สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าเป็นกรณีฝากขาย ทางเจ้าของร้านก็ไม่น่าจะมีปัญหามากนะครับ
เพราะเค้าได้กำไรจากส่วนต่างที่บวกเพิ่มเข้าไป ของเหลือก็คืนได้
เท่าที่เจอคือทางคนทำส่งอาจหมดกำลังใจ ถ้าของขายไม่หมด
แล้วเหลือคืนบ่อยๆ จะเอาไปขายต่อก็ลำบาก เพราะเก็บมาหลายวันแล้ว
ผมแนะนำว่าให้เดินเข้าไปคุยเลยครับ ถือขนมไปให้เค้าชิมด้วยยิ่งดี
อาจตั้งราคา 2 แบบ แบบฝากขาย กับแบบขายขาดเป็นแรงจูงใจให้เค้า
ถ้าได้แบบขายขาดต่อให้กำไรน้อยลงนิดหน่อย ผมว่าบางทีคุ้มกว่า สบายใจกว่าด้วยครับ
เดินเข้าไปคุย ... อาจได้ หรือไม่ได้
ไม่เดินเข้าไปคุย ... มีแต่ไม่ได้นะครับ
เพราะเค้าได้กำไรจากส่วนต่างที่บวกเพิ่มเข้าไป ของเหลือก็คืนได้
เท่าที่เจอคือทางคนทำส่งอาจหมดกำลังใจ ถ้าของขายไม่หมด
แล้วเหลือคืนบ่อยๆ จะเอาไปขายต่อก็ลำบาก เพราะเก็บมาหลายวันแล้ว
ผมแนะนำว่าให้เดินเข้าไปคุยเลยครับ ถือขนมไปให้เค้าชิมด้วยยิ่งดี
อาจตั้งราคา 2 แบบ แบบฝากขาย กับแบบขายขาดเป็นแรงจูงใจให้เค้า
ถ้าได้แบบขายขาดต่อให้กำไรน้อยลงนิดหน่อย ผมว่าบางทีคุ้มกว่า สบายใจกว่าด้วยครับ
เดินเข้าไปคุย ... อาจได้ หรือไม่ได้
ไม่เดินเข้าไปคุย ... มีแต่ไม่ได้นะครับ
ความคิดเห็นที่ 14
มาบอกประสบการณ์ก่อนครับ ผมเคยทำฝากขายครับพวกขนมนี่่ล่ะ แต่ว่าผมไม่ได้ทำขนมราคาแพงๆฝากขายเพราะว่าผมอยู่ต่างจังหวัด
บอกก่อนเลยว่าปัญหาส่วนหนึ่งที่ตัดทอนกำไรของคุณเองคือ การคืนสินค้าตอนมันหมดอายุครับ // แต่ถ้าเรารักษาคุณภาพสินค้าและควบคุมปริมาณที่ฝากขายให้เหมาะสมกับร้านค้าแล้ว หลังจากนั้นลูกค้าก็จะถามหาของเราเรื่อยๆเองล่ะครับ
ทำยังไงให้เข้าไปฝากขายได้ :: อันนี้หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่ผมคิดว่าใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้ครับ 2-3-4 -5 ร้านแรกอาจจะเขินๆบ้างแต่ว่าตอนหลังๆแล้วเจอร้านไหนถามเรียบเลยครับ ถามหมด ถ้าเค้าไม่รับก็อาจจะมีแนะนำร้านที่รับด้วย ผมไปหมดเลยเดินสายเลยก็ว่าได้ ผมส่งขนมถุงละ 10 บาท ส่งให้ร้านค้า 8 บาทเหลือกำไร 3 บาท ตอนแรกๆ ก็มีแค่ 20-30 ร้านเท่านั้นเอง ทำไปได้ 2 เดือนฟูมาเป็น 200 ร้านได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมส่งของ 2 วัน(ขับรถเร็วมาก กำหนดเส้นทางเดินไปเรื่อยๆ) จริงๆถ้าส่งจริงๆ ก็วันครึ่งก็หมดแล้วครับ เตรียมของอีก 2 วัน สรุปว่าอาทิตย์หนึ่งทำงาน 4 วันกำไรเดือนละ 20,000-30,000 บาทสบายๆ ตอนแรกเป้าหมายผมคือทำให้ได้ครบ 500 ร้าน แต่ว่าพอดีมีงานอย่างอื่นด้วยก็เลยไม่ได้ทำต่อครับ // เอาคร่าวๆ พอเป็นแนวทางก่อนนะครับ
บอกก่อนเลยว่าปัญหาส่วนหนึ่งที่ตัดทอนกำไรของคุณเองคือ การคืนสินค้าตอนมันหมดอายุครับ // แต่ถ้าเรารักษาคุณภาพสินค้าและควบคุมปริมาณที่ฝากขายให้เหมาะสมกับร้านค้าแล้ว หลังจากนั้นลูกค้าก็จะถามหาของเราเรื่อยๆเองล่ะครับ
ทำยังไงให้เข้าไปฝากขายได้ :: อันนี้หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่ผมคิดว่าใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้ครับ 2-3-4 -5 ร้านแรกอาจจะเขินๆบ้างแต่ว่าตอนหลังๆแล้วเจอร้านไหนถามเรียบเลยครับ ถามหมด ถ้าเค้าไม่รับก็อาจจะมีแนะนำร้านที่รับด้วย ผมไปหมดเลยเดินสายเลยก็ว่าได้ ผมส่งขนมถุงละ 10 บาท ส่งให้ร้านค้า 8 บาทเหลือกำไร 3 บาท ตอนแรกๆ ก็มีแค่ 20-30 ร้านเท่านั้นเอง ทำไปได้ 2 เดือนฟูมาเป็น 200 ร้านได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมส่งของ 2 วัน(ขับรถเร็วมาก กำหนดเส้นทางเดินไปเรื่อยๆ) จริงๆถ้าส่งจริงๆ ก็วันครึ่งก็หมดแล้วครับ เตรียมของอีก 2 วัน สรุปว่าอาทิตย์หนึ่งทำงาน 4 วันกำไรเดือนละ 20,000-30,000 บาทสบายๆ ตอนแรกเป้าหมายผมคือทำให้ได้ครบ 500 ร้าน แต่ว่าพอดีมีงานอย่างอื่นด้วยก็เลยไม่ได้ทำต่อครับ // เอาคร่าวๆ พอเป็นแนวทางก่อนนะครับ
ความคิดเห็นที่ 5
เข้ามาเก็บข้อมูลด้วยเหมือนกันครับ ตอนนี้ผมก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับ จขกท เลยครับ
ความเห็นส่วนตัว (และเป็นสิ่งที่ผมทำอยู่) คือผมจะเข้าหาร้านโดยตรงและทำส่งแบบขายขาดเพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องคืนสินค้าครับ (นอกจากสินเค้าเรามีปัญหา) เพราะไม่อยากให้ภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่เพิ่มมาตกที่เรา ร้านส่วนใหญ่เค้าจะรู้ศักยภาพของเค้าอยู่แล้วครับว่าจะขายได้หรือไม่ ถ้าเค้าขายได้เค้าก็จะรับแต่ถ้าขายออกยากหรือช้าเค้าก็จะไม่รับก็แค่นั้นครับ เรื่องฝากขายนี่ผมแทบจะตัดไปเลยครับ ที่คุณ georgekung บอกว่าให้ถือขนมไปให้เค้าชิมด้วยยิ่งดี ผมเห็นด้วยครับ แต่ผมทำแบบนี้ในตอนแรกแล้วเจอปัญหาคือไปแล้วไม่เจอเจ้าของร้านหรือผู้จัดการ เจอแต่เด็กที่ทำงานในร้านเราเลยพลาดโอกาสที่จะคุยรายละเอียดกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ แถมยังเสียขนมไปให้กับร้านโดยที่เราไม่รู้ว่าเจ้าของได้ชิมหรือไม่ ผมเลยแก้ปัญหานี้โดยการทำโบรชัวร์สินค้าของเราแล้วเดินเข้าไปคุยก่อนครับ ถ้าเจอเจ้าของร้านก็โชคดีเลยครับ ได้ present เต็มที่แล้วค่อยนัดวันเวลาเพื่อเอาขนมมาให้เค้าชิมอีกที แต่ถ้าไม่เจอเจ้าของร้านก็แค่ฝากโบรชัวร์ไว้แล้วขอนามบัตรเพื่อติดต่อกลับวันหลัง แบบนี้จะได้ไม่ต้องเสียขนมไปเปล่า ๆ ครับ
หากผู้มีประสบการณ์ท่านใดมีคำแนะนำดี ๆ โปรดชี้แนะด้วยนะครับ
ความเห็นส่วนตัว (และเป็นสิ่งที่ผมทำอยู่) คือผมจะเข้าหาร้านโดยตรงและทำส่งแบบขายขาดเพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องคืนสินค้าครับ (นอกจากสินเค้าเรามีปัญหา) เพราะไม่อยากให้ภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่เพิ่มมาตกที่เรา ร้านส่วนใหญ่เค้าจะรู้ศักยภาพของเค้าอยู่แล้วครับว่าจะขายได้หรือไม่ ถ้าเค้าขายได้เค้าก็จะรับแต่ถ้าขายออกยากหรือช้าเค้าก็จะไม่รับก็แค่นั้นครับ เรื่องฝากขายนี่ผมแทบจะตัดไปเลยครับ ที่คุณ georgekung บอกว่าให้ถือขนมไปให้เค้าชิมด้วยยิ่งดี ผมเห็นด้วยครับ แต่ผมทำแบบนี้ในตอนแรกแล้วเจอปัญหาคือไปแล้วไม่เจอเจ้าของร้านหรือผู้จัดการ เจอแต่เด็กที่ทำงานในร้านเราเลยพลาดโอกาสที่จะคุยรายละเอียดกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ แถมยังเสียขนมไปให้กับร้านโดยที่เราไม่รู้ว่าเจ้าของได้ชิมหรือไม่ ผมเลยแก้ปัญหานี้โดยการทำโบรชัวร์สินค้าของเราแล้วเดินเข้าไปคุยก่อนครับ ถ้าเจอเจ้าของร้านก็โชคดีเลยครับ ได้ present เต็มที่แล้วค่อยนัดวันเวลาเพื่อเอาขนมมาให้เค้าชิมอีกที แต่ถ้าไม่เจอเจ้าของร้านก็แค่ฝากโบรชัวร์ไว้แล้วขอนามบัตรเพื่อติดต่อกลับวันหลัง แบบนี้จะได้ไม่ต้องเสียขนมไปเปล่า ๆ ครับ
หากผู้มีประสบการณ์ท่านใดมีคำแนะนำดี ๆ โปรดชี้แนะด้วยนะครับ

แสดงความคิดเห็น
อยากขอแชร์ประสบการณ์ฝากสินค้าขายตามร้านอาหาร ร้านกาแฟสด เป็นความรู้คู่คิดด้วยค่าาา
ตอนนี้เราต้องการหาอาชีพรองรับความไม่แน่นอนของงานประจำในตอนนี้
ด้วยการทำสิ่งที่ถนัดที่สุดคือ ของกิน เราเริ่มทำขนมขายตลาดนัดแถวบ้าน ฝากร้านกาแฟที่สนิทๆ
และเริ่มมีเพื่อนฝูงสั่งไปเป็นกำลังใจบ้าง สรุปก็คือรสชาติอร่อยกำลังดี ทำขายได้ค่ะ
เป็นพวกขนมที่ต้องแช่ตู้แช่ เช่น เยลลี่ผลไม้ เต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด พานาคอตต้า
บ้านเราอยู่ใกล้ถนนเส้นที่มีร้านอาหารเยอะ (เกษตรนวมินทร์) อยากลองไปฝากขาย
แต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มยังไง โทรไปจะทำให้เค้ามีโอกาสปฏิเสธมากกว่ามั๊ย ถ้าเดินดุ่มๆเข้าไป จะเริ่มยังไงให้เค้าไม่ตั้งป้อมปฏิเสธ
ตั้งใจไว้ว่าวันพฤหัสจะลุย คงทำหน้ามึนๆเข้าไป ลองผิดลองถูกก่อน
แต่มาคิดอีกที ถ้ามีข้อมูลอะไรติดตัวไปบ้างก็น่าจะดีกว่า
ใครมีประสบการณ์หรือพอมีข้อมูลบ้าง รบกวนเล่าให้ฟังนิดนึงนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^