[spoil]สัญญะแฝงทางภาษา และความเชื่อใน Naruto ตอนที่ 623

กระทู้สนทนา
อยากแชร์ความเห็นเล็กน้อย เกี่ยวกับนัยยะทางภาษาและความเชื่อ ที่คนเขียนใส่แฝงไว้ในเรื่องราวการพบเจอของ
เซนจู ฮาชิรามะ และอุจิฮะ มาดาระค่ะ

อาจจะจากสายตาแม่ยกที่คิดมากในเชิงสัญญะ แต่เราจากที่เราอ่าน และที่เห็นในสองสามตอนที่ผ่านมา  เรารู้สึกว่า
อ.คิชิ "ใส่ใจ" ในการเขียนคู่นี้ โดยเฉพาะเรื่องคำพูด และสัญญะแฝงในเรื่องของความเชื่อ ในความสัมพันธ์ของ
มาดาระและฮาชิรามะ ในระดับที่เรา...เรียกได้ว่าดีมากจนเกินคาดเราไปพอควรเลย  เอาแค่ถึงตอนที่ 623 นี้
เรารู้สึกว่ามันสวยงาม และไม่โจ่งแจ้งมากเกินไป และที่สำคัญคือมันเข้ากับเรื่องราวและนิสัยของสองคนนี้มากๆ
แบบที่เราประทับใจโคตรๆเลย


เด็กชายหนึ่งที่พยายามปาหินข้ามแม่น้ำ พบกับเด็กอีกคนที่ก็ทำในสิ่งเดียวกัน เพียงแค่เด็กคนนั้นปาข้ามไปแล้ว
(เห็นหลายๆคนพูดถึงในแง่ที่ว่าเป็นแก๊งส์ปาหิน 555)


ฉากนี้ที่ดูเหมือนจะแสนจะตามสูตรทั่วไป ของการพบกันของเด็กชายทั้งสอง  แต่ทำไมฉากปาหินข้ามฝั่งแม่น้ำนี้ ถึงทำให้เราจี๊ด?

คือฉากนี้อ้างถึงตำนานความเชื่อเกี่ยวกับไซ โนะ คาวาระ (西の河原) หรือขุมนรกของเด็กๆในความเชื่อของชาวญี่ปุ่นค่ะ



เล่าคร่าวๆคือ เรื่องและสถานที่นี้เป็นขุมนรกของเด็กๆ ที่ตายตั้งแต่ยังเยาว์ ที่ถูกนำมาไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำดังกล่าว
ที่เป็นชายแดนของนรกและสวรรค์ โทษของเด็กพวกนี้คือการที่ทำให้พ่อแม่ต้องเศร้าเสียใจ สิ่งที่เด็กพวกนั้นทำ
ตามตำนานคือ ก่อกองหิน เพื่อเป็นสะพาน  และส่งสัญญาน แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะจะมีปีศาจมาทำลาย
และไล่ทำร้ายเด็กๆอยู่ร่ำไป  ส่งเดียวที่จะช่วยเด็กๆ คือองค์เทพจิโซ ที่ให้เด็กซ่อนตัวในแขนเสื้อเท่านั้น



ทั้งสองคนเจอกันที่ฝั่งแม่น้ำกำลังทำ คือแทนที่ทั้งคู่จะยอมจำนน และรอความช่วยเหลือจากสิ่งอื่น  
หรือแทนที่จะก่อกองหินที่สูญเปล่าตามตำนาน  สิ่งที่ทั้งคู่ทำในเรื่อง ถึงในเรื่องจะดูไม่มีอะไร(ก็แค่ปาหิน)  
แต่ถ้าเทียบกับตำนานแล้ว การที่ทั้งคู่ต้องการจะปาหินข้ามแม่น้ำ มันราวกับว่า ทั้งคู่นั้น พยายามที่ข้ามแม่น้ำ
จากฝั่งเก่าที่ตัวเองอยู่(นรก) พยายามที่จะข้ามความคิดเก่าๆที่กักกั้น ที่ทำให้พวกเค้าต้องเจ็บปวด  ไปสู่อีกฝากฝั่ง
ของแม่น้ำ(โลก,สวรรค์) เหมือนต้องการจะไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิม

ซึ่งเรื่องราวที่ตามมาก็คือ การคบหาระหว่างกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในพื้นเรื่อง
ตอนนั้นอย่างใหญ่หลวง ก็เพราะฉากนี้ที่สองคนนี้แลกเปลี่ยนความคิดและเผยความฝันของกันและกัน ตกลงกันว่า
จะฟันฝ่าที่จะเปลี่ยนระบบทางสังคมที่มันป่วย  สังคมที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเด็กทั้งสอง (และเด็กๆอีกมากมาย ตามที่เนื้อเรื่องเน้นไว้)

ไม่นับถึงการใช้การปาหินข้ามแม่น้ำ ในการกระทำที่เป็นการต่อต้านต่อสังคมของตนเอง (จัดการกับเพื่อน)
โดยที่ออกมาเป็นการหยิบยืนและแสดงออกถึงความไว้วางใจกันและกัน ในฉากที่ปาหินส่งซิกเตือน
ให้ต่างฝ่ายต่างหนีไปอีกนี้ เรานับถือคนเขียนในเรื่องการใช้ฉากแม่น้ำอันนี้เป็นฉากของเรื่องจริงๆ




อีกจุดหนึ่งเราอินมากในเรื่องคำพูดและประโยคที่ผู้เขียนใช้ ในเรื่องการพบเจอครั้งที่สอง
การที่มาดาระพูดว่า


"ชั้นก็แค่มาที่นี้ และมักเฝ้าภาวนาว่า ไอ้ทางที่เป็นไม่ได้นั้น จะมีอยู่จริง"
คำว่าภาวนาที่ใช้ตรงนี้คือเหมือนภาวนา หรือขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือจากสวรรค์


"และครั้งนี้ ไอ้หนทางที่ว่าก็มีแล้ว  ไม่ใช่แค่นายเท่านั้นนะ แต่ของชั้นเองก็ถึงแล้วเหมือนกัน"
ตรงนี้สำหรับเรา การปาหินเป็นแค่การอุปมาอุปมัยเท่านั้น ความหมายที่มาดาระพูดว่า "ถึง" นั้น ไม่ใช่เรื่องหิน
แต่เป็นความปรารถนาของมาดาระ  ที่กำลังภาวนาหาทางแก้ไข ครรลองของสังคมที่นองเลือดตอนนี้อยู่ต่างหาก
ที่ส่งไปถึงและได้รับการตอบรับ ซึ่งทั้งทางสองคนนี้ ต่างก็ได้รับคำตอบรับในคำภาวนาที่ว่า(ในมุมมองของมาดาระ)
เพราะต่างฝ่ายต่างก็เจอคนที่มีความคิดเหมือนกันแล้ว

*เป็นจุดที่เราเซ็งทีมแปลภาษาอังกฤษมากๆ เพราะพวกนั้นใช้คำว่า Hope ห้วนๆ และแปลในส่วนของการข้ามแบบตรงๆ ความหมายแบบ literally มันก็ใช่นะ แต่นัยยะแฝงมันหายไปหมดเลย (แปลไทยดูแล้วก็แน่นอนว่าผิด เพราะยังไงก็แปลมาจากengอีกที่นี่นา)



และในตอนต่อมา ฮาชิรามะบรรยายว่า การที่พบเจอมาดาระนั้น เหมือนเป็นการได้รับ การชี้ทางจากสวรรค์(天の啓示)
มันต่อเนื่องจากเรื่องการภาวนา ที่มาดาระพูดในตอนที่แล้วมากๆ


คือเหมือนต่างฝ่าย ต่างคิดว่าการพบปะของเรานั้น เหมือนเป็นการชี้ทางของสวรรค์ ว่าสิ่งที่เด็กกระโหลกกะลาแบบเราๆคิดนั้น
ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ที่มีแค่เราคิดบ้าอยู่คนเดียวในโลก  แบบว่ายังมีคนที่อยู่กับเรา คิดเหมือนกับเรา และพร้อมที่จะสู้ไปกับเราอีกคน
เหมือนจะน้ำเน่า แต่เริ่มจะเห็นด้วยกับคำนิยามเน่าๆ แบบว่า Fateful Meeting ที่ทางจัมป์ใส่มา

และในส่วนของการใช้คำพูดไม่กี่คำ ที่ดูไม่สำคัญนี้ บวกกับที่มีการอ้างอิง ถึงการพบเจอผูกเอาการ"ข้ามถึงฝั่ง" ของหินที่ถูกปา  
มาใช้ในแง่ของการอธิษฐาน ที่ได้"ส่งไปถึง" และได้รับการตอบรับกลับ  และตอนต่อมายังย้ำในเรื่องของการเป็น Divine Revelation
ที่ทำให้จุดยืนของตัวเองมั่นคง ไม่สั่นคล่อน  เราอดที่ยิ้มไม่ได้จริงๆ ว่าอ.จะใส่อะไรให้กับสองคนนี้มากกว่านี้ ในอนาคตอีกนะ?

เรื่อง มิตรภาพของเด็กสองคนที่คบหากัน มีการหยอกล้อ ใส่ใจกัน พัฒนาตัวเองไปด้วยกัน
โดยไม่ใช่การแข่งขันชิงดีชิงเด่น และแลกเปลี่ยนความฝัน แสดงออกถึงอุดมการณ์ในใจ
แบบชั้นไม่รู้จักเธอ เธอไม่รู้จักชั้น รู้แค่ว่าใจเราตรงกัน และพยายามคิดหาทางออกไปด้วยกัน  
เรื่องของคู่นี้มาสั้นๆแค่ 2-3 ตอน แต่เราประทับใจกว่าเรื่องนารุโตะ-ซาซึเกะที่คนเขียนพยายามเขียนมา 600 ตอนเสียอีก



โอเคว่า ตอนจบของเรื่องราวของสองคนนี้ไม่ได้สวยงาม เพราะกลายเป็นว่าแตกคอกันในช่วงหลัง

แต่การแสดงออกในตอนหลังของมาดาระแสนจะเทิดทูนฮาชิรามะ  หรือฮาชิรามะที่ถูกชุบมาก็ไม่เคยว่าร้ายมาดาระ  
ถึงเรารู้ว่าความสัมพันธ์มันจบไม่ได้ดี แต่เราว่าความรู้สึกมิตรภาพดีๆนั้นยังมีอยู่ มองอีกแง่ เราว่ามิตรภาพ(Bromance?)
ของคู่นี้ว่าเป็น Tragic Relationship ที่อย่างน้อยก็เริ่มต้นได้สวยงามและน่าจะทำให้เราประทับใจจริงๆ
ไม่ว่าจะจากเรื่องราว หรือ ความพยายามของคนเขียนที่ใส่เอาจุดเล็กๆน้อยๆพวกนี้ใส่แฝงเข้ามา

เราชอบ Flashback ช่วงนี้จริงๆดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่