ถามใจคนไทย อยากเห็นการนองเลือดกันอีกมั๊ยครับ?

หลังจากเหตุการณ์สลดใจ "ไทยฆ่าไทย"ที่ผ่านไปหมาดๆไปไม่กี่ปี คำถามนี้ไม่น่าจะต้องมาถามกันอีกจริงมั๊ยครับ?
แต่จากสถานะการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ที่มีทีท่าว่าจะปะทุรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
ดูจากกระแสท่าทีของทุกฝ่าย ไม่มีใครยอมใครง่ายๆ
แม้แต่กองเชียร์สิงห์คีย์บอร์ดทั้งหลายก็ต่างพยายามเติมไฟใส่ฟืนกันอย่างไม่รามือ
ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องมาถามกันชัดๆเรียกสติกันหน่อยน่ะครับ
ว่าอยากให้มันเกิดขึ้นกันอีกน่ะหรือ?
ก็พอเข้าใจนะครับว่าเดิมพันมันสูง อยากให้ฝ่ายที่ตนเชียร์นั้นได้โอกาสในการบริหารประเทศ
แต่มันก็มีหนทางที่"อารยะ"มากกว่าการใช้เล่ห์เหลี่ยม กดดันให้เกิดความรุนแรงเพื่อฉกฉวยความได้เปรียบทางการเมืองไม่ใช่หรือครับ?
หนทางในการพัฒนาประชาธิปไตยให้ก้าวหน้าก็คือ การเลือกตั้งแข่งขันกันฝ่ายชนะเมื่อได้โอกาสบริหารก็ตั้งใจบริหารสร้างผลงานกันไป
ฝ่ายที่แพ้ก็ปรับปรุงข้อบกพร่องของตัวเอง พัฒนาตัวเองให้มีความสามารถเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
จะได้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจต่อไป
แต่ที่เห็นมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น
หากจะวิเคราะห์กันตรงๆจากภาพรวมแล้วหากจะเทียบเรื่องการทำงาน พรรคฝ่ายค้านนั้นสู้เค้าไม่ได้จริงๆ
ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อพรรคที่เคยได้โอกาสบริหารประเทศแล้วไม่ประสพความสำเร็จเท่าที่ควร เมื่อแพ้การเลือกตั้ง
จะต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียวที่จะเรียกความเชื่อมั่นในความสามารถจากประชาชนกลับมา
อย่างน้อยคือจะต้องกำจัดข้อด้อยของพรรคตนเองให้ได้เป็นอย่างแรกเลย
แต่ที่ผ่านการเลือกตั้งมาได้2ปี ผมยังไม่เห็นความเปลี่นแปลงนี้
แต่กลับเห็นความพยายามที่จะใช้"วิธีพิเศษ" พยายามสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลบริหารงานโดยสะดวกแค่นั้นเอง
ยิ่งมาเห็นความพยายามขัดขวางเรื่องเงินกู้เพื่อไปพัฒนาประเทศ ที่มีแนวโน้มว่ารัฐบาลมีความสามารถทำได้สำเร็จเป็นผลงานที่นำมาข่มฝ่ายตนได้ ที่มันย่อมหมายถึงโอกาสที่ฝ่ายตนจะแข่งสู้ด้วยในอนาคตนั้นน้อยลงไปจนแทบไม่มีเอาเลย
นั่นก็หมายถึง การต่อสู้ตามระบบรัฐสภาปกติก็มีแต่แพ้เท่านั้น
ยิ่งทำให้สงสัยว่าความพยายามที่จะปลดนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยวิธีต่างๆอย่างที่เห็นนี้
เป้าหมายคงไม่ใช่แค่ให้พวกตนได้มีโอกาสแข่งอย่างสูสีเท่านั้น
และคงไม่เพ้อเจ้อขนาดว่าเมื่อไม่มีนายกฯคนนี้คนจะเปลี่ยนใจมาสนับสนุนตัวเองขึ้นมาแทน?
ผมว่าคงคาดหวังผลสะท้อนจากการปลดนายกฯมากกว่า
เพราะเมื่อคนที่สนับสนุนนายกฯได้เห็นนายกฯที่พวกเค้าเลือกมาโดนปลดไปอย่่างไม่เป็นธรรม
ก็ย่อมมีความไม่พอใจ ย่อมมีการรวมตัวกันแสดงพลังต่อต้าน
ฝูงชนที่มีความไม่พอใจมารวมตัวกันเยอะๆนี่ ความรุนแรงมันเกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย
อาจจะมีการรวมตัวไปกดดันองค์กรณ์อิสสระที่เป็นต้นเหตุจนถึงรุนแรงขนาดรุมทำร้ายคนที่ตัดสินไปอย่างนั้น
ก็เข้าทางว่าใช้"กฏหมู่มากดดัน" และมันไม่ยากเลยที่จะทำให้มันเกิดขึ้น หากมีการมารวมตัวกันแค่แทรกซึม แค่ยั่วยุกันเพียงเล็กน้อยก็บานปลายไปได้ง่ายๆ ฉากเผาบ้านเผาเมืองยังทำกันมาแล้ว นี่ครับ
รัฐบาลเองก็จะใช้กำลังควบคุมได้ยากและปฏิเสธความรับผิดชอบไปไม่ได้
และยิ่งหากความรุนแรงบานปลายไป ก็หนีไม่พ้นต้องใช้กองทัพเข้ามาควบคุมสถานะการณ์
ซึ่งก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าจะเป็นการยึดอำนาจแบบเนียนๆด้วยข้ออ้างเพื่อความสงบเรียบร้อย
ซึ่งนั่นก็หมายถึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่จะกระตุ้นอีกฝ่ายให้ต่อต้านรุนแรงมากขึ้น
และก็เกิดความชอบธรรมที่จะฆ่ากันอีกครั้ง

ที่เพ้อเจ้อมาซะยาวนี่ผมหวังว่ามันเป็นแค่ความคิดฟุ้งซ่านของผมเอง คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆหรอกใช่มั๊ยครับ?
คือได้เห็นท่าทียั่วยุอย่างคาดหวังว่า
"ถ้านายกฯโดนปลด เสื้อแดงจะออกมากันมั๊ย? "
"ถ้าเกิดความรุนแรง นายกฯจะสั่งเสื้อแดงให้หยุดได้รึปล่าว?"
อารมณ์จับจุดเล็กจุดน้อยมาด่าทอกัน เสียดสียั่วยุกันได้ทุกวัน
มันทำให้อดที่จะคิดจนเห็นเจตนาที่จะให้เกิดความรุนแรงเพื่อผลทางการเมืองไปไม่ได้

ไม่ได้คิดก็ไม่เป็นไรครับ แต่หากมีความคิดกันอย่างนั้นก็เลิกเถอะครับ อย่าไปคาดหวังให้เกิด"ไทยฆ่าไทย"กันอีกเลย
แค่สะใจกันชั่ววูบแต่มันมีผลร้ายตามมามากมาย ไม่คุ้มหรอกครับ
จากความขัดแย้งที่มี โอกาสที่จะเกิด สงครามกลางเมือง นั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลยเพ้อเจ้อเกินไป
สงครามนั้นมันไม่ใช่แค่ยกพวกตีกันแล้วก็เลิกรากันไป เมื่อมีการตายเกิดขึ้นย่อมไม่มีใครยอมใครจนกว่าจะได้เอาคืนกัน
ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมายให้ได้เรียนรู้กัน
ไม่ต้องถึงกับต้องเปลี่ยนข้างเปลี่ยนสีกันหรอกครับ แค่หากคนไทยเราต่างยึดในหลักของความถูกต้องและยุติธรรมเหมือนๆกัน
ความปรองดองก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

กับพรรคการเมืองที่ตนสนับสนุนอยู่หากวันนี้ไม่สามารถแข่งขันกับรัฐบาลได้
ก็ควรจะสนับสนุนให้พวกเค้าปรับเปลี่ยนพัฒนาความสามารถลบข้อด้อยของตนเองให้ได้จะดีกว่า
เพราะจริงๆแล้วรัฐบาลนี้ก็ไม่ได้มีความสามารถเก่งกาจมากมายอะไรนัก แค่มีความตั้งใจทำงานเพื่อความอยู่รอดของตัวเองเท่านั้น
ไม่น่าจะเกินความสามารถที่อีกฝ่ายจะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าพวกตนทำได้ดีกว่า หากจะพยายามกันจริงๆ
อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่มันก็เป็นหนทางพัฒนาที่ถูกต้องไม่ใช่หรือครับ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่