กระทู้ข่าว
ที่มา
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036644
บีอาร์เอ็น เผย 9 ข้อเรียกร้อง เจรจารัฐบาลไทยรอบสอง 28 มี.ค.นี้
ยะลา - เผย 9 ข้อเรียกร้องของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นที่จะพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลไทยรอบสอง 28 มี.ค.นี้ ด้านนายกเทศมนตรีนครยะลา แนะทีมพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มคนส่วนน้อยในพื้นที่ หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
จากกรณีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะนำคณะผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 15 คน เดินทางไปพูดคุยเพื่อสันติภาพกับแกนนำก่อเหตุรุนแรงกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 28 มี.ค. นี้
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยถึงการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่า รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงคือกลุ่มที่ไปพูดคุย ตามหลักแล้วตนคิดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโครงสร้างการปกครอง คนในพื้นที่ก็จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ฉะนั้น สัดส่วนของกลุ่มคนที่จะเดินทางไปพูดคุยกับแกนนำในวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะต้องเป็นกลุ่มคนในพื้นที่มากกว่าคนจากส่วนกลาง นอกจากเป็นคนในพื้นที่แล้ว ก็ควรจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประชาสังคม กลุ่มการปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการส่วนภูมิภาคที่มีความเข้าใจ ก็ควรจะตั้งให้อยู่ในคณะนี้ด้วย เนื่องจากหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามกลุ่มคนเหล่านี้จะมีความลึกซึ้งกว่า
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หากมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องทำความเข้าใจกับคนส่วนน้อยที่จะได้รับผลกระทบ รวมทั้งสามารถสร้างหลักประกันในความปลอดภัย ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หวังว่าคณะที่จะเดินทางไปทำหน้าที่พูดคุยจะต้องมีความชัดเจนให้แก่คนในพื้นที่ด้วย”
นายพงษ์ศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับความเป็นห่วงของพี่น้องประชาชนในเรื่องของการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น ในวันนี้ยังถือว่ากว้างมากเพราะยังไม่มีการพูดคุยกันถึงประเด็นนี้ เพียงแต่มีการเสนอโมเดลมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัตตานีมหานคร นครรัฐปัตตานี แต่ชั่วโมงนี้ตนไม่อยากให้คิดเรื่องนี้ สิ่งที่กำลังจะพูดคุยกันยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ตนมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะมาสรุปว่ารูปแบบการปกครองแบบใดในอนาคตที่เหมาะสม
ทั้งนี้ มีรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงในประเทศมาเลเซียถึงกรณีที่จะมีการเจรจาในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ระหว่างขบวนการบีอาร์เอ็น กับ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่า ทางฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นได้กำหนดบุคคลที่จะเจรจาครั้งนี้ จำนวน 5 คน โดยมีนายฮาซัน ตอยิบ เป็นหัวหน้าคณะ และบุคคลจากขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนต จำนวน 2 คน จากขบวนการพูโล 1 คน และจากการขบวนการ BIPP จำนวน 1 คน
โดยข้อเรียกร้องที่ทางขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนตได้กำหนดไว้แบบไม่เป็นทางการในเบื้องต้น จำนวน 9 ข้อ คือ
1.ผู้ที่จะมาเจรจาต้องเป็นตัวแทนจากรัฐบาลไทยเท่านั้น
2.รับรองในอัตลักษณ์ ภาษา ชาติพันธุ์ มลายู
3.ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมยกเลิกกฎหมายพิเศษ
4.ให้กองกำลังท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลแทน
5.จัดพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ
6.ให้ประเทศมาเลเซียเป็นตัวกลาง และสำนักนายกรัฐมนตรีของสองประเทศในการเจรจา เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล (นายนายิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายอับดุลเลาะ บาดาวี อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น)
7.การเจรจาครั้งนี้ไม่ต้องผ่านโอไอซี และองค์กรจากยุโรป
8.ให้มีการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิด
9.การปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยึดโมเดลของเขตปกครองพิเศษอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งข้อเรียกร้องทั้งหมดจะต้องเสนอผ่านสันติบาลประเทศมาเลเซีย ก่อนเสนอไปยังฝ่ายเจรจาของประเทศไทย
บีอาร์เอ็น เผย 9 ข้อเรียกร้อง เจรจารัฐบาลไทยรอบสอง 28 มี.ค.นี้
ที่มา http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036644
บีอาร์เอ็น เผย 9 ข้อเรียกร้อง เจรจารัฐบาลไทยรอบสอง 28 มี.ค.นี้
ยะลา - เผย 9 ข้อเรียกร้องของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นที่จะพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลไทยรอบสอง 28 มี.ค.นี้ ด้านนายกเทศมนตรีนครยะลา แนะทีมพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มคนส่วนน้อยในพื้นที่ หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
จากกรณีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะนำคณะผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 15 คน เดินทางไปพูดคุยเพื่อสันติภาพกับแกนนำก่อเหตุรุนแรงกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 28 มี.ค. นี้
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยถึงการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ว่า รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงคือกลุ่มที่ไปพูดคุย ตามหลักแล้วตนคิดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโครงสร้างการปกครอง คนในพื้นที่ก็จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ฉะนั้น สัดส่วนของกลุ่มคนที่จะเดินทางไปพูดคุยกับแกนนำในวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะต้องเป็นกลุ่มคนในพื้นที่มากกว่าคนจากส่วนกลาง นอกจากเป็นคนในพื้นที่แล้ว ก็ควรจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประชาสังคม กลุ่มการปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการส่วนภูมิภาคที่มีความเข้าใจ ก็ควรจะตั้งให้อยู่ในคณะนี้ด้วย เนื่องจากหากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามกลุ่มคนเหล่านี้จะมีความลึกซึ้งกว่า
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หากมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องทำความเข้าใจกับคนส่วนน้อยที่จะได้รับผลกระทบ รวมทั้งสามารถสร้างหลักประกันในความปลอดภัย ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หวังว่าคณะที่จะเดินทางไปทำหน้าที่พูดคุยจะต้องมีความชัดเจนให้แก่คนในพื้นที่ด้วย”
นายพงษ์ศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับความเป็นห่วงของพี่น้องประชาชนในเรื่องของการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้น ในวันนี้ยังถือว่ากว้างมากเพราะยังไม่มีการพูดคุยกันถึงประเด็นนี้ เพียงแต่มีการเสนอโมเดลมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัตตานีมหานคร นครรัฐปัตตานี แต่ชั่วโมงนี้ตนไม่อยากให้คิดเรื่องนี้ สิ่งที่กำลังจะพูดคุยกันยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ตนมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะมาสรุปว่ารูปแบบการปกครองแบบใดในอนาคตที่เหมาะสม
ทั้งนี้ มีรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงในประเทศมาเลเซียถึงกรณีที่จะมีการเจรจาในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ระหว่างขบวนการบีอาร์เอ็น กับ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ว่า ทางฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นได้กำหนดบุคคลที่จะเจรจาครั้งนี้ จำนวน 5 คน โดยมีนายฮาซัน ตอยิบ เป็นหัวหน้าคณะ และบุคคลจากขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนต จำนวน 2 คน จากขบวนการพูโล 1 คน และจากการขบวนการ BIPP จำนวน 1 คน
โดยข้อเรียกร้องที่ทางขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนตได้กำหนดไว้แบบไม่เป็นทางการในเบื้องต้น จำนวน 9 ข้อ คือ
1.ผู้ที่จะมาเจรจาต้องเป็นตัวแทนจากรัฐบาลไทยเท่านั้น
2.รับรองในอัตลักษณ์ ภาษา ชาติพันธุ์ มลายู
3.ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมยกเลิกกฎหมายพิเศษ
4.ให้กองกำลังท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลแทน
5.จัดพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ
6.ให้ประเทศมาเลเซียเป็นตัวกลาง และสำนักนายกรัฐมนตรีของสองประเทศในการเจรจา เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล (นายนายิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายอับดุลเลาะ บาดาวี อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น)
7.การเจรจาครั้งนี้ไม่ต้องผ่านโอไอซี และองค์กรจากยุโรป
8.ให้มีการนิรโทษกรรมผู้กระทำผิด
9.การปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยึดโมเดลของเขตปกครองพิเศษอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งข้อเรียกร้องทั้งหมดจะต้องเสนอผ่านสันติบาลประเทศมาเลเซีย ก่อนเสนอไปยังฝ่ายเจรจาของประเทศไทย