เคยมีคนถามผมทีเล่นทีจริง ว่าเมื่อไหร่จะสมัครเลือกตั้ง? เมื่อไหร่จะลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กับเขาบ้าง?
ผมก็ตอบกลับไปเสมอ "ไม่หละ ... ไม่ดีกว่า"
แม้จะสนใจและชอบติดตามข่าวการเมือง แต่ผมก็รู้ตัวอยู่เสมอว่ายังไม่ถึงเวลาของตัวเอง ... ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ...
แต่ความรู้สึกไม่พร้อมที่พูดถึง ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ความสามารถและบารมีของตัวเอง ...
ยังหมายถึงผู้คนในสังคมด้วย
ผมมองดูผู้สมัครอิสระหลายคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในรอบนี้ หลายคนโดยพื้นฐานก็น่าจะเป็นคนมีฝีไม้ลายมือ และน่าจะสามารถทำงานบริหาร กทม. ได้ ไม่แพ้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่สังคมก็ลงมติไปเรียบร้อย ว่าผู้สมัครอิสระเหล่านั้นเป็นไม้ประดับ เป็นตัวการทำให้เสียงแตก และอาจจะพาลไปเลือกคนที่ตัวเองก็อาจจะรู้ว่าไม่ได้มีความสามารถสูงส่งอะไร เพียงเพราะเกรงกลัวว่าเสียงจะแตก จนผู้สมัครจากอีกพรรคหนึ่ง (ที่เราไม่โปรด) จะได้รับชัยชนะ
พวกเรามักก่นด่านักการเมือง ก่นด่าสารพัดพรรค (โดยเฉพาะพรรคที่ตัวเองไม่ชอบ) และเฝ้าเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง อยากให้มีคนดีๆ มีฝีมือ ขึ้นมาแก้ไขความผิดพลาด ความเลวร้ายของการปกครองที่เราทนอยู่แบบมึนๆ มาตลอดเวลา นับแต่จำความได้
แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเราเองที่ก็ไม่ค่อยจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง และสร้างเงื่อนไข สร้างปัจจัยสารพัด เพื่อทำให้ตัวเองจำยอม จำทน ทำในสิ่งเดิมๆ ที่ตัวเราเองก่นด่ามาแรมปี
ถ้าคุณเลือกผู้สมัคร (ไม่ว่าเขาจะสังกัดพรรค หรืออิสระก็ตาม) เพราะเชื่อมั่นในนโยบาย เชื่อมั่นในฝีไม้ลายมือ เชื่อมันในตัวตนของผู้สมัครเอง ... ผมยินดีด้วยครับ เพราะนั่นคือการแสดงออกถึงการใช้สิทธิ์ของตัวคุณเองอย่างมีคุณภาพ คุณเป็นประชากรคุณภาพ
ไม่ว่าคุณจะเลือกใคร ผมไม่ติดใจ เพราะนั่นเป็นสิทธิของคุณ เป็นสิทธิที่ควรเคารพ
แต่ถ้าคุณเลือกผู้สมัครเพราะเงื่อนไขที่กลัวอีกฝ่ายจะชนะ กลัวเสียงแตก กลัวนั่น กลัวนี่ ...
ผมจะบอกคุณว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิด ก็อย่าก่นด่าความห่วยแตกของการเมืองการปกครอง ของสิ่งแวดล้อมในชีวิตที่สุดแสนเฮงซวยอีกต่อไปเลยครับ
เพราะคุณเองนั่นแหละ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบการปกครองของประเทศ แม่มเป็นแบบนี้
คนดีๆ คนเก่งๆ จำนวนมากรู้ว่าประเทศมีปัญหาอะไร บ่นได้ บ่นเป็น อยากเปลี่ยนแปลงประเทศ อยากทำให้อะไรๆ มันดีขึ้น
แต่มีคนดีๆ จำนวนน้อยมาก ที่กล้าอาสาออกมาเป็นตัวเลือก ออกมาทำงาน
ทุกครั้งที่มีคนกล้าออกมา ... ถ้าเราพิจารณาแล้วเขาไม่แย่ หรือเป็น nominee ของใคร เราก็ควรสนับสนุนเขา ให้โอกาสเขา
ผมไม่เคยหวังว่าคนเหล่านี้จะออกมาแล้วทำอะไรสำเร็จในการก้าวเท้าออกมาในครั้งเดียว ...
แต่คนเหล่านี้จะเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้คนดีๆ คนอื่นๆ กล้าจะเดินตามออกมา
เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปในทางที่ดีขึ้น
ถ้ากี่คนๆ ที่กล้าเดินออกมา โดยไม่สังกัดพรรคการเมือง ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย
จากนี้ไป ก็ไม่มีใครอยากก้าวเท้าออกมาให้กลายเป็นไม้ประดับ เป็นตัวตลกทางการเมือง
มันน่าเศร้าแค่ไหน ถ้าเราจะต้องไปตบบ่าคนดีๆ สักคน แล้วบอกเขาว่า
"ผมชอบคุณนะ ผมสนับสนุนในสิ่งที่คุณทำ ผมอยากให้คุณมีโอกาสได้ทำ และผมคิดว่าคุณน่าจะทำได้ดี .... แต่ผมไม่เลือกคุณ"
ลงคะแนนเพื่ออะไร?
ผมก็ตอบกลับไปเสมอ "ไม่หละ ... ไม่ดีกว่า"
แม้จะสนใจและชอบติดตามข่าวการเมือง แต่ผมก็รู้ตัวอยู่เสมอว่ายังไม่ถึงเวลาของตัวเอง ... ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ...
แต่ความรู้สึกไม่พร้อมที่พูดถึง ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ความสามารถและบารมีของตัวเอง ...
ยังหมายถึงผู้คนในสังคมด้วย
ผมมองดูผู้สมัครอิสระหลายคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในรอบนี้ หลายคนโดยพื้นฐานก็น่าจะเป็นคนมีฝีไม้ลายมือ และน่าจะสามารถทำงานบริหาร กทม. ได้ ไม่แพ้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่สังคมก็ลงมติไปเรียบร้อย ว่าผู้สมัครอิสระเหล่านั้นเป็นไม้ประดับ เป็นตัวการทำให้เสียงแตก และอาจจะพาลไปเลือกคนที่ตัวเองก็อาจจะรู้ว่าไม่ได้มีความสามารถสูงส่งอะไร เพียงเพราะเกรงกลัวว่าเสียงจะแตก จนผู้สมัครจากอีกพรรคหนึ่ง (ที่เราไม่โปรด) จะได้รับชัยชนะ
พวกเรามักก่นด่านักการเมือง ก่นด่าสารพัดพรรค (โดยเฉพาะพรรคที่ตัวเองไม่ชอบ) และเฝ้าเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง อยากให้มีคนดีๆ มีฝีมือ ขึ้นมาแก้ไขความผิดพลาด ความเลวร้ายของการปกครองที่เราทนอยู่แบบมึนๆ มาตลอดเวลา นับแต่จำความได้
แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเราเองที่ก็ไม่ค่อยจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง และสร้างเงื่อนไข สร้างปัจจัยสารพัด เพื่อทำให้ตัวเองจำยอม จำทน ทำในสิ่งเดิมๆ ที่ตัวเราเองก่นด่ามาแรมปี
ถ้าคุณเลือกผู้สมัคร (ไม่ว่าเขาจะสังกัดพรรค หรืออิสระก็ตาม) เพราะเชื่อมั่นในนโยบาย เชื่อมั่นในฝีไม้ลายมือ เชื่อมันในตัวตนของผู้สมัครเอง ... ผมยินดีด้วยครับ เพราะนั่นคือการแสดงออกถึงการใช้สิทธิ์ของตัวคุณเองอย่างมีคุณภาพ คุณเป็นประชากรคุณภาพ
ไม่ว่าคุณจะเลือกใคร ผมไม่ติดใจ เพราะนั่นเป็นสิทธิของคุณ เป็นสิทธิที่ควรเคารพ
แต่ถ้าคุณเลือกผู้สมัครเพราะเงื่อนไขที่กลัวอีกฝ่ายจะชนะ กลัวเสียงแตก กลัวนั่น กลัวนี่ ...
ผมจะบอกคุณว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิด ก็อย่าก่นด่าความห่วยแตกของการเมืองการปกครอง ของสิ่งแวดล้อมในชีวิตที่สุดแสนเฮงซวยอีกต่อไปเลยครับ
เพราะคุณเองนั่นแหละ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบการปกครองของประเทศ แม่มเป็นแบบนี้
คนดีๆ คนเก่งๆ จำนวนมากรู้ว่าประเทศมีปัญหาอะไร บ่นได้ บ่นเป็น อยากเปลี่ยนแปลงประเทศ อยากทำให้อะไรๆ มันดีขึ้น
แต่มีคนดีๆ จำนวนน้อยมาก ที่กล้าอาสาออกมาเป็นตัวเลือก ออกมาทำงาน
ทุกครั้งที่มีคนกล้าออกมา ... ถ้าเราพิจารณาแล้วเขาไม่แย่ หรือเป็น nominee ของใคร เราก็ควรสนับสนุนเขา ให้โอกาสเขา
ผมไม่เคยหวังว่าคนเหล่านี้จะออกมาแล้วทำอะไรสำเร็จในการก้าวเท้าออกมาในครั้งเดียว ...
แต่คนเหล่านี้จะเป็นตัวอย่างที่ดี ที่ทำให้คนดีๆ คนอื่นๆ กล้าจะเดินตามออกมา
เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปในทางที่ดีขึ้น
ถ้ากี่คนๆ ที่กล้าเดินออกมา โดยไม่สังกัดพรรคการเมือง ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย
จากนี้ไป ก็ไม่มีใครอยากก้าวเท้าออกมาให้กลายเป็นไม้ประดับ เป็นตัวตลกทางการเมือง
มันน่าเศร้าแค่ไหน ถ้าเราจะต้องไปตบบ่าคนดีๆ สักคน แล้วบอกเขาว่า
"ผมชอบคุณนะ ผมสนับสนุนในสิ่งที่คุณทำ ผมอยากให้คุณมีโอกาสได้ทำ และผมคิดว่าคุณน่าจะทำได้ดี .... แต่ผมไม่เลือกคุณ"