หลังจากที่อาศัยรีวิวจากเพื่อนๆพี่ๆในห้องบลูมานาน ก็ได้โอกาสรีวิวเองซักที
จริงๆตั้งใจจะเขียนนานแล้ว แต่ก็มีเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเอาเวลาว่างไปซะหมด
กว่าจะได้เริ่มก็ผ่านไปแล้วเป็นปี ^^"
ตั้งชื่อว่าชีพจรลงเท้าเพราะว่าปีที่แล้วเดินทางเยอะมากค่ะ
ครึ่งปีหลังไป 11 ประเทศ เรียกได้เดินทางจนพ่อจะไม่จ่ายเงินให้แล้ว ฮือออออ
ออกตัวก่อนว่า ที่เดินทางเยอะเป็นเพราะเทอมที่แล้วไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนีค่ะ
วิชาเรียนเทียบโอนไม่ค่อยได้ ทำให้มีโอกาสได้เที่ยวเยอะกว่าปกติมากเลย
เน้นเที่ยวตามใจฉัน ค่าเสียหายไม่สูงเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับประหยัดแบบโกโกริโกะ (ที่ต้องจับปลามากินเอง 55555+)
ทริปแรกของปีที่แล้วคือ อิตาลี ค่ะ เริ่มจากโรม ไปซอร์เรนโต้ ปอมเปอี คาปรี ฟลอเรนซ์ ปิซ่า เวนิส เวโรน่า แล้วก็จบที่มิลาน
เป็นการเที่ยวที่เน้นความรู้มากๆ เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกันก็ออกแนวบ้าพิพิธภัณฑ์สุดๆ
เช่า audio guide แทบทุกที่ แถมกดฟังแทบทุกเบอร์เลย 555555+
จริงๆทริปนี้จะเรียกว่าทริปบังเอิญก็ได้ เพราะตอนแรกตั้งใจจะเที่ยวในเยอรมนีกัน
แต่ตอนคุยกันอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาว่า ไหนๆต้องอยู่ในเยอรมนีทั้งเทอมอยู่แล้ว
เราไปเริ่มทริปแรกที่อื่นกันดีกว่า แต่จะไปไหนดี... แล้วเราก็สรุปในใจได้ภายในสามวิว่า "ไปอิตาลีกันปะ?"
เพื่อนตอบว่า "ปะละ?" คนชวนก็ยิ้มสิคะ "ปะ!"
....ทริปนี้ก็เริ่มต้นง่ายๆแบบนี้เอง 555555+
ทริปนี้เป็นทริปแรกของการเดินทางแบบไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยครั้งแรกในชีวิตเลย
ถึงก่อนหน้านั้นเราเคยไปแลกเปลี่ยนมาก่อนแล้ว เคยเดินทางเองบ้าง
แต่ก็ภายในประเทศอุปถัมภ์ ทำให้คราวนี้แอบหวั่นใจเล็กๆ...นิดเดียวแหละ
ความตื่นเต้นมันมีมากกว่า ^^" แหะๆ
ขอเกริ่นถึงเรื่องการเตรียมตัวก่อนนะคะ เรื่องวีซ่าเราจะไม่พูดถึง
เพราะเราไปด้วยวีซ่า Type D จากสถานทูตเยอรมันค่ะ
ตรงนี้ก็หมดกังวลไปเปลาะนึงแล้ว แต่ของที่ควรเตรียมไปก็มีอีกเยอะ
ทริปนี้เราไปเดือนสิงหา เพราะฉะนั้นที่ขาดไม่ได้เลย คือ ครีมกันแดด แว่นกันแดด และร่ม
ถัดมาก็เป็นพวกยาที่ใช้ประจำเล็กๆน้อยๆ พลาสเตอร์ ผ้าก็อซ ยาสำหรับใส่แผลสด
เราพลาดตรงลืมเอายาทาผื่นไป ปรากฏว่า อิตาลีร้อนมาก เราเหงื่ออาบตั้งแต่วันแรก
พอวันที่สองผื่นขึ้นเต็มหลังเลยค่ะ ต้องไปถามเภสัชที่ร้านขายยา ตอนแรกคิดว่าเป็นแมลงจากที่นอน
แต่พอเภสัชเห็นเค้าบอกว่าแพ้เหงื่อ แล้วก็แนะนำยามาตัวนึง ราคาโหดร้ายอยู่ ครีมหลอดเล็กๆราคา 15 ยูโร
ทาแค่วันสองวันผื่นก็หายสนิทเลยค่ะ ^^ เพราะฉะนั้น ถ้าไปหน้าร้อนใครรู้ตัวว่าแพ้เหงื่อ ควรพกยาไปด้วยนะคะ
ส่วนถ้าไปหน้าหนาวก็อย่าลืมพกลิปมันกับยาทาแผลแตกไปด้วย เผื่อปากแตก ผิวแตกไม่รู้ตัวค่ะ
พิมไปตั้งเยอะแล้วยังไม่เริ่มวันแรกเลยอ่ะ 55555+
เริ่มเลยดีกว่าเนอะ....
Day 1: ROME
วันแรกของการเดินทางเราบินด้วย Ryan Air ค่ะ
ถึงโรมแต่เช้า ก็นั่งรถบัสเข้าเมือง แล้วก็เอาของเข้าที่พัก ออกมาซื้อ Roma Pass (ราคาตอนนั้น 30 ยูโร)
จากนั้นก็ไปโคลอสเซียมกันก่อนเลย คนเข้าแถวเยอะมากกกก ดีที่ซื้อพาสมาแล้ว ก็เลยเข้าได้เลย
ข้างในก็คนเยอะมากเหมือนกันค่ะ แถมร้อนมากๆๆๆๆๆด้วย ตัวเกรียมกันเลยทีเดียว
พอดูเสร็จก็เดินไปเข้า Roman Forum ต่อค่ะ เพราะว่า Roma Pass เข้าที่เที่ยวได้ฟรีสองที่
ตกลงกับเพื่อนว่าจะใช้เข้าโคลอสเซียม เพราะว่าจะได้เข้าโรมันฟอรั่มไปด้วย
ส่วนอีกที่เราจะไป Borghese Gallery กันค่ะ ที่นี่ถ้าไม่จองตั๋วล่วงหน้านี่แทบไม่มีโอกาสได้เข้าเลยในช่วงไฮ
แต่ถ้าใช้พาส ต้องให้ทางโรงแรมโทรไปจองล่วงหน้าหนึ่งวัน และเอารหัสจองไปแสดงพร้อมกับพาส แล้วก็จะได้ตั๋วมาค่ะ ^^
[CR] [CR]Review >> ชีพจรลงเท้า (1): ITALY 14 วัน 9 เมือง *^^*
จริงๆตั้งใจจะเขียนนานแล้ว แต่ก็มีเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเอาเวลาว่างไปซะหมด
กว่าจะได้เริ่มก็ผ่านไปแล้วเป็นปี ^^"
ตั้งชื่อว่าชีพจรลงเท้าเพราะว่าปีที่แล้วเดินทางเยอะมากค่ะ
ครึ่งปีหลังไป 11 ประเทศ เรียกได้เดินทางจนพ่อจะไม่จ่ายเงินให้แล้ว ฮือออออ
ออกตัวก่อนว่า ที่เดินทางเยอะเป็นเพราะเทอมที่แล้วไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนีค่ะ
วิชาเรียนเทียบโอนไม่ค่อยได้ ทำให้มีโอกาสได้เที่ยวเยอะกว่าปกติมากเลย
เน้นเที่ยวตามใจฉัน ค่าเสียหายไม่สูงเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับประหยัดแบบโกโกริโกะ (ที่ต้องจับปลามากินเอง 55555+)
ทริปแรกของปีที่แล้วคือ อิตาลี ค่ะ เริ่มจากโรม ไปซอร์เรนโต้ ปอมเปอี คาปรี ฟลอเรนซ์ ปิซ่า เวนิส เวโรน่า แล้วก็จบที่มิลาน
เป็นการเที่ยวที่เน้นความรู้มากๆ เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกันก็ออกแนวบ้าพิพิธภัณฑ์สุดๆ
เช่า audio guide แทบทุกที่ แถมกดฟังแทบทุกเบอร์เลย 555555+
จริงๆทริปนี้จะเรียกว่าทริปบังเอิญก็ได้ เพราะตอนแรกตั้งใจจะเที่ยวในเยอรมนีกัน
แต่ตอนคุยกันอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาว่า ไหนๆต้องอยู่ในเยอรมนีทั้งเทอมอยู่แล้ว
เราไปเริ่มทริปแรกที่อื่นกันดีกว่า แต่จะไปไหนดี... แล้วเราก็สรุปในใจได้ภายในสามวิว่า "ไปอิตาลีกันปะ?"
เพื่อนตอบว่า "ปะละ?" คนชวนก็ยิ้มสิคะ "ปะ!"
....ทริปนี้ก็เริ่มต้นง่ายๆแบบนี้เอง 555555+
ทริปนี้เป็นทริปแรกของการเดินทางแบบไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยครั้งแรกในชีวิตเลย
ถึงก่อนหน้านั้นเราเคยไปแลกเปลี่ยนมาก่อนแล้ว เคยเดินทางเองบ้าง
แต่ก็ภายในประเทศอุปถัมภ์ ทำให้คราวนี้แอบหวั่นใจเล็กๆ...นิดเดียวแหละ
ความตื่นเต้นมันมีมากกว่า ^^" แหะๆ
ขอเกริ่นถึงเรื่องการเตรียมตัวก่อนนะคะ เรื่องวีซ่าเราจะไม่พูดถึง
เพราะเราไปด้วยวีซ่า Type D จากสถานทูตเยอรมันค่ะ
ตรงนี้ก็หมดกังวลไปเปลาะนึงแล้ว แต่ของที่ควรเตรียมไปก็มีอีกเยอะ
ทริปนี้เราไปเดือนสิงหา เพราะฉะนั้นที่ขาดไม่ได้เลย คือ ครีมกันแดด แว่นกันแดด และร่ม
ถัดมาก็เป็นพวกยาที่ใช้ประจำเล็กๆน้อยๆ พลาสเตอร์ ผ้าก็อซ ยาสำหรับใส่แผลสด
เราพลาดตรงลืมเอายาทาผื่นไป ปรากฏว่า อิตาลีร้อนมาก เราเหงื่ออาบตั้งแต่วันแรก
พอวันที่สองผื่นขึ้นเต็มหลังเลยค่ะ ต้องไปถามเภสัชที่ร้านขายยา ตอนแรกคิดว่าเป็นแมลงจากที่นอน
แต่พอเภสัชเห็นเค้าบอกว่าแพ้เหงื่อ แล้วก็แนะนำยามาตัวนึง ราคาโหดร้ายอยู่ ครีมหลอดเล็กๆราคา 15 ยูโร
ทาแค่วันสองวันผื่นก็หายสนิทเลยค่ะ ^^ เพราะฉะนั้น ถ้าไปหน้าร้อนใครรู้ตัวว่าแพ้เหงื่อ ควรพกยาไปด้วยนะคะ
ส่วนถ้าไปหน้าหนาวก็อย่าลืมพกลิปมันกับยาทาแผลแตกไปด้วย เผื่อปากแตก ผิวแตกไม่รู้ตัวค่ะ
พิมไปตั้งเยอะแล้วยังไม่เริ่มวันแรกเลยอ่ะ 55555+
เริ่มเลยดีกว่าเนอะ....
Day 1: ROME
วันแรกของการเดินทางเราบินด้วย Ryan Air ค่ะ
ถึงโรมแต่เช้า ก็นั่งรถบัสเข้าเมือง แล้วก็เอาของเข้าที่พัก ออกมาซื้อ Roma Pass (ราคาตอนนั้น 30 ยูโร)
จากนั้นก็ไปโคลอสเซียมกันก่อนเลย คนเข้าแถวเยอะมากกกก ดีที่ซื้อพาสมาแล้ว ก็เลยเข้าได้เลย
ข้างในก็คนเยอะมากเหมือนกันค่ะ แถมร้อนมากๆๆๆๆๆด้วย ตัวเกรียมกันเลยทีเดียว
พอดูเสร็จก็เดินไปเข้า Roman Forum ต่อค่ะ เพราะว่า Roma Pass เข้าที่เที่ยวได้ฟรีสองที่
ตกลงกับเพื่อนว่าจะใช้เข้าโคลอสเซียม เพราะว่าจะได้เข้าโรมันฟอรั่มไปด้วย
ส่วนอีกที่เราจะไป Borghese Gallery กันค่ะ ที่นี่ถ้าไม่จองตั๋วล่วงหน้านี่แทบไม่มีโอกาสได้เข้าเลยในช่วงไฮ
แต่ถ้าใช้พาส ต้องให้ทางโรงแรมโทรไปจองล่วงหน้าหนึ่งวัน และเอารหัสจองไปแสดงพร้อมกับพาส แล้วก็จะได้ตั๋วมาค่ะ ^^