ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุทั้งหลาย จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่
เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จักสมาทาน
ศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด,
ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อม
เลย อยู่เพียงนั้น.
เพราะการไม่โกนคิ้ว ถือว่าเป็นสัญญลักษณ์ ที่ผู้คนมองเห็นได้ ว่าท่านยึดถือพุทธวจนะ อย่างเด่นชัด
เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติให้ต้องโกนคิ้ว การโกนคิ้วเป็นการบัญญัติเพิ่ม ของชนชั้นหลัง
ถึงแม้จะโกนหรือไม่โกน จะไม่เป็นอาบัติก็ตาม
แต่ก็มีข้อห้ามบวชให้กับผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว ตามธรรมชาติ พิการ หรือพันธุกรรม
ใครบวชให้ อุปัชฌาชย์ผู้นั้นต้องอาบัติ
แล้วทำไม สำนักพุทธวจนะ นี้ ถึงยังโกนกันอยู่ทุกเดือน
เรื่องแค่นี้ ยังทำตามคำสาวกชั้นหลังไม่ถึงร้อยปีมานี้
แล้วจะไปต่อต้านคำสาวกอื่น ๆ ที่มีมาเป็นหลายร้อยปีถึงพันปี เพื่ออะไร
สำนักที่ถือพุทธวจนะ อย่างเดียว ไม่เอาคำสาวกคำแต่งใหม่ ทำไมยังไม่เลิกโกนคิ้ว ?
เคยบัญญัติ จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว จักสมาทาน
ศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้วอย่างเคร่งครัด อยู่เพียงใด,
ความเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้ ไม่มีความเสื่อม
เลย อยู่เพียงนั้น.
เพราะการไม่โกนคิ้ว ถือว่าเป็นสัญญลักษณ์ ที่ผู้คนมองเห็นได้ ว่าท่านยึดถือพุทธวจนะ อย่างเด่นชัด
เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติให้ต้องโกนคิ้ว การโกนคิ้วเป็นการบัญญัติเพิ่ม ของชนชั้นหลัง
ถึงแม้จะโกนหรือไม่โกน จะไม่เป็นอาบัติก็ตาม
แต่ก็มีข้อห้ามบวชให้กับผู้ที่ไม่มีขนคิ้ว ตามธรรมชาติ พิการ หรือพันธุกรรม
ใครบวชให้ อุปัชฌาชย์ผู้นั้นต้องอาบัติ
แล้วทำไม สำนักพุทธวจนะ นี้ ถึงยังโกนกันอยู่ทุกเดือน
เรื่องแค่นี้ ยังทำตามคำสาวกชั้นหลังไม่ถึงร้อยปีมานี้
แล้วจะไปต่อต้านคำสาวกอื่น ๆ ที่มีมาเป็นหลายร้อยปีถึงพันปี เพื่ออะไร