เหตุที่นำพาผมมาถึงจุดนี้ อาจจะมีมากมายหลายปัจจัย ถ้ากล่าวหมดทั้งคงยาวยืด
แต่ในบทความนี้คือ
“กุญแจ” ดอกที่สำคัญที่ปลุกปั้นพลังและเสริมแกร่งในตัวผม
บทนี้ขอเขียนแด่ ...
น้องๆนักเรียนนักศึกษา
คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยเรียน
และ เพื่อนผู้ประกอบการทั้งหลาย
เพื่อเป็นทางเลือกทางแนวความคิดในการจัดการกับชีวิต
เท้าความ ... ครอบครัวผม(ในอดีต)เป็นครอบครัวข้าราชการ รับราชการทั้งคุณพ่อคุณแม่
คุณปู่กับคุณย่าเป็นชาวนา ส่วน คุณตากับคุณยายเป็นชาวไร่ชาวสวน
เรามีฐานะปานกลาง ไม่ขัดสนมากมาย หรือ ฟู่ฟ่ามากนัก ...
จากอดีตและรากฐานที่เราทำมาทั้งหมด วันนี้มันผลิดอกออกผลแบ่งบาน
ชีวิตครอบครัวของเราจากพออยู่ได้ค่อยๆก้าวเดินขึ้นสู่ความมั่งคั่งขึ้นตามลำดับ ...
ในปีหลังๆ ซึ่งเข้ามาเป็น
“ตัวจักร” ที่สำคัญในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของครอบครัว
ตัวจักรตัวนี้ เมื่อเริ่มทำงานก็หมุนวิ่งห้อได้ทันทีแบบไม่มีสะดุด และทำงานได้เป็นที่น่าพอใจ
ผ่านมาหลายปีผมมานั่งนึกๆดู ว่าทำไมผมถึงก้าวได้เร็วกว่าคนอื่น
หลังจากคิดสะระตะแล้ว ผลหลักๆ มาจาก
ผมเริ่มทำงานตั้งแต่สมัยเรียน ! ! !
>>> โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน <<<
>>> จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนโดยไม่ไตร่ตรอง <<<
ในอดีตพ่อแม่ผมรับราชการ พวกท่านขยันตัวเป็นเกลียว สู้ไม่ถอย ทำไม่มีท้อ
เป็นสุดยอดแบบอย่างที่ผมเห็นจนชินตา ... พวกท่านสอนให้ประหยัดรู้จักกินรู้จักใช้
ตามใจบ้างตามสมควร อยากได้อะไรโดยมาจะให้
“เก็บเงิน” ซื้อเอง
และพวกท่านชอบอกชอบใจเมื่อผมเล่าให้ท่านฟังว่าผมทำนู่นทำนี่ และเล่าให้ญาติฟังประจำ
ท่านจะสนับสนุนเรื่องการทำงานพิเศษของผมตลอด ตามที่ผมร้องขอ และ ท่านเห็นควร
เปิดเทอมอยู่บ้านในเมือง ปิดเทอมโดนส่งมาอยู่ในไร่ในสวนกับคุณยาย
อยู่ที่นั่นต้องตื่นเช้า ถ้าตื่นสายโดนจัดหนัก!!!
อยู่ที่นั่นต้องทำงานต้องเข้าไร่เข้าสวนตามที่ยายจะใช้!!! (จำใจทำ 555+)
ความรู้สึกของการหาเงินก้อนแรกในชีวิต
ตอนปิดเทอม ก่อนขึ้น ม. 3 ผมถูกส่งไปบ้านยายเช่นเดิม
แต่ปีนั้น ผิดแปลกไปนิดหนึ่ง พี่ชาย (ที่เป็นญาติๆ กัน พี่คนนี้แก่กว่าผม 7 ปี)
พี่เขาปิดเทอมเหมือนกัน จึงอยากค้าขายหาเงินพิเศษ โดยการเป็นพ่อค้า
ขับรถวิ่งรับซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรแถวๆนั้นวิ่งไปส่งที่โรงงานแปรรูปเอง
โดยชักชวนผมไปเป็นลูกมือ โกยของ แบกกระสอบ ... โดยแบ่งให้ตามสัดส่วน
ช่วงเวลาปิดเทอม ผ่านไปไวมาก ...
เปิดกระเป๋าเงินออกเอามานับ ได้ สามพันกว่าๆ
ดีใจมากๆ ปลาบปลื้มเป็นที่สุด เงินนี่คือ น้ำพักน้ำแรงของผม ...
ผมเริ่มรู้จักการทำเงิน รู้จักการค้าขาย รู้จักกระบวนการทำงาน
ปิดเทอมผมก็กลับมาทำแบบนี้อีก ...
แต่ทำอยู่ได้แค่ไม่กี่ครั้ง พอขึ้น ม.ปลาย ผมต้องเริ่มเรียนพิเศษเพิ่มเติม
ถึงแม้ว่าเรียนพิเศษแต่ ช่วงเวลาสั้นๆระหว่างรอเรียน ผมก็จะถูกส่งมาบ้านยายตลอด
ม. ปลายกับพี่ชายคนเดิมหันมา
“รับเหมาใส่ปุ๋ยมูลสัตว์” ให้กับสวนผลไม้ของญาติๆ
คือไปเอามูลสัตว์จากฟาร์มเลี้ยงไปใส่ตามโคนต้นไม้ในสวน
มูลสัตว์ที่ใส่ก็พวกขี้ไก่ ขี้หมู ถ้าเป็นขี้หมูก็ดีหน่อยไม่เหม็นติดทนนาน
แต่ถ้าขี้ไก่ล่ะก็เหม็นสุดๆ หนอนเพียบ อาบน้ำสามวันกลิ่นยังไม่หมด!!!
ปลอบใจเอาหน่ะ ... ถึงจะเหนื่อยแต่ได้วันละหลายร้อยอยู่ ! ! ! คุ้มๆ 555+
เอ็นทรานซ์ ติด มหาวิทยาลัยที่ชอบ คณะที่ใช่ ก็ไปตามนั้น ... แต่ ...
แต่ ... ชีวิตใหม่ก็ใช้ซะเต็มคราบ อย่าให้เสียที่ที่ชีวิตนี้ได้เป็นนักศึกษา
ติดเกม ติดเหล้า เมาหัวราน้ำ เที่ยวเตร่เป็นกำลัง ... เงินเก็บหมดไม่มีเหลือ!!!
ก็เป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตนักศึกษาของผม .... ไม่มีเงินแล้วจะอยู่ได้อย่างไร!!!
ทางออกคือ ...
ทำงาน!!!
ผมเลือกที่จะไม่ขอเพิ่มแต่เลือกที่จะทำงานเพิ่มแทน!!!
ก็ทำหมดเท่าที่จะพอทำได้ ... โคถึกไม่กลัวงานหนักอย่างผม ก็ทำหมด
การทำงานช่วงชีวิตนักศึกษาของผม ช่วยให้ผมเรียนรู้โลกได้เร็วขึ้น อย่างก้าวกระโดด
-รับแจกใบปลิวไปแจกแบบสอบถาม เดินขาลากรองเท้าขาดน่องโป่งกันไปค่าแรงได้แบบต่อชุด
อาศัยความอึด เดินๆ แจก ขอความร่วมมือ ใส่ชุดนักศึกษาเดินๆๆ แล้วก็เดิน
งานนี้สอนให้อึด ไม่เดิน ไม่ด้าน ไม่ได้เงิน
-ตรวจคำผิดในวิทยานิพนธ์อันนี้งานสบาย นั่งห้องแอร์ตรวจจุดตกหล่นของเนื่องงาน
งานนี้ใช้ความละเอียดรอบครอบเป็นสำคัญ รู้จักการทำงานกับผู้ใหญ่
แต่ฝืนทำมาก ง่วงสุดๆ ทำได้ไม่นาน ฝืนเกินไป (555+) ค่าแรงคิดเป็นรายครึ่งวัน
-ทำงานร้านกาแฟเป็นเด็กเสริฟ ล้างถ้วยล้างจาน อันนี้ทำนานหลายปีพี่เขาใจดี
ว่างตอนไหนมาตอนนั้น ชั่งโมงสองชั่วโมงก็มาทำได้ พี่เขาใจดีจ่ายค่าแรงรายชั่วโมง
งานนี้สอนให้ผมรู้จักการทำงานตามหน้าที่ เรียนรู้งานพักหนึ่งว่างานของผมคืออะไร
พอผมเป็นงานปุ๊ป ไม่ต้องรอให้ใช้ ผมทำเลย เพราะผมรู้ว่านั่นคือหน้าที่ผม
เห็นเราขยันขันแข็ง พี่ๆ เจ้าของร้านเขาก็เอ็นดู
-สอนพิเศษ อันนี้ผมทำนานที่สุด ใช้วิชาความรู้ที่เรามีไปสอนต่อ
เงินดี เด็กติด เด็กบอกต่อ งานนี้ทำสนุก ไม่กดดันมาก และใช้ความรู้เดิม
ไปสอนตามบ้านก็เคยลอง กดดันไปนิด สอนไปเลี้ยงเหมือนพี่เลี้ยงเด็ก ...
อ่อนน้อมถ่อมตนเมื่อไปทำงานบ้านเขา พ่อแม่เขาก็เอ็นดูเรา อยากให้เราไปสอนต่อเรื่อยๆ
สอนเด็ก ม. ปลายเป็นกลุ่ม อันนี้สนุกเงินดีผมชอบ สอนไป โม้ไป เด็กชอบ
มีกลุ่มหนึ่งเรียนกับผมสองปี เอ็นฯ ติดคณะกันหมดยกก๊วน โทรมาอยากเลี้ยงข้าวผม
แต่ผมเองก็เรียนจบเหมือนกันเลยไม่ได้ไป ผมใจดีเงินค่าเรียนงวดสุดท้ายผมก็ยกให้ไปฉลองกัน
รายได้ จากการสอนพิเศษ แบบไม่ได้ๆก็หกเจ็ดพัน บางเดือนไปแตะเกือบสองหมื่น
งานนี้สอนให้ผมรู้จักการทำงานกับคนหมู่มาก ทักษะการสอน ทักษะการสื่อสาร
ผลตอบแทนทีได้จากความสามารถของเราเอง
-ลงทุนในหลักทรัพย์ อันนี้มีผลต่อชีวิตของผมมาก วันหนึ่งมีกัลยาณมิตร
ชวนผมไปแข่งขันเล่นหุ้น ทำไปทำมาเลยลงทุนจริงจัง ศึกษาเรื่องนี้แบบทุ่มเท
ขอทุนรอนทางบ้านมาเพิ่ม ผลคือเงินงอกเงยขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
งานนี้สอนให้ผมรู้จักว่าการลงทุนคืออะไร สอนให้ผมรู้จักการงบการเงิน
สอนให้รู้ว่าตัวเลขในงบทางบัญชีแต่ละตัวคืออะไร สอนให้ผมรู้จักเรื่องราวของการตลาด
เรื่องราวของกลยุทธ์ที่บริษัท จากการอ่าน ผลประกอบการประจำปี
-ขายของตลาดนัด
หลังจากเรียนจบ ผมถูกส่งมาประจำบริษัทของธุรกิจครอบครัวในสาขาที่เปิดใหม่
ช่วงนั้นกลางวันทำงานประจำ แต่สัปดาห์ละสองวันหลังเลิกงาน
ผมหาลำไพ่พิเศษ วิ่งไปซื้อของจากต่างจังหวัดขนของขึ้นรถวิ่งไปขายตลาดนัดใกล้ที่ทำงาน
เลิกสี่ห้าทุ่มกลับบ้าน เช้าทำงานต่อ ทำอยู่หลายเดือน แต่ ...งานนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ ...
งานนี้สอนให้ผมรู้ว่า คำว่า “เจ๊ง” เป็นอย่างไร มีแค่ใจอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะสำเร็จ
เราต้องมีความรู้ ในการประกอบกิจการแลการบริหาร .... การทำกิจการไม่ง่ายอย่างที่คิด
หลังจากเจ๊งมาแล้ว คิดใหม่ทำใหม่ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ผมทำงานไปตามปกติ
เสาร์อาทิตย์เลือกไปเรียน ป.โท ด้านการบริหารเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กับตนเอง
ในระหว่างที่ผมทำงานให้บริษัท ผมใส่ทุกอย่างที่มี ทำทุกอย่างไม่เลือก
ผลคือจากอดีตพนักงานสามคน ปัจจุบันมากกว่าสิบคน .... ขายเติบโตตามเป้าทุกปี
จากผลงานในอดีต และ ความสู้งานของผมที่ผ่านมา นั้นเป็นที่ยอมรับในครอบครัวและเครือญาติ
ผมจึงได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและเครือญาติ ผมได้รับความไว้วางใจในการให้ทุนรอน
เพื่อใช้ในสยายปีกไปทำกิจการอื่นๆเพิ่มเติม ปัจจุบันผมทำ 3 กิจการหลัก และหลายงานอดิเรก
จากอดีตที่ผ่านมา ผมผ่านงานมาหลายรูปแบบและไม่เลือก
ซึ่งตรงจุดนี้ มีผลต่อชีวิตการทำงาน ณ ปัจจุบันของผมอย่างมากมายมหาศาล
งานหนักพักเดี๋ยวก็หาย แต่ใจต้องแกร่ง อย่าไปกลัว อย่าไปท้อ ....
ปีที่ผ่านมา ... ผมทำกำไรให้ธุรกิจและการลงทุนของผมเองได้หลายล้านบาท
ทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ ผมจะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้กำไรเหล่านั้นเติบโตอย่างมั่นคง
เรื่องราวผ่านมานานร่วมสิบห้าปี .... ปัจจุบัน ผมอายุ ยี่สิบเก้าปี ! ! !
ถ้าเทียบกับอายุน่าจะเร็วไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันผ่านมาได้ เพราะ ....
ผมมีแบบอย่างที่สุดยอด มีคุณพ่อคุณแม่เป็นเทพต้นแบบในเรื่องความขยัน
ผมขยันได้เพียงเศษเสี้ยวของพวกท่าน ซึ่งผมคงต้องพยายามอีกมากในด้านนี้
ผมย่นเวลา ดึงเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้เมื่อทำงานมาเรียนรู้ ตั้งแต่วัยเรียน
ผมได้รับการสนับสนุนให้รู้จักการหาเงิน รู้จักการทำงาน การออมตั้งแต่ยังอายุน้อย
การเรียนรู้นั้นไม่สิ้นสุดไม่มีข้อจำกัดของเวลา .... ผมคงต้องเรียนรู้อีกมาก
ขอให้บทความชิ้นนี้จงได้สร้างประโยชน์ให้แก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขอให้ความร่ำรวยและความสุขสวัสดิ์จงมาสถิตแด่ท่าน
…[^_^]…
สิบห้าปีก่อนทำเงินได้ “หลักพัน” แต่ปีที่ผ่านมาทำเงินได้ “หลักล้าน”
แต่ในบทความนี้คือ “กุญแจ” ดอกที่สำคัญที่ปลุกปั้นพลังและเสริมแกร่งในตัวผม
บทนี้ขอเขียนแด่ ...
น้องๆนักเรียนนักศึกษา
คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยเรียน
และ เพื่อนผู้ประกอบการทั้งหลาย
เพื่อเป็นทางเลือกทางแนวความคิดในการจัดการกับชีวิต
เท้าความ ... ครอบครัวผม(ในอดีต)เป็นครอบครัวข้าราชการ รับราชการทั้งคุณพ่อคุณแม่
คุณปู่กับคุณย่าเป็นชาวนา ส่วน คุณตากับคุณยายเป็นชาวไร่ชาวสวน
เรามีฐานะปานกลาง ไม่ขัดสนมากมาย หรือ ฟู่ฟ่ามากนัก ...
จากอดีตและรากฐานที่เราทำมาทั้งหมด วันนี้มันผลิดอกออกผลแบ่งบาน
ชีวิตครอบครัวของเราจากพออยู่ได้ค่อยๆก้าวเดินขึ้นสู่ความมั่งคั่งขึ้นตามลำดับ ...
ในปีหลังๆ ซึ่งเข้ามาเป็น “ตัวจักร” ที่สำคัญในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของครอบครัว
ตัวจักรตัวนี้ เมื่อเริ่มทำงานก็หมุนวิ่งห้อได้ทันทีแบบไม่มีสะดุด และทำงานได้เป็นที่น่าพอใจ
ผ่านมาหลายปีผมมานั่งนึกๆดู ว่าทำไมผมถึงก้าวได้เร็วกว่าคนอื่น
หลังจากคิดสะระตะแล้ว ผลหลักๆ มาจาก ผมเริ่มทำงานตั้งแต่สมัยเรียน ! ! !
>>> โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน <<<
>>> จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนโดยไม่ไตร่ตรอง <<<
ในอดีตพ่อแม่ผมรับราชการ พวกท่านขยันตัวเป็นเกลียว สู้ไม่ถอย ทำไม่มีท้อ
เป็นสุดยอดแบบอย่างที่ผมเห็นจนชินตา ... พวกท่านสอนให้ประหยัดรู้จักกินรู้จักใช้
ตามใจบ้างตามสมควร อยากได้อะไรโดยมาจะให้ “เก็บเงิน” ซื้อเอง
และพวกท่านชอบอกชอบใจเมื่อผมเล่าให้ท่านฟังว่าผมทำนู่นทำนี่ และเล่าให้ญาติฟังประจำ
ท่านจะสนับสนุนเรื่องการทำงานพิเศษของผมตลอด ตามที่ผมร้องขอ และ ท่านเห็นควร
เปิดเทอมอยู่บ้านในเมือง ปิดเทอมโดนส่งมาอยู่ในไร่ในสวนกับคุณยาย
อยู่ที่นั่นต้องตื่นเช้า ถ้าตื่นสายโดนจัดหนัก!!!
อยู่ที่นั่นต้องทำงานต้องเข้าไร่เข้าสวนตามที่ยายจะใช้!!! (จำใจทำ 555+)
ความรู้สึกของการหาเงินก้อนแรกในชีวิต
ตอนปิดเทอม ก่อนขึ้น ม. 3 ผมถูกส่งไปบ้านยายเช่นเดิม
แต่ปีนั้น ผิดแปลกไปนิดหนึ่ง พี่ชาย (ที่เป็นญาติๆ กัน พี่คนนี้แก่กว่าผม 7 ปี)
พี่เขาปิดเทอมเหมือนกัน จึงอยากค้าขายหาเงินพิเศษ โดยการเป็นพ่อค้า
ขับรถวิ่งรับซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรแถวๆนั้นวิ่งไปส่งที่โรงงานแปรรูปเอง
โดยชักชวนผมไปเป็นลูกมือ โกยของ แบกกระสอบ ... โดยแบ่งให้ตามสัดส่วน
ช่วงเวลาปิดเทอม ผ่านไปไวมาก ... เปิดกระเป๋าเงินออกเอามานับ ได้ สามพันกว่าๆ
ดีใจมากๆ ปลาบปลื้มเป็นที่สุด เงินนี่คือ น้ำพักน้ำแรงของผม ...
ผมเริ่มรู้จักการทำเงิน รู้จักการค้าขาย รู้จักกระบวนการทำงาน
ปิดเทอมผมก็กลับมาทำแบบนี้อีก ...
แต่ทำอยู่ได้แค่ไม่กี่ครั้ง พอขึ้น ม.ปลาย ผมต้องเริ่มเรียนพิเศษเพิ่มเติม
ถึงแม้ว่าเรียนพิเศษแต่ ช่วงเวลาสั้นๆระหว่างรอเรียน ผมก็จะถูกส่งมาบ้านยายตลอด
ม. ปลายกับพี่ชายคนเดิมหันมา “รับเหมาใส่ปุ๋ยมูลสัตว์” ให้กับสวนผลไม้ของญาติๆ
คือไปเอามูลสัตว์จากฟาร์มเลี้ยงไปใส่ตามโคนต้นไม้ในสวน
มูลสัตว์ที่ใส่ก็พวกขี้ไก่ ขี้หมู ถ้าเป็นขี้หมูก็ดีหน่อยไม่เหม็นติดทนนาน
แต่ถ้าขี้ไก่ล่ะก็เหม็นสุดๆ หนอนเพียบ อาบน้ำสามวันกลิ่นยังไม่หมด!!!
ปลอบใจเอาหน่ะ ... ถึงจะเหนื่อยแต่ได้วันละหลายร้อยอยู่ ! ! ! คุ้มๆ 555+
เอ็นทรานซ์ ติด มหาวิทยาลัยที่ชอบ คณะที่ใช่ ก็ไปตามนั้น ... แต่ ...
แต่ ... ชีวิตใหม่ก็ใช้ซะเต็มคราบ อย่าให้เสียที่ที่ชีวิตนี้ได้เป็นนักศึกษา
ติดเกม ติดเหล้า เมาหัวราน้ำ เที่ยวเตร่เป็นกำลัง ... เงินเก็บหมดไม่มีเหลือ!!!
ก็เป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตนักศึกษาของผม .... ไม่มีเงินแล้วจะอยู่ได้อย่างไร!!!
ทางออกคือ ... ทำงาน!!!
ผมเลือกที่จะไม่ขอเพิ่มแต่เลือกที่จะทำงานเพิ่มแทน!!!
ก็ทำหมดเท่าที่จะพอทำได้ ... โคถึกไม่กลัวงานหนักอย่างผม ก็ทำหมด
การทำงานช่วงชีวิตนักศึกษาของผม ช่วยให้ผมเรียนรู้โลกได้เร็วขึ้น อย่างก้าวกระโดด
-รับแจกใบปลิวไปแจกแบบสอบถาม เดินขาลากรองเท้าขาดน่องโป่งกันไปค่าแรงได้แบบต่อชุด
อาศัยความอึด เดินๆ แจก ขอความร่วมมือ ใส่ชุดนักศึกษาเดินๆๆ แล้วก็เดิน
งานนี้สอนให้อึด ไม่เดิน ไม่ด้าน ไม่ได้เงิน
-ตรวจคำผิดในวิทยานิพนธ์อันนี้งานสบาย นั่งห้องแอร์ตรวจจุดตกหล่นของเนื่องงาน
งานนี้ใช้ความละเอียดรอบครอบเป็นสำคัญ รู้จักการทำงานกับผู้ใหญ่
แต่ฝืนทำมาก ง่วงสุดๆ ทำได้ไม่นาน ฝืนเกินไป (555+) ค่าแรงคิดเป็นรายครึ่งวัน
-ทำงานร้านกาแฟเป็นเด็กเสริฟ ล้างถ้วยล้างจาน อันนี้ทำนานหลายปีพี่เขาใจดี
ว่างตอนไหนมาตอนนั้น ชั่งโมงสองชั่วโมงก็มาทำได้ พี่เขาใจดีจ่ายค่าแรงรายชั่วโมง
งานนี้สอนให้ผมรู้จักการทำงานตามหน้าที่ เรียนรู้งานพักหนึ่งว่างานของผมคืออะไร
พอผมเป็นงานปุ๊ป ไม่ต้องรอให้ใช้ ผมทำเลย เพราะผมรู้ว่านั่นคือหน้าที่ผม
เห็นเราขยันขันแข็ง พี่ๆ เจ้าของร้านเขาก็เอ็นดู
-สอนพิเศษ อันนี้ผมทำนานที่สุด ใช้วิชาความรู้ที่เรามีไปสอนต่อ
เงินดี เด็กติด เด็กบอกต่อ งานนี้ทำสนุก ไม่กดดันมาก และใช้ความรู้เดิม
ไปสอนตามบ้านก็เคยลอง กดดันไปนิด สอนไปเลี้ยงเหมือนพี่เลี้ยงเด็ก ...
อ่อนน้อมถ่อมตนเมื่อไปทำงานบ้านเขา พ่อแม่เขาก็เอ็นดูเรา อยากให้เราไปสอนต่อเรื่อยๆ
สอนเด็ก ม. ปลายเป็นกลุ่ม อันนี้สนุกเงินดีผมชอบ สอนไป โม้ไป เด็กชอบ
มีกลุ่มหนึ่งเรียนกับผมสองปี เอ็นฯ ติดคณะกันหมดยกก๊วน โทรมาอยากเลี้ยงข้าวผม
แต่ผมเองก็เรียนจบเหมือนกันเลยไม่ได้ไป ผมใจดีเงินค่าเรียนงวดสุดท้ายผมก็ยกให้ไปฉลองกัน
รายได้ จากการสอนพิเศษ แบบไม่ได้ๆก็หกเจ็ดพัน บางเดือนไปแตะเกือบสองหมื่น
งานนี้สอนให้ผมรู้จักการทำงานกับคนหมู่มาก ทักษะการสอน ทักษะการสื่อสาร
ผลตอบแทนทีได้จากความสามารถของเราเอง
-ลงทุนในหลักทรัพย์ อันนี้มีผลต่อชีวิตของผมมาก วันหนึ่งมีกัลยาณมิตร
ชวนผมไปแข่งขันเล่นหุ้น ทำไปทำมาเลยลงทุนจริงจัง ศึกษาเรื่องนี้แบบทุ่มเท
ขอทุนรอนทางบ้านมาเพิ่ม ผลคือเงินงอกเงยขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
งานนี้สอนให้ผมรู้จักว่าการลงทุนคืออะไร สอนให้ผมรู้จักการงบการเงิน
สอนให้รู้ว่าตัวเลขในงบทางบัญชีแต่ละตัวคืออะไร สอนให้ผมรู้จักเรื่องราวของการตลาด
เรื่องราวของกลยุทธ์ที่บริษัท จากการอ่าน ผลประกอบการประจำปี
-ขายของตลาดนัด
หลังจากเรียนจบ ผมถูกส่งมาประจำบริษัทของธุรกิจครอบครัวในสาขาที่เปิดใหม่
ช่วงนั้นกลางวันทำงานประจำ แต่สัปดาห์ละสองวันหลังเลิกงาน
ผมหาลำไพ่พิเศษ วิ่งไปซื้อของจากต่างจังหวัดขนของขึ้นรถวิ่งไปขายตลาดนัดใกล้ที่ทำงาน
เลิกสี่ห้าทุ่มกลับบ้าน เช้าทำงานต่อ ทำอยู่หลายเดือน แต่ ...งานนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ ...
งานนี้สอนให้ผมรู้ว่า คำว่า “เจ๊ง” เป็นอย่างไร มีแค่ใจอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะสำเร็จ
เราต้องมีความรู้ ในการประกอบกิจการแลการบริหาร .... การทำกิจการไม่ง่ายอย่างที่คิด
หลังจากเจ๊งมาแล้ว คิดใหม่ทำใหม่ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ผมทำงานไปตามปกติ
เสาร์อาทิตย์เลือกไปเรียน ป.โท ด้านการบริหารเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้กับตนเอง
ในระหว่างที่ผมทำงานให้บริษัท ผมใส่ทุกอย่างที่มี ทำทุกอย่างไม่เลือก
ผลคือจากอดีตพนักงานสามคน ปัจจุบันมากกว่าสิบคน .... ขายเติบโตตามเป้าทุกปี
จากผลงานในอดีต และ ความสู้งานของผมที่ผ่านมา นั้นเป็นที่ยอมรับในครอบครัวและเครือญาติ
ผมจึงได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและเครือญาติ ผมได้รับความไว้วางใจในการให้ทุนรอน
เพื่อใช้ในสยายปีกไปทำกิจการอื่นๆเพิ่มเติม ปัจจุบันผมทำ 3 กิจการหลัก และหลายงานอดิเรก
จากอดีตที่ผ่านมา ผมผ่านงานมาหลายรูปแบบและไม่เลือก
ซึ่งตรงจุดนี้ มีผลต่อชีวิตการทำงาน ณ ปัจจุบันของผมอย่างมากมายมหาศาล
งานหนักพักเดี๋ยวก็หาย แต่ใจต้องแกร่ง อย่าไปกลัว อย่าไปท้อ ....
ปีที่ผ่านมา ... ผมทำกำไรให้ธุรกิจและการลงทุนของผมเองได้หลายล้านบาท
ทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ ผมจะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อให้กำไรเหล่านั้นเติบโตอย่างมั่นคง
เรื่องราวผ่านมานานร่วมสิบห้าปี .... ปัจจุบัน ผมอายุ ยี่สิบเก้าปี ! ! !
ถ้าเทียบกับอายุน่าจะเร็วไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันผ่านมาได้ เพราะ ....
ผมมีแบบอย่างที่สุดยอด มีคุณพ่อคุณแม่เป็นเทพต้นแบบในเรื่องความขยัน
ผมขยันได้เพียงเศษเสี้ยวของพวกท่าน ซึ่งผมคงต้องพยายามอีกมากในด้านนี้
ผมย่นเวลา ดึงเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้เมื่อทำงานมาเรียนรู้ ตั้งแต่วัยเรียน
ผมได้รับการสนับสนุนให้รู้จักการหาเงิน รู้จักการทำงาน การออมตั้งแต่ยังอายุน้อย
การเรียนรู้นั้นไม่สิ้นสุดไม่มีข้อจำกัดของเวลา .... ผมคงต้องเรียนรู้อีกมาก
ขอให้บทความชิ้นนี้จงได้สร้างประโยชน์ให้แก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขอให้ความร่ำรวยและความสุขสวัสดิ์จงมาสถิตแด่ท่าน
…[^_^]…