http://www.settrade.com/brokerpage/AnalystConsensus/Research/trinity_rojna.pdf
ไตรมาส 4/55 กำไรชะลอตัวเหลือ 101 ล้านบาท: ไตรมาส 4/55 ROJNA มีกำไรสุทธิ
อยู่ที่ 101 ล้านบาทลดลง 69.7% QoQ เนื่องจาก 1)รายได้รวมลดลง 3.5% QoQ เหลือ
ราว1,886 ล้านบาท โดยหลักๆมาจากการลดลงของรายได้จากการขายที่ดินที่เหลือ 68
ล้านบาทจาก 672 ล้านบาท ในไตรมาส 3/55 แต่ยังถูกชดเชยได้บางส่วนจากเงินเคลม
ประกันภัย Business Interruption จากโรงไฟฟ้าโรจนะที่ยังปิดซ่อมบำรุง 273 ล้านบาท
และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก TICON เป็นจำนวน 193 ล้านบาทจากการขายโรงงาน
และคลังสินค้าเข้า Property Fund 2)อัตรกำไรขั้นต้นโดยรวมปรับลดลงเหลือ 21% จาก
ไตรมาส 3/55 ที่ 34% เนื่องจากรายได้จากการขายซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงปรบตัว
ลดลงและ 3)ภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 58.2% QoQ จากการกู้เพื่อลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น
เพื่อขยายเฟสต่อของนิคมที่ปราจีนบุรีและการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ อย่างไรก็ดีหากรวมกับ
กำไรช่วง 9M55 จะส่งผลให้ปี 2555 ROJNA มีกำไรสุทธิ 1,194 ล้านบาทพลิกจากปี
2554 ที่ขาดทุนสุทธิ 554 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมโดยใน
ปี 2555 มียอดขายที่ดินรวม 2,188 ล้านบาทหรือคิดเป็นประมาณ 900 ไร่
ปี 2556 จะเติบโตสูง: ในปี 2556 คาด ROJNA จะรับรู้เป็นยอดขายที่ดินราว 3,300
ล้านบาทหรือคิดเป็นราว 1,500 ไร่ โดยมาจากกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าและอาหารที่ต้องการ
ซื้อที่ดินใน จ.อยุธยา และกลุ่ม Supplier ยานยนต์ที่ต้องการขยายฐานผลิตไปที่ จ.
ปราจีนบุรีซึ่งเมื่อบวกกับในปีนี้คาดจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจหลักอื่นๆ คือ 1)รายได้
จากการขายคอนโดและโรงแรมจากบริษัทย่อย RDP Property Development Co.,LTD
ที่ประเทศจีนมูลค่า 2,500 ล้านบาท และ 2)รายได้จากขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโรจนะพาว
เวอร์ 256MW ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและปิดปรับปรุงไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งคาดจะ
กลับมาผลิตในระดับปกติช่วง1Q56 โดยคาดจะมียอดขายไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 4.2 พันล้าน
บาทจึงส่งผลให้ปี 2556 เราประเมินว่า ROJNA จะมียอดรับรู้รายได้รวมราว10,800 ล้าน
บาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 46% และมีกำไรสุทธิ 1,566 ล้านบาทเติบโต 31%YoY ทั้งนี้ใน
ประมาณการของเรายังไม่รวมส่วนขยายของโรงไฟฟ้าอีก165MW ที่คาดจะเริ่มดำเนินการ
ประมาณ 70% ภายในปลายปีนี้และรายได้จากธุรกิจ Solar Farm 24MW(ถือหุ้นอยู่
70%) ซึ่งมีกำหนดการขายไฟให้ EGAT ได้ในเดือนก.ย.56
เราเชื่อว่า ROJNA จะ Outperform กลุ่มฯไปอีก 2-3 ปี: บริษัทเป็นผู้เล่นรายใหญ่
ที่สุดในนิคมฯ ปราจีนบุรี โดยมีแผนจะขยายเป็น 7,000 ไร่ จากปัจจุบันที่มีที่ดินในมือ
แล้วราว 4,000 ไร่ ซึ่งในอนาคตคาดจะสามารถปรับราคาขายขึ้นได้อีกจากปัจจุบันที่
1.8-2.0 ล้านบาทต่อไร่เป็นมากกว่า 2 ล้านบาทต่อไร่ เนื่องจากมีบริษัท HONDA มาซื้อ
ที่ดินเพื่อตั้งโรงงานขยายกำลังการผลิตซึ่งจะเกิดอุปสงค์ต่อเนื่อง ทำให้คาดมี supplier
และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ย้ายเข้ามาทำธุรกิจบริเวณใกล้เคียง อีกทั้ง
จ.ปราจีนบุรี ยังมียุทธศาสตร์การขนส่งที่ดีซึ่งสามารถส่งสินค้าไปยังภาคเหนืออีสานและ
ประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวกบวกกับราคาที่ดินใน จ.ปราจีนบุรีปัจจุบันยังถูกกว่า
จ.อยุธยา และ จ.ระยองที่สูงถึงกว่า 3 ล้านบาทต่อไร่
ราคาเป้าหมาย 15.70 บาท เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2556 อยู่ที่ 15.70 บาท
โดยอิง PER 14 เท่าเท่ากับค่าเฉลี่ย Forward PER ของกลุ่มนิคมที่มีลักษณะธุรกิจ
ใกล้เคียงกัน ซึ่งเมื่อบวกกับแนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะดีขึ้น เนื่องจากกลับมามี
Recurring income จากโรงไฟฟ้าและยังมีโอกาสในการเติบโตที่โดดเด่นในอนาคตอีกทั้ง
ในวันที่ 4 เม.ย.56 นี้ ROJNA จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการ
ลงทุน (XD) หุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.3% เราจึงแนะนำ “ซื้อลงทุน”
ROJNA
ไตรมาส 4/55 กำไรชะลอตัวเหลือ 101 ล้านบาท: ไตรมาส 4/55 ROJNA มีกำไรสุทธิ
อยู่ที่ 101 ล้านบาทลดลง 69.7% QoQ เนื่องจาก 1)รายได้รวมลดลง 3.5% QoQ เหลือ
ราว1,886 ล้านบาท โดยหลักๆมาจากการลดลงของรายได้จากการขายที่ดินที่เหลือ 68
ล้านบาทจาก 672 ล้านบาท ในไตรมาส 3/55 แต่ยังถูกชดเชยได้บางส่วนจากเงินเคลม
ประกันภัย Business Interruption จากโรงไฟฟ้าโรจนะที่ยังปิดซ่อมบำรุง 273 ล้านบาท
และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก TICON เป็นจำนวน 193 ล้านบาทจากการขายโรงงาน
และคลังสินค้าเข้า Property Fund 2)อัตรกำไรขั้นต้นโดยรวมปรับลดลงเหลือ 21% จาก
ไตรมาส 3/55 ที่ 34% เนื่องจากรายได้จากการขายซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงปรบตัว
ลดลงและ 3)ภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 58.2% QoQ จากการกู้เพื่อลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น
เพื่อขยายเฟสต่อของนิคมที่ปราจีนบุรีและการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ อย่างไรก็ดีหากรวมกับ
กำไรช่วง 9M55 จะส่งผลให้ปี 2555 ROJNA มีกำไรสุทธิ 1,194 ล้านบาทพลิกจากปี
2554 ที่ขาดทุนสุทธิ 554 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมโดยใน
ปี 2555 มียอดขายที่ดินรวม 2,188 ล้านบาทหรือคิดเป็นประมาณ 900 ไร่
ปี 2556 จะเติบโตสูง: ในปี 2556 คาด ROJNA จะรับรู้เป็นยอดขายที่ดินราว 3,300
ล้านบาทหรือคิดเป็นราว 1,500 ไร่ โดยมาจากกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าและอาหารที่ต้องการ
ซื้อที่ดินใน จ.อยุธยา และกลุ่ม Supplier ยานยนต์ที่ต้องการขยายฐานผลิตไปที่ จ.
ปราจีนบุรีซึ่งเมื่อบวกกับในปีนี้คาดจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจหลักอื่นๆ คือ 1)รายได้
จากการขายคอนโดและโรงแรมจากบริษัทย่อย RDP Property Development Co.,LTD
ที่ประเทศจีนมูลค่า 2,500 ล้านบาท และ 2)รายได้จากขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโรจนะพาว
เวอร์ 256MW ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและปิดปรับปรุงไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งคาดจะ
กลับมาผลิตในระดับปกติช่วง1Q56 โดยคาดจะมียอดขายไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 4.2 พันล้าน
บาทจึงส่งผลให้ปี 2556 เราประเมินว่า ROJNA จะมียอดรับรู้รายได้รวมราว10,800 ล้าน
บาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 46% และมีกำไรสุทธิ 1,566 ล้านบาทเติบโต 31%YoY ทั้งนี้ใน
ประมาณการของเรายังไม่รวมส่วนขยายของโรงไฟฟ้าอีก165MW ที่คาดจะเริ่มดำเนินการ
ประมาณ 70% ภายในปลายปีนี้และรายได้จากธุรกิจ Solar Farm 24MW(ถือหุ้นอยู่
70%) ซึ่งมีกำหนดการขายไฟให้ EGAT ได้ในเดือนก.ย.56
เราเชื่อว่า ROJNA จะ Outperform กลุ่มฯไปอีก 2-3 ปี: บริษัทเป็นผู้เล่นรายใหญ่
ที่สุดในนิคมฯ ปราจีนบุรี โดยมีแผนจะขยายเป็น 7,000 ไร่ จากปัจจุบันที่มีที่ดินในมือ
แล้วราว 4,000 ไร่ ซึ่งในอนาคตคาดจะสามารถปรับราคาขายขึ้นได้อีกจากปัจจุบันที่
1.8-2.0 ล้านบาทต่อไร่เป็นมากกว่า 2 ล้านบาทต่อไร่ เนื่องจากมีบริษัท HONDA มาซื้อ
ที่ดินเพื่อตั้งโรงงานขยายกำลังการผลิตซึ่งจะเกิดอุปสงค์ต่อเนื่อง ทำให้คาดมี supplier
และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ย้ายเข้ามาทำธุรกิจบริเวณใกล้เคียง อีกทั้ง
จ.ปราจีนบุรี ยังมียุทธศาสตร์การขนส่งที่ดีซึ่งสามารถส่งสินค้าไปยังภาคเหนืออีสานและ
ประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวกบวกกับราคาที่ดินใน จ.ปราจีนบุรีปัจจุบันยังถูกกว่า
จ.อยุธยา และ จ.ระยองที่สูงถึงกว่า 3 ล้านบาทต่อไร่
ราคาเป้าหมาย 15.70 บาท เราประเมินราคาเป้าหมายปี 2556 อยู่ที่ 15.70 บาท
โดยอิง PER 14 เท่าเท่ากับค่าเฉลี่ย Forward PER ของกลุ่มนิคมที่มีลักษณะธุรกิจ
ใกล้เคียงกัน ซึ่งเมื่อบวกกับแนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะดีขึ้น เนื่องจากกลับมามี
Recurring income จากโรงไฟฟ้าและยังมีโอกาสในการเติบโตที่โดดเด่นในอนาคตอีกทั้ง
ในวันที่ 4 เม.ย.56 นี้ ROJNA จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการ
ลงทุน (XD) หุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2.3% เราจึงแนะนำ “ซื้อลงทุน”