ปลายปีที่แล้วช่วงเดือนพฤศจิกายนผมกับเพื่อนๆหนีกรุงไปเที่ยวกันครับ
เป้าหมายของเราคือจังหวัดน่าน กะว่าทริปนี้จะไปชมเมืองแล้วก็ไปกางเต๊นท์นอนบนดอยกัน
ขอออกตัวก่อนนะว่ามันหลายเดือนแล้ว จำเรื่องราวได้ไม่หมดหรอก 5555
เราออกจากกรุงเทพตอนสองทุ่ม กว่าจะไปถึงน่านก็เจ็ดโมงเช้า ทางช่วงแพร่มันเป็นหลุมเป็นบ่อครับ แถมหมอกก็ลงทำให้ขับได้ช้า
เจ็ดโมงเช้าก็ยังไม่ถึงจุดหมายครับ กว่าจะไปถึงจุดหมายแรกของทริปนี้ก็ตั้งแปดโมงครึ่ง ดูเวลาแล้วก็แอบทำใจไว้เลยว่าไม่มีหมอกแน่
เป้าหมายแรกของเราคือที่นี่ครับ
อุทยานแห่งชาตินันทบุรีครับ ทางเข้าแคบและเละนิดๆครับ แต่ว่าก็เอามาสด้าสองฝ่าเข้ามาได้ ท้องครูดไปสองทีแน่ะ
(แต่ก็ช่างมัน ไม่ใช่รถผม ฮี่ๆ)

จะเก้าโมงแล้ว หมอกยังไม่จางเลย

หมอกหนามากๆ
จากจุดนี้เราจะเดินเท้าต่อไปอีกกี่กิโลไม่รู้ จำไม่ได้ แต่ว่าทางก็ธรรมดาๆ ไม่ได้ชันอะไรมากมาย
เดินไปเรื่อยๆก็จะไปถึงดอยวาวครับ แต่ทว่าพระอาทิตย์ขึ้นนานมากแล้ว ทำให้หมอกฝั่งดอยวาวจากไปเรียบร้อยแล้ว

เหลือแค่เนี้ย
พอฟินกับทะเลหมอกได้ซักพักเราก็ลงจากดอยครับ มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองน่าน แวะกินข้าวกินปลาซักครู่นึงแล้วไปต่อ
ที่นี่เป็นที่ที่ผมอยากจะมาชมให้ได้อย่างแรงเพียงเพราะโฆษณาตัวเดียวเลย 5555
มันคือโฆษณาโอโม่ครับ และที่นี่.. เวลคัมทูวัดภูมินทร์ออฟน่านค่ะ
วัดนี้สวยดีนะครับ จากจุดนี้เราสามารถเดินเท้าชมวัดต่างๆในเมืองน่านได้ด้วย แต่ผมว่าวัดนี้สวยสุดแล้วแหละ
จริงๆมีอีกวัดนึงสวยมากเหมือนกัน แต่ดันมีงานอะไรไม่รู้ เอาเต๊นท์ผ้าใบมากางบดบังทัศนียภาพ เลยไม่เอารูปลง
หลังจากชมวัดต่างๆในเมืองน่านเรียบร้อย ประมาณสามสี่วัดได้ เราก็ไปกันต่อครับ
อีกจุดนึงที่ต้องมาให้ได้ ยิ่งคนปีเถาะยิ่งควรมาเลย พระธาตุแช่แห้งครับ

ถ่ายมาตามแบบเรียนสปช.เลย 5555
ถึงตรงพระธาตุนี่โคตรร้อนครับ อากาศมันก็เย็นนิดๆอ่ะ แต่แดดนี่เปรี้ยงมาก แทบจะเป็นลม
ไปต่ออีกครับ วัดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ จำได้แค่ว่าอยู่บนเขาเล็กๆ เที่ยววัดมันทั้งวันเลยวันนี้
พอถึงตรงนี้ก็คิดว่าหมดที่เที่ยวแล้วล่ะ ก็เลยซื้อเสบียงให้เรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าสู่ที่นอนของเราคืนนี้เลยดีกว่า
(แต่แอบเสียดาย น่าจะซื้อเบียร์ขึ้นไปกิน)

ระหว่างทางครับ พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว

ถึงแล้วววว ที่นอนของเราคืนนี้ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ ไปกูเกิลเอาเอง

การเดินทางมาที่ดอยเสมอดาวนี่ง่ายมากๆครับ ทางสบายๆ เขาก็ไม่ชัน ขับมาจอดได้แบบในรูปเลย
แต่ขึ้นได้แค่ในรูปนะ เกินจากนี้ไปต้องขนของเดินไปเอง ไม่ได้ไกลหรอก
พอกางเต๊นท์เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เดินขึ้นดอยไปดูพระอาทิตย์ตกครับ

อันนี้เป็นด้านทิศตะวันออกครับ
หลังจากชมพระอาทิตย์ตกจนมันลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยก็ได้เวลากินข้าว อาบน้ำ กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไปสองทุ่ม
พอสองทุ่ม.. ก็ได้เวลาดูดาวสิครับ
ตอนก่อนมาผมคาดหวังไว้น้อยมากๆ ไม่ได้คิดหรอกว่าจะมาเจอดาวอะไรมากมาย
แต่พอมาดูเอง โอวววว สมชื่อแล้ว ดอยเสมอดาว ดาวเยอะจริงๆครับ
แล้วด้วยลักษณะของที่นี่คือมันจะเป็นสันเขาให้เราเดินขึ้นไปชมวิวได้รอบทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก
ทำให้เราสามารถเห็นดาวได้ 180 องศาเลยครับ มองจากทิศตะวันออกมาทิศตะวันตก ดาวเย๊อะะะะะะะ
ขนาดมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่ยังสามารถมองเห็นดาวได้เยอะมา ถ้าเป็นคืนเดือนมืดคงจะเยอะกว่านี้มากๆแน่นอน
แต่ด้านตะวันตกมันจะเป็นเมืองอยู่ข้างล่างนะ เมืองจะเปิดไฟหลอดขาวๆตามบ้าน มองไปก็เหมือนดาวดีเหมือนกัน
เจ้าหน้าที่ยังบอกเลยว่านั่นคือดาวบนดิน
คืนนั้นผมโชคดีอยู่อย่างนึง มีพี่คนนึงเค้าจะมาสอบอะไรไม่รู้เกี่ยวกับดาราศาตร์นี่แหละ
แล้วเค้าพกไฟสำหรับส่องดาวมาด้วย ยอดมากเลย เค้าก็สอนให้ว่าดาวตรงนี้เรียกอะไร ตรงนั้นเรียกอะไร

ไม่ใช่ดาบเจไดนะ
พอฟินแล้วก็ได้เวลาเดินลงครับ กะว่าเที่ยงคืนค่อยขึ้นไปอีกรอบ ระหว่างนี้ก็เริ่มอยากกินเบียร์แต่ดัไม่ได้ซื้อมา
ก็เลยไปเดินๆหาดูครับว่าใครมีบ้าง จะขอซื้อต่อ ตอนนั้นก็ไปเจอหนุ่มสาวคู่นึงกำลังย่างเนื้อกันอยู่
แล้วก็มีป้าคนนึงเดินเข้าไปถามหนุ่มสาวว่า "นี่กำลังย่างอะไรอยู่หรอคะ กลิ่นหอมจังเลย"
หนุ่มสาวก็เลยบอกไปว่า "เนื้อค่ะ แบ่งไปทานบ้างมั้ย" ป้าเค้าเลยบอกว่าไม่เป็นไรทานเนื้อไม่ได้
ผมแวบขึ้นมาในใจสองเรื่อง เรื่องแรก ถ้าเป็นหมูป้าจะเอามั้ยหว่า อีกเรื่องเรื่องนึงคือ เราจะใช้มุกเดียวกับป้าเค้าดีมั้ยหว่า 55555
จนแล้วจนรอด ผมก็หาเบียร์กินไม่ได้ ก็เลยนอนดีกว่า ตื่นมาดูดาวอีกทีตอนเที่ยงคืน.. อืม.. ก็เหมือนเดินอ่ะ นอนต่อดีกว่า
ตื่นมาอีกทีเช้าเลย ชมทะเลหมอกอันน้อยนิดเพราะเมื่อคืนลมแรงมากครับ ทำให้หมอกปลิวหมด

พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วครับ

อันนี้คือผาหัวสิงห์ครับ อยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ ที่เมื่อคืนถ่ายดาวก็มีรูปนึงติดที่นี่ ตอนเช้ามีคนขึ้นไปชมวิวกันจำนวนนึง

หันมาทางทิศตะวันตก ทะเลหมอกเยอะกว่าอีกมั้งนั่น
หลังจากถ่ายรูปเล่น เก็บข้าวเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงครับ กลับบ้านกันดีกว่า
แต่เดี๋ยวจะไปแวะพิดโลกเพราะต้องไปส่งเพื่อน และจะไปไหว้พระพุทธชินราชด้วย

ระหว่างทางกลับครับ เมืองนี้เมฆเยอะดี สวยๆๆๆ

พระพุทธชินราชครับ ถ่ายกี่รูปก็เอียง ไม่รู้เป็นอะไร

ดูเหมือนในเมืองกำลังมีงานอะไรกันอยู่
ผมจำไม่ได้ว่าเรามัวโอ้เอ้อะไรกันทำให้มาถึงพิษณุโลกตั้งหกโมงกว่า กว่าจะถึงกรุงเทพก็ห้าทุ่มจะเที่ยงคืน รถไฟฟ้าเกือบปิด
รวมแล้วทริปนี้ใช้เงินไปไม่เยอะครับ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าน้ำมันซะมากกว่า
ใช้เวลาแค่เสาร์อาทิตย์ก็ไปเที่ยวถึงน่านได้ เหนื่อยหน่อยแต่สนุกดี (สนุกสิ ก็ไม่ได้ขับรถเองนี่ ให้เพื่อนขับ 55555)
จริงแล้วๆน่านมีที่ให้ไปอีกเยอะมากเลยครับ เดี๋ยวปีนี้ว่าจะไปเก็บอีก แล้วจะมารีวิวให้ชมอีกครับ
[CR] รีวิวระลึกชาติ แอ่วน่าน ดอยเสมอดาว
เป้าหมายของเราคือจังหวัดน่าน กะว่าทริปนี้จะไปชมเมืองแล้วก็ไปกางเต๊นท์นอนบนดอยกัน
ขอออกตัวก่อนนะว่ามันหลายเดือนแล้ว จำเรื่องราวได้ไม่หมดหรอก 5555
เราออกจากกรุงเทพตอนสองทุ่ม กว่าจะไปถึงน่านก็เจ็ดโมงเช้า ทางช่วงแพร่มันเป็นหลุมเป็นบ่อครับ แถมหมอกก็ลงทำให้ขับได้ช้า
เจ็ดโมงเช้าก็ยังไม่ถึงจุดหมายครับ กว่าจะไปถึงจุดหมายแรกของทริปนี้ก็ตั้งแปดโมงครึ่ง ดูเวลาแล้วก็แอบทำใจไว้เลยว่าไม่มีหมอกแน่
เป้าหมายแรกของเราคือที่นี่ครับ
อุทยานแห่งชาตินันทบุรีครับ ทางเข้าแคบและเละนิดๆครับ แต่ว่าก็เอามาสด้าสองฝ่าเข้ามาได้ ท้องครูดไปสองทีแน่ะ
(แต่ก็ช่างมัน ไม่ใช่รถผม ฮี่ๆ)
จะเก้าโมงแล้ว หมอกยังไม่จางเลย
หมอกหนามากๆ
จากจุดนี้เราจะเดินเท้าต่อไปอีกกี่กิโลไม่รู้ จำไม่ได้ แต่ว่าทางก็ธรรมดาๆ ไม่ได้ชันอะไรมากมาย
เดินไปเรื่อยๆก็จะไปถึงดอยวาวครับ แต่ทว่าพระอาทิตย์ขึ้นนานมากแล้ว ทำให้หมอกฝั่งดอยวาวจากไปเรียบร้อยแล้ว
เหลือแค่เนี้ย
พอฟินกับทะเลหมอกได้ซักพักเราก็ลงจากดอยครับ มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองน่าน แวะกินข้าวกินปลาซักครู่นึงแล้วไปต่อ
ที่นี่เป็นที่ที่ผมอยากจะมาชมให้ได้อย่างแรงเพียงเพราะโฆษณาตัวเดียวเลย 5555
มันคือโฆษณาโอโม่ครับ และที่นี่.. เวลคัมทูวัดภูมินทร์ออฟน่านค่ะ
วัดนี้สวยดีนะครับ จากจุดนี้เราสามารถเดินเท้าชมวัดต่างๆในเมืองน่านได้ด้วย แต่ผมว่าวัดนี้สวยสุดแล้วแหละ
จริงๆมีอีกวัดนึงสวยมากเหมือนกัน แต่ดันมีงานอะไรไม่รู้ เอาเต๊นท์ผ้าใบมากางบดบังทัศนียภาพ เลยไม่เอารูปลง
หลังจากชมวัดต่างๆในเมืองน่านเรียบร้อย ประมาณสามสี่วัดได้ เราก็ไปกันต่อครับ
อีกจุดนึงที่ต้องมาให้ได้ ยิ่งคนปีเถาะยิ่งควรมาเลย พระธาตุแช่แห้งครับ
ถ่ายมาตามแบบเรียนสปช.เลย 5555
ถึงตรงพระธาตุนี่โคตรร้อนครับ อากาศมันก็เย็นนิดๆอ่ะ แต่แดดนี่เปรี้ยงมาก แทบจะเป็นลม
ไปต่ออีกครับ วัดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ จำได้แค่ว่าอยู่บนเขาเล็กๆ เที่ยววัดมันทั้งวันเลยวันนี้
พอถึงตรงนี้ก็คิดว่าหมดที่เที่ยวแล้วล่ะ ก็เลยซื้อเสบียงให้เรียบร้อยแล้วมุ่งหน้าสู่ที่นอนของเราคืนนี้เลยดีกว่า
(แต่แอบเสียดาย น่าจะซื้อเบียร์ขึ้นไปกิน)
ระหว่างทางครับ พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว
ถึงแล้วววว ที่นอนของเราคืนนี้ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้ ไปกูเกิลเอาเอง
การเดินทางมาที่ดอยเสมอดาวนี่ง่ายมากๆครับ ทางสบายๆ เขาก็ไม่ชัน ขับมาจอดได้แบบในรูปเลย
แต่ขึ้นได้แค่ในรูปนะ เกินจากนี้ไปต้องขนของเดินไปเอง ไม่ได้ไกลหรอก
พอกางเต๊นท์เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เดินขึ้นดอยไปดูพระอาทิตย์ตกครับ
อันนี้เป็นด้านทิศตะวันออกครับ
หลังจากชมพระอาทิตย์ตกจนมันลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยก็ได้เวลากินข้าว อาบน้ำ กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไปสองทุ่ม
พอสองทุ่ม.. ก็ได้เวลาดูดาวสิครับ
ตอนก่อนมาผมคาดหวังไว้น้อยมากๆ ไม่ได้คิดหรอกว่าจะมาเจอดาวอะไรมากมาย
แต่พอมาดูเอง โอวววว สมชื่อแล้ว ดอยเสมอดาว ดาวเยอะจริงๆครับ
แล้วด้วยลักษณะของที่นี่คือมันจะเป็นสันเขาให้เราเดินขึ้นไปชมวิวได้รอบทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก
ทำให้เราสามารถเห็นดาวได้ 180 องศาเลยครับ มองจากทิศตะวันออกมาทิศตะวันตก ดาวเย๊อะะะะะะะ
ขนาดมีพระจันทร์เสี้ยวอยู่ยังสามารถมองเห็นดาวได้เยอะมา ถ้าเป็นคืนเดือนมืดคงจะเยอะกว่านี้มากๆแน่นอน
แต่ด้านตะวันตกมันจะเป็นเมืองอยู่ข้างล่างนะ เมืองจะเปิดไฟหลอดขาวๆตามบ้าน มองไปก็เหมือนดาวดีเหมือนกัน
เจ้าหน้าที่ยังบอกเลยว่านั่นคือดาวบนดิน
คืนนั้นผมโชคดีอยู่อย่างนึง มีพี่คนนึงเค้าจะมาสอบอะไรไม่รู้เกี่ยวกับดาราศาตร์นี่แหละ
แล้วเค้าพกไฟสำหรับส่องดาวมาด้วย ยอดมากเลย เค้าก็สอนให้ว่าดาวตรงนี้เรียกอะไร ตรงนั้นเรียกอะไร
ไม่ใช่ดาบเจไดนะ
พอฟินแล้วก็ได้เวลาเดินลงครับ กะว่าเที่ยงคืนค่อยขึ้นไปอีกรอบ ระหว่างนี้ก็เริ่มอยากกินเบียร์แต่ดัไม่ได้ซื้อมา
ก็เลยไปเดินๆหาดูครับว่าใครมีบ้าง จะขอซื้อต่อ ตอนนั้นก็ไปเจอหนุ่มสาวคู่นึงกำลังย่างเนื้อกันอยู่
แล้วก็มีป้าคนนึงเดินเข้าไปถามหนุ่มสาวว่า "นี่กำลังย่างอะไรอยู่หรอคะ กลิ่นหอมจังเลย"
หนุ่มสาวก็เลยบอกไปว่า "เนื้อค่ะ แบ่งไปทานบ้างมั้ย" ป้าเค้าเลยบอกว่าไม่เป็นไรทานเนื้อไม่ได้
ผมแวบขึ้นมาในใจสองเรื่อง เรื่องแรก ถ้าเป็นหมูป้าจะเอามั้ยหว่า อีกเรื่องเรื่องนึงคือ เราจะใช้มุกเดียวกับป้าเค้าดีมั้ยหว่า 55555
จนแล้วจนรอด ผมก็หาเบียร์กินไม่ได้ ก็เลยนอนดีกว่า ตื่นมาดูดาวอีกทีตอนเที่ยงคืน.. อืม.. ก็เหมือนเดินอ่ะ นอนต่อดีกว่า
ตื่นมาอีกทีเช้าเลย ชมทะเลหมอกอันน้อยนิดเพราะเมื่อคืนลมแรงมากครับ ทำให้หมอกปลิวหมด
พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วครับ
อันนี้คือผาหัวสิงห์ครับ อยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ ที่เมื่อคืนถ่ายดาวก็มีรูปนึงติดที่นี่ ตอนเช้ามีคนขึ้นไปชมวิวกันจำนวนนึง
หันมาทางทิศตะวันตก ทะเลหมอกเยอะกว่าอีกมั้งนั่น
หลังจากถ่ายรูปเล่น เก็บข้าวเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาลงครับ กลับบ้านกันดีกว่า
แต่เดี๋ยวจะไปแวะพิดโลกเพราะต้องไปส่งเพื่อน และจะไปไหว้พระพุทธชินราชด้วย
ระหว่างทางกลับครับ เมืองนี้เมฆเยอะดี สวยๆๆๆ
พระพุทธชินราชครับ ถ่ายกี่รูปก็เอียง ไม่รู้เป็นอะไร
ดูเหมือนในเมืองกำลังมีงานอะไรกันอยู่
ผมจำไม่ได้ว่าเรามัวโอ้เอ้อะไรกันทำให้มาถึงพิษณุโลกตั้งหกโมงกว่า กว่าจะถึงกรุงเทพก็ห้าทุ่มจะเที่ยงคืน รถไฟฟ้าเกือบปิด
รวมแล้วทริปนี้ใช้เงินไปไม่เยอะครับ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าน้ำมันซะมากกว่า
ใช้เวลาแค่เสาร์อาทิตย์ก็ไปเที่ยวถึงน่านได้ เหนื่อยหน่อยแต่สนุกดี (สนุกสิ ก็ไม่ได้ขับรถเองนี่ ให้เพื่อนขับ 55555)
จริงแล้วๆน่านมีที่ให้ไปอีกเยอะมากเลยครับ เดี๋ยวปีนี้ว่าจะไปเก็บอีก แล้วจะมารีวิวให้ชมอีกครับ