.
ชูวิทย์ โพสต์ ฮั้ว ส.ว. ตั้งเอง ชงเอง ตบเอง กินเอง ดึงพนง.สอบสวนคดีฮั้วส.ว.-เขากระโดง นั่งคณะทำงาน
.
วันที่ 4 ต.ค. นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความระบุ
.
ฮั้ว ส.ว. ตั้งเอง ชงเอง ตบเอง กินเอง
.
บรรดาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้งหมด 17 รายชื่อ ถูกแต่งตั้งโดยรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่ถอดด้าม
.
รับตำแหน่งไม่ถึง 7 วัน เซ็นออกคำสั่ง เลขที่ 194/2568 ตั้ง “คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม“
.
พบว่าดันเป็นพนักงานสอบสวนคดี ”ฮั้ว ส.ว. และ เขากระโดง” ยกตัวอย่าง
.
รายชื่อที่ 3 นายภูชิตส์ กรรณสูต ผอ.ด้านตรวจสอบโทรศัพท์ (ดักฟังข้อมูลโทรศัพท์)
.
รายชื่อที่ 7 นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอาง อยู่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำคดีเขากระโดง และสนามบินขนงพระ
.
รายชื่อที่ 9 นายชยพล สายทวี ทำคดี “ฮั้ว ส.ว.” จังหวัดอยุธยา และอ่างทอง
.
ทั้งหมดตอนนี้กลับกลายเป็น “คณะทำงาน“ ของรัฐมนตรียุติธรรม
.
ที่บังเอิญดันเอาคนสอบคดี ฮั้ว ส.ว.และ เขากระโดง ผู้กุมสำนวนคดี รู้ตื้นลึกหนาบาง มาเป็นคณะทำงานของตัวเอง
.
เพื่ออะไรมิทราบหรือครับ?
.
คดีความสุดพิสดารในการได้เป็น ส.ว. และ ตำนานเขากระโดง จะถูก “แทรกแซง” หรือไม่ ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะเห็นสื่อเขาบอก รัฐมนตรียุติธรรมสายบุรีรัมย์ เป็นตำรวจเติบโตที่ จ.บุรีรัมย์ มาตลอด
.
แล้วยังมีชื่อ คุณศุภชัย ใจสมุทร เพิ่งไปนั่งเป็น “โฆษกกระทรวงยุติธรรม” ให้สัมภาษณ์เรื่องเขากระโดงฉอดๆ ตั้งแต่วันแรกอีก
.
ชาวบ้านเขายิ่งระแวงสงสัย มันดูทะ
ๆ อยู่นะ
.
คณะทำงานที่รัฐมนตรีตั้งมาอีกหลายคนที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญ ก็เป็นคนของพรรคที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ด้วย
.
หากผมเป็นสมัครพรรคพวกคนร้าย แล้วได้วาสนาไปคุมตำรวจ สั่งให้เอาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีของผมมาเป็น “คณะทำงาน” ของตัวเอง
.
เพื่อจะได้เห็นรายละเอียดของสำนวน จะไปวางแผนอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง หรือ พรรคพวกหรือไม่?
.
จะไม่ให้ประชาชนเขาสงสัยได้ไง?
.
วานสื่อไปถามรัฐมนตรียุติธรรม หรือนายกฯ ที อย่างนี้มันถือว่าเป็นการแทรกแซงไหม?
.
อย่าไปทำอะไรที่มันทำให้คนเขาชวนสงสัยเลย
.
ไหนๆ นายกฯ ก็ประกาศในวันแถลงนโยบายรัฐบาลว่า
.
”จะไม่แทรกแซงการทำงานของข้าราชการ และทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย”
.
เลยไม่รู้จะเชื่อท่านนายกฯ ดีไหม?
.
นี่แค่เริ่มงาน 7 วัน ก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว.
.
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0Uc7ixc18ypHgZ1QL4PhcdM4WL1FQLCn1h9eEqzcNRqumM27zMDB42biDruNjBz7zl
.
.
ช่วย 6 ชีวิตติดในบ้าน หลังคันดินถล่ม น้ำทะลักไม่ถึง 5 นาทีท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านอพยพไม่ทัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9964888
.
ช่วย 6 ชีวิตติดในบ้าน หลังคันดินกั้นน้ำถล่ม มวลน้ำทะลักไม่ถึง 5 นาทีท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านอพยพแทบไม่ทัน
.
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 4 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังกรมชลประทานได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำหลายครั้งต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ประกอบกับฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “
แมตโม” ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูงอย่างรวดเร็ว กดดันแนวคันดินกันน้ำ ที่เทศบาลตำบลโพนางดำออก สร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำตลอดแนว ซึ่งมีความสูงกว่า 2 เมตร
.
จนกระทั่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังจากเพจของเทศบาลตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา ได้ประกาศ “
แจ้งเตือนประชาชนเก็บของขึ้นที่สูงเป็นการเร่งด่วนทางเทศบาลมีความจำเป็นต้องเปิดน้ำเข้าในหมู่บ้าน #ขอให้พี่น้องประชาชนเก็บของเป็นการเร่งด่วน” เพียงไม่กี่นาที คันดินบริเวณหน้าวัดสมอได้เกิดการทรุดตัวและพังทลายพร้อมกัน 2 จุด น้ำจากแม่น้ำไหลทะลักผ่านช่องโหว่เข้าท่วมถนนและหมู่บ้านที่อยู่ด้านในอย่างรุนแรง กระแสน้ำเชี่ยวกราก ทำให้ชาวบ้านหลายหลังคาเรือนอพยพไม่ทัน ชาวบ้านที่ได้ข่าวก็รีบเก็บข้าวของหนีน้ำกันโกลาหล
.
อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาทได้รับแจ้งเหตุว่ามีประชาชนติดอยู่ภายในบ้าน รวม 6 คน เป็นผู้หญิง 3 คน และเด็กเล็ก 3 คน จึงรีบระดมกำลังพร้อมเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรงและฝนที่ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงสามารถนำผู้ประสบภัยทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย
.
นาง
ลภัส สุวรรณวร อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้ติดอยู่ภายในบ้าน เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า น้ำมาเร็วมาก ไม่ถึง 5 นาที บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว เก็บอะไรไม่ทันเลย เครื่องใช้ไฟฟ้าพังหมด เด็กมี 3 คน ออกมาได้แล้ว 2 คน อายุ 3 ขวบกับ 8 ขวบ แต่ยังเหลืออีก 1 คน อายุ 3 เดือน อยู่กับแม่เขา ใจจะขาดเลย
.
นาง
ลภัส เล่าต่อว่า สามีและลูกชายทำงานอยู่เทศบาลตำบลโพนางดำออก ช่วงนี้ต้องออกช่วยงานเสริมคันดินแทบทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ตอนแรกว่าจะเอาเต็นท์ขึ้นไปตั้งบนถนนคันคลองเพื่อจะหนีน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ขอไว้ก่อนเพราะรถดินจะวิ่งเข้าเสริมแนวคันดิน ฝนก็ตกหนักทั้งวัน จนคันดินรับไม่ไหวพังลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว
.
.
ชาวบ้านสุโขทัยผวาข่าวลือ จระเข้หลุดในแม่น้ำยม หลังสุนัขหายไป 2 ตัว
.
ชาวบ้านสุโขทัยผวาข่าวลือ จระเข้หลุดช่วงน้ำท่วมในแม่น้ำยม หลังสุนัขหายไป 2 ตัว มั่นใจไม่ใช่ตัววรนุช-ตัวตะกวดแน่นอน
.
วันที่ 4 ต.ค. 68 จากสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.สุโขทัย ประสบปัญหาน้ำท่วมใน อ.ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีนคร ศรีสำโรง เมืองสุโขทัย และ อ.กงไกรลาศนั้น ล่าสุดมีข่าวลือว่า มีผู้พบเห็นจระเข้ ขนาดความยาว 1 เมตร ที่แม่น้ำยมบริเวณ หมู่ 7 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จนเป็นที่หวาดผวา และพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย บางส่วนมีความวิตกกังวลในความปลอดภัย บางส่วนตั้งข้อสงสัยว่า จะเป็นอุบายป้องกันเหตุหรือไม่ เพื่อไม่ให้คนลงไปเล่นน้ำจับปลา เพราะน้ำไหลแรงเกรงจะได้รับอันตราย
.
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยัง หมู่บ้านแม่สำที่มีข่าวลือว่ามีคนเห็นจระเข้อยู่ในแม่น้ำยม ที่หมู่ 7 ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย พบนายประเสริฐ เสนาเกตุ อายุ 54 ปี ซึ่งปลูกบ้านอยู่ริมตลิ่ง เปิดเผยว่า เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ตนลงไปตรวจสอบปั๊มน้ำที่อยู่ในแม่น้ำยมข้างบ้านก็เจอจระเข้สีดำ ลอยคอนิ่งๆ อยู่ใกล้ๆ กับแพปั๊มน้ำ เมื่อเดินลงไปเพื่อจะดูใกล้ๆ มันกลับค่อยๆ มุดน้ำหนีไป จึงขึ้นมาบอกเพื่อนบ้านแต่ไม่มีใครเชื่อ ตนมั่นใจว่าเป็นจระเข้ ไม่ใช่ตัววรนุช หรือตัวตะกวดแน่นอน
.
ด้านนายประเสริฐ อินทรจักร อายุ 61 ปี เปิดเผยว่า ตนก็พบเจอจระเข้เช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา เวลา 6 โมงเช้า ตนพายเรือออกไปเลาะเบ็ดในลำห้วยแม่สาน ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำยม เจอจระเข้ยาว 3 เมตร ว่ายน้ำลอยออกมาจากกอกล้วยริมตลิ่ง ห่างเรือของตนไป 6 เมตร ตนตกใจมาก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอ ตนมั่นใจและแยกแยะได้ว่าเป็นจระเข้แน่นอน ไม่ใช่ตัวตะกวดหรือตัววรนุช ตนตกเบ็ดทุกวัน เห็นตัววรนุชแทบทุกวัน ลักษณะตัววรนุช จะตัวสีเหลืองๆ คอจะสูงๆ จากน้ำ ถ้าเจอคนมันจะหนี ไม่เหมือนจระเข้ตัวนี้ที่ลอยนิ่งๆ
.
นายทเนตร์ น้อยสุก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.แม่สำ กล่าวว่า ลักษณะที่ทั้ง 2 คนเจอ คาดว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านไม่กล้าลงแม่น้ำแล้ว โดยเมื่อปีที่แล้วลูกบ้านอายุ 20 ปี อาชีพหาปลา ก็เคยแจ้งว่าพบจระเข้ ขณะกำลังหาปลา แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันเรื่องจึงเงียบไป ต่อมาลูกบ้านคนนี้ไม่กล้าลงไปหาปลาอีกเลย อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นทีมไกรทอง ลงมาช่วยตรวจสอบลาดตระเวน ร่วมกับพวกตนและผู้นำหมู่บ้านต่างๆ เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นจระเข้จริงหรือไม่ และยังอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือไม่
.
อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังพูดคุยกับผู้สื่อข่าว ก็ได้รับแจ้งว่าสุนัขที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้หายไป 2 ตัว และมีร่องรอยบางอย่าง จึงเดินทางไป ที่สวนส้มริมห้วยแม่สาน พบนางนาจ มาคำ อายุ 50 ปี เจ้าของสวน เปิดเผยว่า เลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัว เมื่อเย็นวานนี้สุนัขพากันลงมาเห่ากรรโชกอะไรบางอย่างอยู่ริมห้วย ตนไม่ได้สนใจอะไร ยังคงทำสวนตามปกติ ต่อมาช่วงเย็นสุนัขตัวสีขาวหายไป ตอนแรกคิดว่าไปติดตัวเมีย พอออกตามหาก็ไม่เจอ พอเช้ามาเจ้ามอม สุนัขอีกตัวหายไป โดยมีร่องรอย หญ้าริมตลิ่งราบเป็นวง คล้ายมีการต่อสู้เคลื่อนไหว ต่อมาทราบข่าวเรื่องจระเข้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าสุนัขทั้ง2ตัวอาจโดนจระเข้คาบไปกินแล้วหรือไม่ ได้แต่ภาวนาขอให้มันกลับมาอย่าให้มันโดยจระเข้กินเลย
.
นายยุทธภูมิ ศรีสงคราม ประมงอำเภอศรีสัชนาลัย แจ้งว่า เมื่อเช้าวันที่ 3 ต.ค. 68 ทางอำเภอศรีสัชนาลัย ได้รับแจ้งจากขาวบ้านว่าที่ตำบลแม่สำว่า พบเห็นจระเข้ว่ายอยู่ในลำห้วยแม่สานที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำยม ตำบลแม่สำ จระเข้มีความยาวประมาณเมตรกว่า หลังจากประมงอำเภอศรีสัชนาลัย ลงพื้นที่ตรวจสอบ ล่าสุดยังไม่พบ เนื่องจากหากเป็นจระเข้จริงก็จะว่ายน้ำขึ้นหรือลงในลำน้ำยม และอาจจะกบดานอยู่ก็ได้ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ลำห้วยแม่สาน ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำยม ในช่วงนี้ห้ามลงเล่นน้ำ จับปลาบริเวณแม่น้ำยม และแหล่งน้ำใกล้เคียง หากมีคนพบเห็นจระเข้ ตัวดังกล่าว สามารถแจ้งมาที่ นายยุทธภูมิ ศรีสงคราม ประมงอำเภอศรีสัชนาลัย โทร 063-2053721 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
.
.
กองทัพภาคที่ 2 พบโดรนกัมพูชา 71 ลำ – พาคณะ IOT ลงพื้นที่ “ช่องบก” เพื่อรับทราบข้อเท็จจริง
.
กองทัพภาคที่ 2 รายงานตรวจพบโดรนกัมพูชา 71 ลำ นอกจากนี้ ทางรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้นำคณะ IOT ลงพื้นที่ “ช่องบก” เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา
.
วันนี้ (4 ต.ค. 68) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2568 รายงานสถานการณ์โดยรวม
.
โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้เชิญคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ประจำประเทศไทย รับฟังการบรรยายสรุป ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นได้นำคณะสำรวจพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา ตามบันทึกข้อตกลงจากผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - กัมพูชา เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้นำคณะฝ่ายไทย
.
นอกจากนี้ ได้มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า 6 ลำ, พื้นที่ภูมะเขือ - ปราสาทพระวิหาร 6 ลำ, พื้นที่ปราสาทตาควาย 50 ลำ, พื้นที่ช่องกร่าง 5 ลำ และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 4 ลำ ขณะนี้กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง โดยฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจ ตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์
JJNY : 5in1 ชูวิทย์โพสต์ดึงพนง.สอบสวน│ช่วย 6ชีวิตหลังคันดินถล่ม│สุโขทัยผวาข่าวลือ│พบโดรนกัมพูชา 71ลำ│แมตโมจ่อขึ้นฝั่งจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5397461
.
ชูวิทย์ โพสต์ ฮั้ว ส.ว. ตั้งเอง ชงเอง ตบเอง กินเอง ดึงพนง.สอบสวนคดีฮั้วส.ว.-เขากระโดง นั่งคณะทำงาน
.
วันที่ 4 ต.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความระบุ
.
ฮั้ว ส.ว. ตั้งเอง ชงเอง ตบเอง กินเอง
.
บรรดาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทั้งหมด 17 รายชื่อ ถูกแต่งตั้งโดยรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่ถอดด้าม
.
รับตำแหน่งไม่ถึง 7 วัน เซ็นออกคำสั่ง เลขที่ 194/2568 ตั้ง “คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม“
.
พบว่าดันเป็นพนักงานสอบสวนคดี ”ฮั้ว ส.ว. และ เขากระโดง” ยกตัวอย่าง
.
รายชื่อที่ 3 นายภูชิตส์ กรรณสูต ผอ.ด้านตรวจสอบโทรศัพท์ (ดักฟังข้อมูลโทรศัพท์)
.
รายชื่อที่ 7 นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอาง อยู่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำคดีเขากระโดง และสนามบินขนงพระ
.
รายชื่อที่ 9 นายชยพล สายทวี ทำคดี “ฮั้ว ส.ว.” จังหวัดอยุธยา และอ่างทอง
.
ทั้งหมดตอนนี้กลับกลายเป็น “คณะทำงาน“ ของรัฐมนตรียุติธรรม
.
ที่บังเอิญดันเอาคนสอบคดี ฮั้ว ส.ว.และ เขากระโดง ผู้กุมสำนวนคดี รู้ตื้นลึกหนาบาง มาเป็นคณะทำงานของตัวเอง
.
เพื่ออะไรมิทราบหรือครับ?
.
คดีความสุดพิสดารในการได้เป็น ส.ว. และ ตำนานเขากระโดง จะถูก “แทรกแซง” หรือไม่ ผมไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะเห็นสื่อเขาบอก รัฐมนตรียุติธรรมสายบุรีรัมย์ เป็นตำรวจเติบโตที่ จ.บุรีรัมย์ มาตลอด
.
แล้วยังมีชื่อ คุณศุภชัย ใจสมุทร เพิ่งไปนั่งเป็น “โฆษกกระทรวงยุติธรรม” ให้สัมภาษณ์เรื่องเขากระโดงฉอดๆ ตั้งแต่วันแรกอีก
.
ชาวบ้านเขายิ่งระแวงสงสัย มันดูทะ
.
คณะทำงานที่รัฐมนตรีตั้งมาอีกหลายคนที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีสำคัญ ก็เป็นคนของพรรคที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ด้วย
.
หากผมเป็นสมัครพรรคพวกคนร้าย แล้วได้วาสนาไปคุมตำรวจ สั่งให้เอาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีของผมมาเป็น “คณะทำงาน” ของตัวเอง
.
เพื่อจะได้เห็นรายละเอียดของสำนวน จะไปวางแผนอะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง หรือ พรรคพวกหรือไม่?
.
จะไม่ให้ประชาชนเขาสงสัยได้ไง?
.
วานสื่อไปถามรัฐมนตรียุติธรรม หรือนายกฯ ที อย่างนี้มันถือว่าเป็นการแทรกแซงไหม?
.
อย่าไปทำอะไรที่มันทำให้คนเขาชวนสงสัยเลย
.
ไหนๆ นายกฯ ก็ประกาศในวันแถลงนโยบายรัฐบาลว่า
.
”จะไม่แทรกแซงการทำงานของข้าราชการ และทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย”
.
เลยไม่รู้จะเชื่อท่านนายกฯ ดีไหม?
.
นี่แค่เริ่มงาน 7 วัน ก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว.
.
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0Uc7ixc18ypHgZ1QL4PhcdM4WL1FQLCn1h9eEqzcNRqumM27zMDB42biDruNjBz7zl
.
.
ช่วย 6 ชีวิตติดในบ้าน หลังคันดินถล่ม น้ำทะลักไม่ถึง 5 นาทีท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านอพยพไม่ทัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9964888
.
ช่วย 6 ชีวิตติดในบ้าน หลังคันดินกั้นน้ำถล่ม มวลน้ำทะลักไม่ถึง 5 นาทีท่วมหมู่บ้าน ชาวบ้านอพยพแทบไม่ทัน
.
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 4 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังกรมชลประทานได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำหลายครั้งต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ประกอบกับฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “แมตโม” ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูงอย่างรวดเร็ว กดดันแนวคันดินกันน้ำ ที่เทศบาลตำบลโพนางดำออก สร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำตลอดแนว ซึ่งมีความสูงกว่า 2 เมตร
.
จนกระทั่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังจากเพจของเทศบาลตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา ได้ประกาศ “แจ้งเตือนประชาชนเก็บของขึ้นที่สูงเป็นการเร่งด่วนทางเทศบาลมีความจำเป็นต้องเปิดน้ำเข้าในหมู่บ้าน #ขอให้พี่น้องประชาชนเก็บของเป็นการเร่งด่วน” เพียงไม่กี่นาที คันดินบริเวณหน้าวัดสมอได้เกิดการทรุดตัวและพังทลายพร้อมกัน 2 จุด น้ำจากแม่น้ำไหลทะลักผ่านช่องโหว่เข้าท่วมถนนและหมู่บ้านที่อยู่ด้านในอย่างรุนแรง กระแสน้ำเชี่ยวกราก ทำให้ชาวบ้านหลายหลังคาเรือนอพยพไม่ทัน ชาวบ้านที่ได้ข่าวก็รีบเก็บข้าวของหนีน้ำกันโกลาหล
.
อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูชัยนาทได้รับแจ้งเหตุว่ามีประชาชนติดอยู่ภายในบ้าน รวม 6 คน เป็นผู้หญิง 3 คน และเด็กเล็ก 3 คน จึงรีบระดมกำลังพร้อมเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรงและฝนที่ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงสามารถนำผู้ประสบภัยทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย
.
นางลภัส สุวรรณวร อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้ติดอยู่ภายในบ้าน เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า น้ำมาเร็วมาก ไม่ถึง 5 นาที บ้านเราเป็นบ้านชั้นเดียว เก็บอะไรไม่ทันเลย เครื่องใช้ไฟฟ้าพังหมด เด็กมี 3 คน ออกมาได้แล้ว 2 คน อายุ 3 ขวบกับ 8 ขวบ แต่ยังเหลืออีก 1 คน อายุ 3 เดือน อยู่กับแม่เขา ใจจะขาดเลย
.
นางลภัส เล่าต่อว่า สามีและลูกชายทำงานอยู่เทศบาลตำบลโพนางดำออก ช่วงนี้ต้องออกช่วยงานเสริมคันดินแทบทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ตอนแรกว่าจะเอาเต็นท์ขึ้นไปตั้งบนถนนคันคลองเพื่อจะหนีน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ขอไว้ก่อนเพราะรถดินจะวิ่งเข้าเสริมแนวคันดิน ฝนก็ตกหนักทั้งวัน จนคันดินรับไม่ไหวพังลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว
.
.
.
กองทัพภาคที่ 2 รายงานตรวจพบโดรนกัมพูชา 71 ลำ นอกจากนี้ ทางรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้นำคณะ IOT ลงพื้นที่ “ช่องบก” เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา
.
วันนี้ (4 ต.ค. 68) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2568 รายงานสถานการณ์โดยรวม
.
โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้เชิญคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย ประจำประเทศไทย รับฟังการบรรยายสรุป ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังจากนั้นได้นำคณะสำรวจพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา ตามบันทึกข้อตกลงจากผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย - กัมพูชา เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมี พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้นำคณะฝ่ายไทย
.
นอกจากนี้ ได้มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า 6 ลำ, พื้นที่ภูมะเขือ - ปราสาทพระวิหาร 6 ลำ, พื้นที่ปราสาทตาควาย 50 ลำ, พื้นที่ช่องกร่าง 5 ลำ และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 4 ลำ ขณะนี้กองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง โดยฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจ ตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์