วันที่ 19 มีนาคม 2556 (go6TV) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ดีเอสไอ เพื่อมอบหลักฐานเพิ่มเติมกรณีการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตตยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง ในระหว่างการชุมนุมของประชาชนในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 โดย น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ได้นำคลิปวีดีโอรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี ของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2556 โดยผู้ดำเนินรายการและผู้ร่วมรายการได้กล่าวอ้างว่ามีส่วนรู้เห็นต่อการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ และรู้ตัวผู้กระทำด้วย จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบเนื้อหารายการในส่วนนี้ด้วย
ด้านนายธาริต กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ นั้นเบื้องต้นดีเอสไอพบว่าพล.ต.ขัตติยะ ถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูง ซึ่งมักใช้กับอาวุธที่ใช้กันในกลุ่มของเจ้าหน้าที่รัฐ และในวันที่เกิดเหตุมีข้อมูลเป็นเอกสารคำสั่งอย่างชัดเจนว่าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการณ์เข้าดูแลพื้นที่โดยรอบการชุมนุมและบริเวณตึกสูงโดยรอบที่เกิดเหตุทั้งหมด และดีเอสไอมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการณ์ในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารจากกองบัญชาการทหารอากาศ แต่ในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือและตำรวจ ที่ได้ขอความร่วมมือไปแล้วตั้วแต่ปี 2554 แต่ยังใม่ได้รับการแจ้งข้อมูลกลับมา ซึ่งในช่วงปลายสัปดาห์หน้าเจ้าหน้าที่ที่ติดตามข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ ก็จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ทีมงานได้รับภาพถ่าย เอกสารภาพของทีมสอบสวนดีเอสไอ ได้แสดงให้เห็นถึงวิถีกระสุน ซึ่งน่าจะชัดเจนแล้วว่าเป็นกระสุนความเร็วสูง โดยในภาพดังกล่าว ได้ทำแบบจำลองวิถีกระสุนจากจุดที่ พล.ต.ขัตติยะ ยืนอยู่เวลาเกิดเหตุ และลากโยงเส้นด้วยเลเซอร์คอมพิวเตอร์ 3 มิติจำลองจุดกระสุนเข้า กระสุนออก และโยงกลับถึงไปยังจุดที่สันนิษฐานได้ว่า เป็นจุดยิงกระสุนคือ อาคาร ภปร. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งดีเอสไอ ได้ขอให้ ศอฉ.ส่งเอกสารการส่งกำลังพลหน่วยซุ่มยิงของทุกตึกในบริเวณดังกล่าวมายังพนักงานสอบสวนแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า
http://www.go6tv.com/2013/03/blog-post_19.html
ไม่รู้ว่า คดีที่เกี่ยวกับเสื้อแดง ศาลจะลากยาวไปถึงไหน
ผิดกับคดีฝ่ายตรงข้าม ลากยาวมา 6 ปีกว่า ก็ยังไม่มีใครติดคุก
เผยภาพถ่ายวิถีกระสุนยิง "เสธ.แดง" ยืนยันชัด ยิงจากตึก ภ.ป.ร.
วันที่ 19 มีนาคม 2556 (go6TV) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ดีเอสไอ เพื่อมอบหลักฐานเพิ่มเติมกรณีการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตตยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง ในระหว่างการชุมนุมของประชาชนในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 โดย น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ได้นำคลิปวีดีโอรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเอสทีวี ของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2556 โดยผู้ดำเนินรายการและผู้ร่วมรายการได้กล่าวอ้างว่ามีส่วนรู้เห็นต่อการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ และรู้ตัวผู้กระทำด้วย จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบเนื้อหารายการในส่วนนี้ด้วย
ด้านนายธาริต กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ นั้นเบื้องต้นดีเอสไอพบว่าพล.ต.ขัตติยะ ถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูง ซึ่งมักใช้กับอาวุธที่ใช้กันในกลุ่มของเจ้าหน้าที่รัฐ และในวันที่เกิดเหตุมีข้อมูลเป็นเอกสารคำสั่งอย่างชัดเจนว่าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการณ์เข้าดูแลพื้นที่โดยรอบการชุมนุมและบริเวณตึกสูงโดยรอบที่เกิดเหตุทั้งหมด และดีเอสไอมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการณ์ในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารจากกองบัญชาการทหารอากาศ แต่ในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือและตำรวจ ที่ได้ขอความร่วมมือไปแล้วตั้วแต่ปี 2554 แต่ยังใม่ได้รับการแจ้งข้อมูลกลับมา ซึ่งในช่วงปลายสัปดาห์หน้าเจ้าหน้าที่ที่ติดตามข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ ก็จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน ทีมงานได้รับภาพถ่าย เอกสารภาพของทีมสอบสวนดีเอสไอ ได้แสดงให้เห็นถึงวิถีกระสุน ซึ่งน่าจะชัดเจนแล้วว่าเป็นกระสุนความเร็วสูง โดยในภาพดังกล่าว ได้ทำแบบจำลองวิถีกระสุนจากจุดที่ พล.ต.ขัตติยะ ยืนอยู่เวลาเกิดเหตุ และลากโยงเส้นด้วยเลเซอร์คอมพิวเตอร์ 3 มิติจำลองจุดกระสุนเข้า กระสุนออก และโยงกลับถึงไปยังจุดที่สันนิษฐานได้ว่า เป็นจุดยิงกระสุนคือ อาคาร ภปร. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งดีเอสไอ ได้ขอให้ ศอฉ.ส่งเอกสารการส่งกำลังพลหน่วยซุ่มยิงของทุกตึกในบริเวณดังกล่าวมายังพนักงานสอบสวนแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า
http://www.go6tv.com/2013/03/blog-post_19.html
ไม่รู้ว่า คดีที่เกี่ยวกับเสื้อแดง ศาลจะลากยาวไปถึงไหน
ผิดกับคดีฝ่ายตรงข้าม ลากยาวมา 6 ปีกว่า ก็ยังไม่มีใครติดคุก