ลางานวันเดียว บริษัทคงไม่เจ๊งใช่มั๊ยคะ

พรุ่งนี้ เราลางานไปรับแม่ที่สถานีรถไฟ
แม่บอก อย่าเลย แม่นั่งรถเมล์ รถตู้ กลับเองได้
เราบอก ไม่เป็นไรเจ้านายใจดีให้ลา
แม่บอกวันก่อนลามาส่ง วันนี้ลามารับ เขาไม่ไล่ออกเหรอลาบ่อย
เราบอกไม่เป็นไรจริงๆเจ้านายใจดี
#แต่ในความจริง สำหรับเรา แค่ไม่อยากให้แม่ลำบาก เพราะแม่ทำเพื่อเรามามากแล้ว งานเราหาใหม่ได้ แต่แม่ เราหาใหม่ไม่ได้
แม่เรา จะ 50 แล้ว เราก็จะ30 แล้ว บนโลกนี้มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกกี่ปี แค่ทำให้แม่สบาย
ด้วยเรื่องเล็กๆน้อย ทำไม เราจะทำไม่ได้...เอาสิ ซึ้งโครต น้ำตาไหลริน

แท๊กให้ห้องรัชดาด้วย เพราะ เรามีเหตุผลตรงที่
ถ้าคุณมีรถ สามารถขับไปทำธุระต่างๆให้แฟน หรือให้เจ้านายได้
กับแม่คุณสามารถทำได้เช่นกันใช่มั๊ยคะ

มีครั้งนึงตอนเราเลิกงาน ยืนรอรถเมล์ อย่างร้อนเลย
แม่โทรมา ว่าใกล้ถึงบ้านหรือยัง เราบอกว่ายังเลย
รถเมล์น้อยมาก นานๆจะผ่าน (อยู่หาดใหญ่ค่ะ)
ยืนรอจนดำหมดแล้วเนี่ย  ... อย่าให้มีรถเองนะ หึ จะไม่ง้อเลย
หลังจากนั้น สามเดือน แม่ก็ดาวน์รถให้เราค่ะ
จนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่อนให้อีก เราบอกจะผ่อนเอง
แม่บอก เก็บไว้ใช้ตอนจำเป็นเถอะ....บุญคุณของแม่มันมากเกินกว่าเราจะกล่าวถึงได้หมด จริงๆค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
แฟร์ๆ ลาครึ่งวันครับ
แม่ครึ่งวัน งานครึ่งวัน

ครึ่งเช้า เรื่องส่วนตัว
ครึ่งบ่าย งาน

เพราะ คนไทยไปทำงานสาย โน่นเข้างานกัน 9 โมง 10 โมง เช้าๆ ลาๆไปเลย

และ บ่ายๆ งานถึงจะเข้ามาเต็มๆ ....

ดูตามความเหมาะสม และเวลาเดินทางครับ
ช่วยๆกันไป เค้าจ้างมาทำงาน เงินที่ลางานเค้าหักคุณได้ แต่เค้าก้อไม่อยากได้พวกทำงานไปหยุดไป
ส่วนแม่คุณ เค้ากลัวคุณตกงาน และเห็นใจผู้จ้างครับ
อันนี้พูดตามความเหมาะสมนะครับ ไม่ได้จะว่าเรื่องคุณลางาน
ความคิดเห็นที่ 12
เราว่าเราก็ไม่ได้แหกกฏแล้วอ้างเพื่อแม่ อะไรนะคะ
เราว่าทุกบริษัท มีกฎกติกา ลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน ได้ตามท่านว่า
เพียงแต่หลายคน ไม่อยากลาบ่อย หรือไม่อยากใช้สิทธิ เพราะมีผลต่อโบนัส การเลื่อนขั้น ค่าอัดฉีด บลาๆ
และก็มีอีกหลายคน อย่างเรา ผ่านจุดที่เคยทำงานประเภท ห้ามลา ห้ามสาย ห้ามขาด ห้ามตาย ถ้าตายแล้วไม่ต้องมา  มาแล้ว
เราเลย รู้สึกว่า บางครั้งการใช้ชีวิตอยู่ในกรอบมากเกินไป มันจะทำให้เราอึดอัด
เงินทอง ค่าตอบแทน ตำแหน่ง ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเรามีความสุข เราเลยเลือกแบบพอดีๆ  (แต่บางคน อาจจะสุขกับสิ่งเหล่านั้น)
นั่นขึ้นอยู่กับว่า ใคร จะเลือกความสุขแบบไหนใช่มั๊ยคะ

ที่เราเปลี่ยนมุมมอง ไม่ใช่ว่าเรารับผิดชอบงานน้อยลงนะคะ
แต่นายเรา สอนเราเอง ในวันที่เราจะลาออกครั้งที่4ว่า อย่าใส่กรอบให้ตัวเองมากไป
พี่ไม่ได้ว่าเลย ถ้าเราจะลากิจ ลาป่วย ลาพักร้อน น้องสามารถทำได้เต็มที่ตามกฎหมายแรงงาน
พี่ขอเค่ให้งานที่อยู่ตรงหน้า หรือที่พี่สั่งเสร็จทันและเรียบร้อยก็พอ ....
ลาอะไรก็ได้ แต่อย่าลาออกเพราะคิดว่าตัวเองธุระเยอะ
ถ้ามันไม่กระทบกับงาน ก็ทำชีวิตให้มันอิสระบ้างก็ได้
เราอาจโชคดีที่ได้นายเข้าใจ ทำงานแบบฟรีๆ แต่งานต้องออกมาดี เขาก็พอใจ
นายบอกว่า ถ้านั่งอยู่ในออฟฟิศทั้งวัน แต่งานไม่ออก ไม่มีผลงาน อันนี้น่าว่ามากกว่า

งานเราไม่ใช่ระบบโรงงานน่ะคะ เลยอนุโลมกันได้

ปล.เรื่องหาเงินดาวน์มาคืนแม่ จริงๆเรามีนะคะ แต่แม่ไม่เอาเลยจริงๆ ก็เลยเก็บออมในบัญชีไว้
พาท่านไปกินของอร่อยๆ คอยช่วยทุกอย่างถึงจะเล็กๆน้อย  เราเป็นลูกคนเดียวน่ะคะ
แม่บอกเสมอ ว่าถ้าไม่ให้เรา แล้วแกจะให้ใคร เราก็คิดเหมือนกัน ว่าถ้าเราไม่ดูแลกันตั้งแต่ตอนนี้
แล้วใครจะดูแลเรา....
ความคิดเห็นที่ 17
คุณทำถูกต้องแล้วครับ

"หากวันนี้เราตายไป พรุ่งนี้เขาก็หาคนใหม่มาทำแทนได้"

ผมสนับสนุนเต็มที่ ไอ่พวกที่บ้านงานเข้าเส้น แค่ใบขับขี่ยังลางานมาทำไม่ได้ อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรกัน
กลัวลาหักตังค์มั่ง ลาแล้วกลัวเขาไล่ออกมั่ง  ถามจริง ๆ ตอนสมัครงาน ไม่ดูสวัสดิการเลยเหรอ
นอกเสียจากว่าคุณเป็นแค่ ลูกจ้างรายวัน ที่ไปก็ได้ ไม่ไปก็ไม่ได้เงิน วันลาวันขาดแทบไม่มี
คนตัดหญ้า กทม. ชุดเขียว ๆ อ่ะ ยังสวัสดิการดีกว่าเลย รายได้เรือนสองหมื่น แต่ติดตรงศักดิ์ศรีที่พวกท่านวางไม่ลง
ว่าตัวเองจบสูง งานต่ำ ๆ ไม่ทำ เงินเดือนน้อย  แต่ชีวิตเขาเหล่านั้นมีความสุขกว่าพวกคุณอีก
คิดแค่เงินเดือนล้านแปด  ผมว่าเงินไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นเลย  นอกเสียจากว่า ชีวิตนี้คุณไม่เหลือใคร...ให้รอ
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่ใช่เรื่องบริษัทเจ๊งหรือไม่เจ๊งแต่บริษัทเป็นองค์กรที่มีกฎระเบียบถ้าทำถูกต้องตามกฎระเบียบจึงเป็นพนักที่ดี แต่ถ้าแหกกฎแล้วอ้างเพื่่อแม่ถ้าเขาจะเลิกจ้างก็ถูกต้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่