วันนี้ ( 13 ก.พ. ) ที่รัฐสภา นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม กล่าวยอมรับว่าได้เข้าพบ และหารือกับนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จริง แต่ไม่ได้มีการต่อรองในเงื่อนไขหรือประเด็นใดๆ อย่างที่สังคมสงสัยว่าต้องการทำเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดหรือไม่ ซึ่งนอกจากตนแล้วยังมี ส.ว. อีก 2 – 3 คน เข้าพบนายเจริญด้วย โดยสาระที่หารือคือแนวทางที่จะนำไปสู่ความปรองดองของประเทศ และที่ผ่านมามีแค่คนพูดถึงต้องการเห็นความปรองดองแต่ไม่มีคนลงมือทำ ทั้งนี้ตนสนับสนุนแนวทางที่นายเจริญเชิญตัวแทนกลุ่มสี และพรรคการเมืองเข้ามาหารือนอกรอบเพื่อวางกรอบในการทำกฎหมายซึ่งนำไปสู่การลดความขัดแย้ง
“ก่อนหน้านี้ท่านนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เคยพูดเหมือนกันว่าต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในชาติ ดังนั้นแนวทางนี้จะได้รับการตอบรับจากวุฒิสภา แต่การสรุปว่าจะเห็นด้วยกับการออกกกฎหมายฉบับใดหรือไม่นั้น ต้องคุยกัน โดยยอมรับว่าขณะนี้ ส.ว.มีความคิดอิสระและหลากหลาย” นายประวัติ กล่าว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า แนวคิดการออกร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการนิรโทษกรรม จำนวน 2 ฉบับ คือ นิรโทษกรรมให้ประชาชนซึ่งมีความผิดฐานฝ่าฝืนกฎหมายห้ามชุมนุม และ บรรเทาความขัดแย้งนั้น ส่วนตัวคัดค้านการทำกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามชุมนุม เนื่องจากในทางปฏิบัติ รัฐบาลสามารถออกเป็นพระราชกำหนดโดยเฉพาะได้ รวมถึงเชิญเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), อัยการ และตำรวจมาหารือถึงแนวทางการไม่สั่งฟ้องทั้งนี้กลุ่มมวลชนทั้งสีเหลือง, สีแดง และเสื้อหลากสีก็จะได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามการออกร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจำนวน 2 ฉบับ โดยแยกเป็นประชาชน กับ แกนนำนั้น ตนมองว่าเป็นการนำประชาชนมาเป็นตัวประกันว่า เพราะหากจะให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้รับการนิรโทษกรรมต้องพ่วงกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับแกนนำด้วย หากไม่ยอมพิจารณาร่วมกันประชาชนก็จะไม่ได้รับปลดปล่อย.
แฉพรบ.นิรโทษกรรม-จับชาวบ้านเป็นตัวประกัน
วันนี้ ( 13 ก.พ. ) ที่รัฐสภา นายประวัติ ทองสมบูรณ์ ส.ว.มหาสารคาม กล่าวยอมรับว่าได้เข้าพบ และหารือกับนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จริง แต่ไม่ได้มีการต่อรองในเงื่อนไขหรือประเด็นใดๆ อย่างที่สังคมสงสัยว่าต้องการทำเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดหรือไม่ ซึ่งนอกจากตนแล้วยังมี ส.ว. อีก 2 – 3 คน เข้าพบนายเจริญด้วย โดยสาระที่หารือคือแนวทางที่จะนำไปสู่ความปรองดองของประเทศ และที่ผ่านมามีแค่คนพูดถึงต้องการเห็นความปรองดองแต่ไม่มีคนลงมือทำ ทั้งนี้ตนสนับสนุนแนวทางที่นายเจริญเชิญตัวแทนกลุ่มสี และพรรคการเมืองเข้ามาหารือนอกรอบเพื่อวางกรอบในการทำกฎหมายซึ่งนำไปสู่การลดความขัดแย้ง
“ก่อนหน้านี้ท่านนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เคยพูดเหมือนกันว่าต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นในชาติ ดังนั้นแนวทางนี้จะได้รับการตอบรับจากวุฒิสภา แต่การสรุปว่าจะเห็นด้วยกับการออกกกฎหมายฉบับใดหรือไม่นั้น ต้องคุยกัน โดยยอมรับว่าขณะนี้ ส.ว.มีความคิดอิสระและหลากหลาย” นายประวัติ กล่าว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า แนวคิดการออกร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการนิรโทษกรรม จำนวน 2 ฉบับ คือ นิรโทษกรรมให้ประชาชนซึ่งมีความผิดฐานฝ่าฝืนกฎหมายห้ามชุมนุม และ บรรเทาความขัดแย้งนั้น ส่วนตัวคัดค้านการทำกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายห้ามชุมนุม เนื่องจากในทางปฏิบัติ รัฐบาลสามารถออกเป็นพระราชกำหนดโดยเฉพาะได้ รวมถึงเชิญเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), อัยการ และตำรวจมาหารือถึงแนวทางการไม่สั่งฟ้องทั้งนี้กลุ่มมวลชนทั้งสีเหลือง, สีแดง และเสื้อหลากสีก็จะได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามการออกร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจำนวน 2 ฉบับ โดยแยกเป็นประชาชน กับ แกนนำนั้น ตนมองว่าเป็นการนำประชาชนมาเป็นตัวประกันว่า เพราะหากจะให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้รับการนิรโทษกรรมต้องพ่วงกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับแกนนำด้วย หากไม่ยอมพิจารณาร่วมกันประชาชนก็จะไม่ได้รับปลดปล่อย.