นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คาด โจรใต้มุ่งโชว์ศักยภาพ อาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปเจรจากับมาเลเซีย ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บี้ รัฐเร่งเคลียร์ความชัดเจนเรื่องมาตรการเคอร์ฟิว....
วันที่ 13 ก.พ.56 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการนาวิกโยธิน ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งทำให้มีผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 16 ศพว่า ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และอยากให้รัฐบาลเร่งประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก แสดงให้เห็นถึงการรวมตัวของกองกำลังค่อนข้างชัด
ขณะเดียวกัน เมื่อมีผู้เสียชีวิต ต้องเร่งขยายผลว่า คนเหล่านี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนดำเนินการป้องกันเหตุและขยายผลไปสู่การจับกุมขบวนการต่างๆ เรื่องใหญ่คือ ต้องประเมินในภาพรวมว่า การกระทำดังกล่าว เกิดจากอะไร และอยากให้รัฐบาลไม่เพียงเร่งหาข้อยุติในเรื่องเคอร์ฟิว ซึ่งถกเถียงกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว เพื่อให้มีความชัดเจนว่า ในภาพใหญ่ จะเดินในทิศทางไหน และไม่อยากให้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป เพราะผู้ก่อเหตุ ก็พยายามแสดงศักยภาพให้เห็นว่าเป็นกระบวนการใหญ่ เริ่มจากการก่อเหตุหลายจุดพร้อมกัน
กระทั่งรวมตัวก่อเหตุใหญ่ กับเป้าที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐ โดยอาจประเมินตัวเองว่า มีความพร้อมมากขึ้น หรืออาจจะเป็นปฏิกิริยา ที่จะส่งสัญญาณบางอย่าง ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องเร่งหาข้อมูลและประเมินออกมา
วอนรัฐฟังความเห็นชาวบ้านประกาศใช้เคอร์ฟิว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ต้องถือว่าเจ้าหน้าที่ มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ แต่แสดงให้เห็นว่า เราไม่สามารถประมาทหรือประเมินสถานการณ์ต่ำได้เลย ส่วนที่มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวในบางพื้นที่ ของจังหวัดปัตตานี และนราธิวาสนั้น ตนเห็นว่าฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะรัฐบาลต้องรับฟังความเห็นของคนในพื้นที่ด้วย และต้องประเมินเพราะการประกาศใช้ ว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จึงต้องทำความเข้าใจให้เกิดการยอมรับด้วย อย่าคิดว่าประกาศและใช้อำนาจตามประกาศอย่างเดียว เพราะประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน และได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะหัวใจสำคัญคือต้องให้เกิดความเข้าใจ และความยอมรับในพื้นที่ด้วย
สวนหมัดรัฐ ชัดเจนสถานการณ์ไฟใต้ไม่ดีขึ้น
เมื่อถามว่า คิดว่ามีปัญหาหรือไม่ จึงทำให้มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวในบางพื้นที่ไปแล้ว ทั้งที่รัฐบาลบอกว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องนี้วันที่ 15 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจจะได้รับการกระตุ้นจากเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ตนย้ำว่า เรื่องนี้ต้องได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ มิเช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อ
ทั้งนี้ ยังเห็นว่า ฝ่ายความมั่นคง ก็จะต้องมีความระแวดระวังมากขึ้น โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าการที่รัฐบาลบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นนั้น ไม่ใช่ และอยากให้ประเมินทิศทางรวมของนโยบาย โดยเฉพาะสิ่งที่ตนเคยเตือนเกี่ยวกับการไปเจรจากับทางการมาเลเซีย ตามแนวทางที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ว่า มีหลายแง่มุมที่ต้องคำนึงถึง และต้องไม่ปฏิเสธเรื่องปัญหาการแบ่งแยกดินแดน เพราะเท่ากับไม่ยอมรับความจริง
โดยผู้ก่อความไม่สงบ ก็พยายามแสดงศักยภาพเต็มที่ จึงไม่สามารถบอกได้ว่า หลังจากนี้เหตุการณ์ จะยกระดับรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่หน่วยงานของรัฐ ต้องมีความเข้มข้น ปรับแนวทางรองรับกับความเปลี่ยนแปลงในความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบด้วย
บี้ นายกฯ ทบทวนใช้คนตรงกับงาน เจรจามาเลย์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มอาร์เคเค อาจเป็นปฏิกิริยาจากการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปเจรจากับทางการมาเลเซีย ซึ่งได้เคยเตือนไว้แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลประเมินตรงนี้ด้วย
ส่วนผู้ก่อความไม่สงบ จะมีการแก้แค้นเจ้าหน้าที่นั้น ตนก็อยากให้หน่วยงานของรัฐ มีความรัดกุมและพร้อมในการป้องกันเหตุเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญคือระดับนโยบาย จะต้องมีความเป็นเอกภาพโดยควรให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนอยู่ในพื้นที่ จะได้ประเมินสถานการณ์และทำความเข้าใจกับประชาชน หากจำเป็นต้องใช้มาตรการใหม่ออกมา
เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะต้องลงพื้นที่หรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม คงไม่ลงพื้นที่ เพราะเคยพูดชัดเจนมาแล้ว จึงไม่รู้จะทำอย่างไร ตนคิดว่านายกรัฐมนตรี ควรมอบให้คนที่อยากทำงานและลงพื้นที่ เพราะหากตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงไม่มอบให้คนที่ไม่อยากลงพื้นที่รับผิดชอบดูแลปัญหาภาคใต้ แต่ต้องเลือกคนที่ลงพื้นที่ได้ดูแลแทน
Credit: Thairat
มาร์ค เชื่อโจรใต้แรง เหตุเฉลิมเจรจามาเลย์
วันที่ 13 ก.พ.56 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการนาวิกโยธิน ในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งทำให้มีผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 16 ศพว่า ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และอยากให้รัฐบาลเร่งประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก แสดงให้เห็นถึงการรวมตัวของกองกำลังค่อนข้างชัด
ขณะเดียวกัน เมื่อมีผู้เสียชีวิต ต้องเร่งขยายผลว่า คนเหล่านี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนดำเนินการป้องกันเหตุและขยายผลไปสู่การจับกุมขบวนการต่างๆ เรื่องใหญ่คือ ต้องประเมินในภาพรวมว่า การกระทำดังกล่าว เกิดจากอะไร และอยากให้รัฐบาลไม่เพียงเร่งหาข้อยุติในเรื่องเคอร์ฟิว ซึ่งถกเถียงกันมาเป็นสัปดาห์แล้ว เพื่อให้มีความชัดเจนว่า ในภาพใหญ่ จะเดินในทิศทางไหน และไม่อยากให้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป เพราะผู้ก่อเหตุ ก็พยายามแสดงศักยภาพให้เห็นว่าเป็นกระบวนการใหญ่ เริ่มจากการก่อเหตุหลายจุดพร้อมกัน
กระทั่งรวมตัวก่อเหตุใหญ่ กับเป้าที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐ โดยอาจประเมินตัวเองว่า มีความพร้อมมากขึ้น หรืออาจจะเป็นปฏิกิริยา ที่จะส่งสัญญาณบางอย่าง ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องเร่งหาข้อมูลและประเมินออกมา
วอนรัฐฟังความเห็นชาวบ้านประกาศใช้เคอร์ฟิว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ต้องถือว่าเจ้าหน้าที่ มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ แต่แสดงให้เห็นว่า เราไม่สามารถประมาทหรือประเมินสถานการณ์ต่ำได้เลย ส่วนที่มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวในบางพื้นที่ ของจังหวัดปัตตานี และนราธิวาสนั้น ตนเห็นว่าฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะรัฐบาลต้องรับฟังความเห็นของคนในพื้นที่ด้วย และต้องประเมินเพราะการประกาศใช้ ว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จึงต้องทำความเข้าใจให้เกิดการยอมรับด้วย อย่าคิดว่าประกาศและใช้อำนาจตามประกาศอย่างเดียว เพราะประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน และได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะหัวใจสำคัญคือต้องให้เกิดความเข้าใจ และความยอมรับในพื้นที่ด้วย
สวนหมัดรัฐ ชัดเจนสถานการณ์ไฟใต้ไม่ดีขึ้น
เมื่อถามว่า คิดว่ามีปัญหาหรือไม่ จึงทำให้มีการประกาศใช้เคอร์ฟิวในบางพื้นที่ไปแล้ว ทั้งที่รัฐบาลบอกว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องนี้วันที่ 15 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจจะได้รับการกระตุ้นจากเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ตนย้ำว่า เรื่องนี้ต้องได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ มิเช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อ
ทั้งนี้ ยังเห็นว่า ฝ่ายความมั่นคง ก็จะต้องมีความระแวดระวังมากขึ้น โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าการที่รัฐบาลบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นนั้น ไม่ใช่ และอยากให้ประเมินทิศทางรวมของนโยบาย โดยเฉพาะสิ่งที่ตนเคยเตือนเกี่ยวกับการไปเจรจากับทางการมาเลเซีย ตามแนวทางที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ว่า มีหลายแง่มุมที่ต้องคำนึงถึง และต้องไม่ปฏิเสธเรื่องปัญหาการแบ่งแยกดินแดน เพราะเท่ากับไม่ยอมรับความจริง
โดยผู้ก่อความไม่สงบ ก็พยายามแสดงศักยภาพเต็มที่ จึงไม่สามารถบอกได้ว่า หลังจากนี้เหตุการณ์ จะยกระดับรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่หน่วยงานของรัฐ ต้องมีความเข้มข้น ปรับแนวทางรองรับกับความเปลี่ยนแปลงในความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบด้วย
บี้ นายกฯ ทบทวนใช้คนตรงกับงาน เจรจามาเลย์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มอาร์เคเค อาจเป็นปฏิกิริยาจากการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปเจรจากับทางการมาเลเซีย ซึ่งได้เคยเตือนไว้แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลประเมินตรงนี้ด้วย
ส่วนผู้ก่อความไม่สงบ จะมีการแก้แค้นเจ้าหน้าที่นั้น ตนก็อยากให้หน่วยงานของรัฐ มีความรัดกุมและพร้อมในการป้องกันเหตุเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญคือระดับนโยบาย จะต้องมีความเป็นเอกภาพโดยควรให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนอยู่ในพื้นที่ จะได้ประเมินสถานการณ์และทำความเข้าใจกับประชาชน หากจำเป็นต้องใช้มาตรการใหม่ออกมา
เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะต้องลงพื้นที่หรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม คงไม่ลงพื้นที่ เพราะเคยพูดชัดเจนมาแล้ว จึงไม่รู้จะทำอย่างไร ตนคิดว่านายกรัฐมนตรี ควรมอบให้คนที่อยากทำงานและลงพื้นที่ เพราะหากตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงไม่มอบให้คนที่ไม่อยากลงพื้นที่รับผิดชอบดูแลปัญหาภาคใต้ แต่ต้องเลือกคนที่ลงพื้นที่ได้ดูแลแทน
Credit: Thairat