหาผู้ชายที่ภายนอกดูดีกว่านี้ได้แน่นอน ฉันเห็นเค้าครั้งแรก เค้าเป็นผู้ชายอ้วน เซอร์ อาร์ททิส ผมเค้ายาวเกือบถึงสะโพกก็ว่าได้ และเป็นทรงเดดร๊อค เค้าเดินตรงมาหาฉันที่ร้านกาแฟในปั้ม ปตท ใกล้ทางเขาสวนรถไฟ พร้อมกับถามว่า “ป้องใช่มั้ย” ฉันรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ส่งยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ใช่ เราป้องนะ เอใช่ป่ะ?” แล้วเราก็เดินไปสวนรถไฟพร้อมกัน
ความรักที่ไม่สมหวัง พร้อมกับบอกเลิกแฟนในเมื่อวาน เพราะเค้ามีคนอื่น ทำให้ไม่สามารถรับสถานการณ์แบบนั้นได้ พอตกดึกฉันคิดประชดตัวเอง คนอื่นหาได้ในโลกไซเบอร์ ทำไมเราจะหาบ้างไม่ได้หล่ะ? ประโยคแรกที่ทักทายกับผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ คำว่า “สวัสดี” “ชื่ออะไร” อายุเท่าไหร่” แต่เป็นคำถามที่ผู้หญิงอกหักทุกคนต้องการคำตอบ “ทำไมผู้ชายถึงหลายใจ” “ทำไมรักแฟนคนเดียวไม่ได้” ทำไม...ทำไม...ทำไม..... เราเริ่มคุยกันในคืนนั้น แล้วตกลงปลงใจว่าจะนัดเจอกันที่สวนรถไฟ ฉันรู้สึกว่าทำไมใจง่ายจัง ไม่กลัวเค้าหลอกเลยเหรอ จบลงด้วยการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน และคุยโทรศัพท์ด้วยกันทั้งคืน มันทำให้ฉันจินตนาการภาพผู้ชายคนนี้ไม่ออกเลยสักนิด น้ำเสียงที่ทุ้มๆ ฟังดูแข็งกร้าวนิดๆ แต่ทำไมคุยด้วยแล้วไม่อยากวางโทรศัพท์เลย แล้วความง่วงนอนก็ไม่เข้าใครออกใคร ฉันไม่สามารถต้านทานความง่วงได้ พรุ่งนี้เราจะได้เจอผู้ชายคนนี้ในตอนสายๆ ที่สวนรถไฟ เหมือนในฝันเลยของผู้หญิงหลายๆคนอยากจะเจอใครสักคนที่สวนสาธารณะ(หรือว่าคุณสาวๆทั้งหลายที่คิดตรงกับฉันว่ามันไม่จริงค่ะ ว่ามันโรแมนติกขนาดไหน)
เรานั่งคุยกันในสวนรถไฟสักพักใหญ่ๆ ฉันนั่งอ่านหนังสือไป ส่วนเค้านั่งฟังเพลงไป เงยหน้ามามองกันบ้าง ยิ้มให้กันบ้าง หัวเราะด้วยกันบ้าง ตามมารยาท จนฉันนั่งคิดอะไรเพลินๆว่า หากเราตัดสินใจคบกับผู้ชายคนนี้จะไวไปมั้ย เพราะฉันอยากจะรู้จักเค้าให้มากกว่านี้จัง ดูภายนอกไม่น่าคบหา แต่ทำไมพอได้คุยด้วยแล้วสบายใจ เลิกคิดถึงเรื่องแฟนที่เค้าทำเราเจ็บไปได้เลย ทำไมเค้าดูน่าสนใจสำหรับฉัน??? ชักจะหิวแล้วซิ หลังจากนั้น เราเริ่มเดินออกจากสวนรถไฟ ไปสวนจตุจักร ไปหาอะไรทานด้วยกัน น่าขำชะมัด เดทแรกของฉันกับผู้ชายคนนี้ ต้องนั่งทานก๋วยเตี๊ยวร้อนๆ กับอากาศร้อนๆที่สวนจตุจักร คิดดูซิว่ามันวุ่นวายขนาดไหน เพียงแค่เค้าเอ่ยถามว่า “เคยไปโซนสัตว์เลี้ยงป่าว เราไม่รู้ว่าจะพาป้องไปเดินไหน เพราะมันร้อน” “ไม่เคยอ่ะ ลองไปดูก็ได้ แต่ไม่มีตัวอะไรน่าเกลียด น่ากลัวใช่ป่ะ” หรือว่านี่จะเป็นแผนที่เค้าหลอกจับมือฉัน เพราะตลอดทางกว่าจะเจอ ลูกสนัขน่ารักๆ ปลาสวยๆ ฉันต้องเจอกับตัวอะไรน่าเกลียดน่ากลัวเป็นที่สุด “เอ เราเป็นโรคหัวใจนะ เราขี้ตกใจ ไปทางอื่นได้มั้ย เรากลัว” เค้าหันมายิ้มให้พร้อมกับจับมือแล้วบอกว่า “ไม่ต้องกลัว มันไม่ทำอะไรหรอก” ความคิดฉันตอนนั้น มองที่มือตัวเอง ??? วางเปล่า เป็นเดทแรกที่ประทับใจจนถึงตอนนี้ ไม่เคยลืม ว่าฉันเจอผู้ชายคนนี้ยังไง แล้วเรารักกันยังไง ทำไมฉันถึงคบเค้า
ตกเย็นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะเค้ามีงานเลี้ยงคืนนี้ และจะโทรหลับมาหาฉัน คืนนี้ฉันอยู่คนเดียวอีกทั้งคืน ฉันจะทนคิดถึงแฟนเก่าฉันได้มั้ย ฉันข่มตาหลับพร้อมน้ำตา คืนนั้นทำให้ฉันไม่สบาย ไข้ขึ้น ตัวร้อน แล้วก็ชักเกร็งไปทั้งตัว ฉันพยายามรวบรวมสติเพื่อไปเคาะประตูห้องตรงข้ามซึ่งนับถือเป็นพี่ชาย พาฉันไปส่งพยาบาล...ฉันรู้สึกตัวอีกที ก็มีคนมาจับมือฉันแล้วบอกว่า “หมอฉีดยาให้แล้วนะ พักผ่อนเยอะๆล่ะ” แล้วมองหาพี่ชาย แต่คนที่ฉันเห็นไม่ใช่พี่ชาย กลับเป็นเค้าคนนั้น “เอ มาได้ไงอ่ะ” นั่งข้างๆเพื่อนชายของฉัน ล้อมรอบตัวฉันมีแต่ผู้ชาย!!! พี่ชายห้องตรงข้าม เพื่อนชายที่คบมาตั้งแต่อนุบาล และเค้า...เป็นใครกันทำไมมาอยู่กับฉันในสถานการณ์แบบนี้??? เพื่อนชายฉันกระซิบว่า “ป้อง นี่หาให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ กูรับสายโทรศัทพ์มัน แล้วบอกไม่สบาย อยู่ที่นี่ มันบอกว่า งานเลี้ยงมันยังไม่เสร็จเลย แต่เป็นห่วง”...? คืนนั้นฉันกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ซึ่งมีเพื่อนชาย และเค้าคนนั้น มาอยู่ในห้องของฉันด้วย ฉันสับสน งงไปหมด เค้ามาทำไม? เค้าไปหาทำไม? เค้า...ทำไม? เค้าได้แต่พูดขอโทษ เพราะเค้าพาไปเดินเที่ยวเมื่อตอนกลางวันใช่มั้ย เป็นเพราะเค้า สุดท้าย ฉันนอนบนเตียงกับเพื่อนชาย ส่วนเค้านอนกับพื้นเฝ้าฉันอยู่เช่นกัน
เช้าวันใหม่ ห้องของฉันว่างเปล่า เพื่อนชายฉันกลับไปแล้วเพราะมีเรียน ส่วนเค้าหายไปเหมือนกัน (ก๊อก ก๊อก) เสียงประตูดังขึ้น ยังไม่ทันที่ฉันจะลุกขึ้นไปเปิดประตู เสียงไขกุญแจเปิดประตู เค้าซื้อโจ๊กมาให้ฉันทาน T_T สายๆก็ออกไปเรียน ตกเย็นก็กลับมานอนบนพื้น และแน่นอนเพื่อนชายฉันไม่ปล่อยให้ฉันกับเค้าอยู่กันสองต่อสองเป็นแน่แท้ เราสามคนอยู่ด้วยกันเกือบ 1 อาทิตย์เต็มๆ ซึ่งเค้าก็ยังทำดีกับฉันทุกวัน ฉันใจง่ายไปใช่มั้ย ที่ปล่อยให้เค้ามาอยู่แบบนี้ เวลาผ่านไปจนรูมเมทของฉันกลับมา ทุกอย่างเริ่มกลับมาเหมือนเดิม ชีวิตเดิมๆ ตื่นเช้า ไปเรียน กลับห้อง เดินห้าง เที่ยวกับเพื่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ มีเค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เราตัดสินใจคบกัน ตัดสินใจค่อยๆศึกษากันไป ฉันบอกตรงๆ ฉันแพ้ความดีของเค้า หน้าตาไม่สำคัญเลย แต่จิตใจของเค้านั้นฉันไม่สามารถอธิบายมันได้เลย หากวันไหนฉันไม่มีเรียน ฉันจะไปมหาลัยของเค้า เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบที่ใครๆทุกคนก็อิจฉา เราเติมเต็มให้กันตลอดเวลา
เค้าเรียนมหาลัยราชภัฎแห่งหนึ่งใกล้ๆเขาดิน ส่วนฉันเรียนมหาลัยราชภัฎย่านรัชดา เขาเรียนนิเทศฯ ส่วนฉันเรียนท่องเที่ยวฯ เค้าเป็นคนใต้และฉันซึ่งเป็นเหนือ บางสิ่งบางอย่างเราแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว (มีคนบอกมา) และเราก็ตัดสินใจเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปตัดสินใจที่อจะยู่ร่วมกัน โดยที่ไม่ให้พอ่แม่ทราบ แต่เราจะบอกกันและกันเสมอว่า เราจะต้องช่วยกันเรียนจนจบ ซึ่งขณะนั้น ฉันเรียนปี 2 และเค้าเรียนปี 4 เค้าใกล้จะจบแล้ว สังคมเค้าก็กำลังจะเปลี่ยนตาม จากที่เรียน เป็นนักศึกษา ต้องก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ฉันรู้สึกตัวเองมีความสำคัญมากกับชีวิตของเค้า ในวันเกิดปีแรกที่เราคบกัน เค้าได้ให้ช่อดอกไม้ที่ทำด้วยตัวเองห่อด้วยผ้าขาวม้า สมัยนั้นศัพท์คำว่า “แนว” กำลังเริ่มฮิต เพื่อนทุกคนของฉันบัญญัติรักของฉันกับเค้าว่า รักของเด็กแนว รักแบบอาร์ทๆ...
เค้ามีมอไซค์หนึ่งคัน เค้าพาฉันเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าวันนั้นฝนจะตก หรือแดดจะออก รถจะติดขนาดไหนเราก็ออกไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมด้วยกัน พาไปหาของกินอร่อยๆทั่วกรุงเทพ พาไปบ้านของเค้าซึ่งอยู่กับพี่สาวที่ปากเกร็ด เที่ยวด้วยกันตั้งแต่เช้า จนดึกจนดื่น ฉันไม่แคร์หรอกกับการนั่งมอไซค์กับเค้าเที่ยวทั่วกรุงเทพ ใครจะมองยังไงก็ช่างเค้า ช่วงนั้นของชีวิตฉันความสุขมาก สุขจนไม่ขออะไรแล้ว ขอแค่ฉันได้อยู่กับเค้า อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป แต่นั่น! ก็เป็นเพียงความคิดของฉันเพียงคนเดียว...
เรื่องสั้น รัก...ไม่จบ...ไม่สิ้น Based On True Story
ณ ตอนนั้น ฉันเป็นผู้หญิงใส่แว่นตาหนาเตอะ หุ่นไม่อ้วนไม่ผอม กำลังดี หน้าตาพอประมาณ ชีวิตผู้หญิงคนนี้ได้พบผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่คิดเลยว่า เราจะสามารถคบกันได้ เค้าไม่ใช่สเปคฉันเลย ฉันว่าตัวก็ไม่ดูดีเท่าไหร่นะ แต่ฉันต้องหาผู้ชายที่ภายนอกดูดีกว่านี้ได้แน่นอน ฉันเห็นเค้าครั้งแรก เค้าเป็นผู้ชายอ้วน เซอร์ อาร์ททิส ผมเค้ายาวเกือบถึงสะโพกก็ว่าได้ และเป็นทรงเดดร๊อค เค้าเดินตรงมาหาฉันที่ร้านกาแฟในปั้ม ปตท ใกล้ทางเขาสวนรถไฟ พร้อมกับถามว่า “ป้องใช่มั้ย” ฉันรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ส่งยิ้มพร้อมกับตอบว่า “ใช่ เราป้องนะ เอใช่ป่ะ?” แล้วเราก็เดินไปสวนรถไฟพร้อมกัน
ความรักที่ไม่สมหวัง พร้อมกับบอกเลิกแฟนในเมื่อวาน เพราะเค้ามีคนอื่น ทำให้ไม่สามารถรับสถานการณ์แบบนั้นได้ พอตกดึกฉันคิดประชดตัวเอง คนอื่นหาได้ในโลกไซเบอร์ ทำไมเราจะหาบ้างไม่ได้หล่ะ? ประโยคแรกที่ทักทายกับผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ คำว่า “สวัสดี” “ชื่ออะไร” อายุเท่าไหร่” แต่เป็นคำถามที่ผู้หญิงอกหักทุกคนต้องการคำตอบ “ทำไมผู้ชายถึงหลายใจ” “ทำไมรักแฟนคนเดียวไม่ได้” ทำไม...ทำไม...ทำไม..... เราเริ่มคุยกันในคืนนั้น แล้วตกลงปลงใจว่าจะนัดเจอกันที่สวนรถไฟ ฉันรู้สึกว่าทำไมใจง่ายจัง ไม่กลัวเค้าหลอกเลยเหรอ จบลงด้วยการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน และคุยโทรศัพท์ด้วยกันทั้งคืน มันทำให้ฉันจินตนาการภาพผู้ชายคนนี้ไม่ออกเลยสักนิด น้ำเสียงที่ทุ้มๆ ฟังดูแข็งกร้าวนิดๆ แต่ทำไมคุยด้วยแล้วไม่อยากวางโทรศัพท์เลย แล้วความง่วงนอนก็ไม่เข้าใครออกใคร ฉันไม่สามารถต้านทานความง่วงได้ พรุ่งนี้เราจะได้เจอผู้ชายคนนี้ในตอนสายๆ ที่สวนรถไฟ เหมือนในฝันเลยของผู้หญิงหลายๆคนอยากจะเจอใครสักคนที่สวนสาธารณะ(หรือว่าคุณสาวๆทั้งหลายที่คิดตรงกับฉันว่ามันไม่จริงค่ะ ว่ามันโรแมนติกขนาดไหน)
เรานั่งคุยกันในสวนรถไฟสักพักใหญ่ๆ ฉันนั่งอ่านหนังสือไป ส่วนเค้านั่งฟังเพลงไป เงยหน้ามามองกันบ้าง ยิ้มให้กันบ้าง หัวเราะด้วยกันบ้าง ตามมารยาท จนฉันนั่งคิดอะไรเพลินๆว่า หากเราตัดสินใจคบกับผู้ชายคนนี้จะไวไปมั้ย เพราะฉันอยากจะรู้จักเค้าให้มากกว่านี้จัง ดูภายนอกไม่น่าคบหา แต่ทำไมพอได้คุยด้วยแล้วสบายใจ เลิกคิดถึงเรื่องแฟนที่เค้าทำเราเจ็บไปได้เลย ทำไมเค้าดูน่าสนใจสำหรับฉัน??? ชักจะหิวแล้วซิ หลังจากนั้น เราเริ่มเดินออกจากสวนรถไฟ ไปสวนจตุจักร ไปหาอะไรทานด้วยกัน น่าขำชะมัด เดทแรกของฉันกับผู้ชายคนนี้ ต้องนั่งทานก๋วยเตี๊ยวร้อนๆ กับอากาศร้อนๆที่สวนจตุจักร คิดดูซิว่ามันวุ่นวายขนาดไหน เพียงแค่เค้าเอ่ยถามว่า “เคยไปโซนสัตว์เลี้ยงป่าว เราไม่รู้ว่าจะพาป้องไปเดินไหน เพราะมันร้อน” “ไม่เคยอ่ะ ลองไปดูก็ได้ แต่ไม่มีตัวอะไรน่าเกลียด น่ากลัวใช่ป่ะ” หรือว่านี่จะเป็นแผนที่เค้าหลอกจับมือฉัน เพราะตลอดทางกว่าจะเจอ ลูกสนัขน่ารักๆ ปลาสวยๆ ฉันต้องเจอกับตัวอะไรน่าเกลียดน่ากลัวเป็นที่สุด “เอ เราเป็นโรคหัวใจนะ เราขี้ตกใจ ไปทางอื่นได้มั้ย เรากลัว” เค้าหันมายิ้มให้พร้อมกับจับมือแล้วบอกว่า “ไม่ต้องกลัว มันไม่ทำอะไรหรอก” ความคิดฉันตอนนั้น มองที่มือตัวเอง ??? วางเปล่า เป็นเดทแรกที่ประทับใจจนถึงตอนนี้ ไม่เคยลืม ว่าฉันเจอผู้ชายคนนี้ยังไง แล้วเรารักกันยังไง ทำไมฉันถึงคบเค้า
ตกเย็นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะเค้ามีงานเลี้ยงคืนนี้ และจะโทรหลับมาหาฉัน คืนนี้ฉันอยู่คนเดียวอีกทั้งคืน ฉันจะทนคิดถึงแฟนเก่าฉันได้มั้ย ฉันข่มตาหลับพร้อมน้ำตา คืนนั้นทำให้ฉันไม่สบาย ไข้ขึ้น ตัวร้อน แล้วก็ชักเกร็งไปทั้งตัว ฉันพยายามรวบรวมสติเพื่อไปเคาะประตูห้องตรงข้ามซึ่งนับถือเป็นพี่ชาย พาฉันไปส่งพยาบาล...ฉันรู้สึกตัวอีกที ก็มีคนมาจับมือฉันแล้วบอกว่า “หมอฉีดยาให้แล้วนะ พักผ่อนเยอะๆล่ะ” แล้วมองหาพี่ชาย แต่คนที่ฉันเห็นไม่ใช่พี่ชาย กลับเป็นเค้าคนนั้น “เอ มาได้ไงอ่ะ” นั่งข้างๆเพื่อนชายของฉัน ล้อมรอบตัวฉันมีแต่ผู้ชาย!!! พี่ชายห้องตรงข้าม เพื่อนชายที่คบมาตั้งแต่อนุบาล และเค้า...เป็นใครกันทำไมมาอยู่กับฉันในสถานการณ์แบบนี้??? เพื่อนชายฉันกระซิบว่า “ป้อง นี่หาให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ กูรับสายโทรศัทพ์มัน แล้วบอกไม่สบาย อยู่ที่นี่ มันบอกว่า งานเลี้ยงมันยังไม่เสร็จเลย แต่เป็นห่วง”...? คืนนั้นฉันกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ซึ่งมีเพื่อนชาย และเค้าคนนั้น มาอยู่ในห้องของฉันด้วย ฉันสับสน งงไปหมด เค้ามาทำไม? เค้าไปหาทำไม? เค้า...ทำไม? เค้าได้แต่พูดขอโทษ เพราะเค้าพาไปเดินเที่ยวเมื่อตอนกลางวันใช่มั้ย เป็นเพราะเค้า สุดท้าย ฉันนอนบนเตียงกับเพื่อนชาย ส่วนเค้านอนกับพื้นเฝ้าฉันอยู่เช่นกัน
เช้าวันใหม่ ห้องของฉันว่างเปล่า เพื่อนชายฉันกลับไปแล้วเพราะมีเรียน ส่วนเค้าหายไปเหมือนกัน (ก๊อก ก๊อก) เสียงประตูดังขึ้น ยังไม่ทันที่ฉันจะลุกขึ้นไปเปิดประตู เสียงไขกุญแจเปิดประตู เค้าซื้อโจ๊กมาให้ฉันทาน T_T สายๆก็ออกไปเรียน ตกเย็นก็กลับมานอนบนพื้น และแน่นอนเพื่อนชายฉันไม่ปล่อยให้ฉันกับเค้าอยู่กันสองต่อสองเป็นแน่แท้ เราสามคนอยู่ด้วยกันเกือบ 1 อาทิตย์เต็มๆ ซึ่งเค้าก็ยังทำดีกับฉันทุกวัน ฉันใจง่ายไปใช่มั้ย ที่ปล่อยให้เค้ามาอยู่แบบนี้ เวลาผ่านไปจนรูมเมทของฉันกลับมา ทุกอย่างเริ่มกลับมาเหมือนเดิม ชีวิตเดิมๆ ตื่นเช้า ไปเรียน กลับห้อง เดินห้าง เที่ยวกับเพื่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ มีเค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เราตัดสินใจคบกัน ตัดสินใจค่อยๆศึกษากันไป ฉันบอกตรงๆ ฉันแพ้ความดีของเค้า หน้าตาไม่สำคัญเลย แต่จิตใจของเค้านั้นฉันไม่สามารถอธิบายมันได้เลย หากวันไหนฉันไม่มีเรียน ฉันจะไปมหาลัยของเค้า เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบที่ใครๆทุกคนก็อิจฉา เราเติมเต็มให้กันตลอดเวลา
เค้าเรียนมหาลัยราชภัฎแห่งหนึ่งใกล้ๆเขาดิน ส่วนฉันเรียนมหาลัยราชภัฎย่านรัชดา เขาเรียนนิเทศฯ ส่วนฉันเรียนท่องเที่ยวฯ เค้าเป็นคนใต้และฉันซึ่งเป็นเหนือ บางสิ่งบางอย่างเราแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว (มีคนบอกมา) และเราก็ตัดสินใจเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปตัดสินใจที่อจะยู่ร่วมกัน โดยที่ไม่ให้พอ่แม่ทราบ แต่เราจะบอกกันและกันเสมอว่า เราจะต้องช่วยกันเรียนจนจบ ซึ่งขณะนั้น ฉันเรียนปี 2 และเค้าเรียนปี 4 เค้าใกล้จะจบแล้ว สังคมเค้าก็กำลังจะเปลี่ยนตาม จากที่เรียน เป็นนักศึกษา ต้องก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ฉันรู้สึกตัวเองมีความสำคัญมากกับชีวิตของเค้า ในวันเกิดปีแรกที่เราคบกัน เค้าได้ให้ช่อดอกไม้ที่ทำด้วยตัวเองห่อด้วยผ้าขาวม้า สมัยนั้นศัพท์คำว่า “แนว” กำลังเริ่มฮิต เพื่อนทุกคนของฉันบัญญัติรักของฉันกับเค้าว่า รักของเด็กแนว รักแบบอาร์ทๆ...
เค้ามีมอไซค์หนึ่งคัน เค้าพาฉันเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าวันนั้นฝนจะตก หรือแดดจะออก รถจะติดขนาดไหนเราก็ออกไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมด้วยกัน พาไปหาของกินอร่อยๆทั่วกรุงเทพ พาไปบ้านของเค้าซึ่งอยู่กับพี่สาวที่ปากเกร็ด เที่ยวด้วยกันตั้งแต่เช้า จนดึกจนดื่น ฉันไม่แคร์หรอกกับการนั่งมอไซค์กับเค้าเที่ยวทั่วกรุงเทพ ใครจะมองยังไงก็ช่างเค้า ช่วงนั้นของชีวิตฉันความสุขมาก สุขจนไม่ขออะไรแล้ว ขอแค่ฉันได้อยู่กับเค้า อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป แต่นั่น! ก็เป็นเพียงความคิดของฉันเพียงคนเดียว...