แต่พอรัฐบาลเพิ่มค่าแรงให้กับผู้ใช้แรงงานเป็นวันละ 300 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้เป็นเดือนละหมื่นห้า เป็นการเพิ่มค่าครองชีพให้กับพวกเขาเหล่านั้นได้พออยู่พอกิน ให้เหมาะกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งทำให้มีเงินหมุนเวียนมากขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอย ทำให้รัฐได้เก็บภาษีเพิ่มขึ้น
พวกเขากลับพากันห่วงใยผลกระทบที่ “อาจจะ”เกิดขึ้น พวกธุรกิจเอสเอ็มอีจะเจ๊ง นักลงทุนจะหนีไปลงทุนประเทศอื่น จะมีการลดโอที จะมีการเลิกจ้างงาน
มันคิดอะไรของมันหว่า ตอนไม่ขึ้นค่าแรงไม่มีเอสเอ็มอีเจ๊ง ไม่มีนักลงทุนหนีไปลงทุนที่ประเทศอื่น แล้วไม่เคยมีการเลิกจ้างหรือไงฟ่ะ
แต่พอรัฐบาลเข็นนโยบายจำนำข้าว เพื่อเพิ่มคุณภาพของชาวนาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากอดีตถึงปัจจุบัน กลุ่มชาวนาไทยล้วนแต่ประสบกับปัญหารายได้ไม่คุ้มกับรายจ่าย จนคนรุ่นใหม่หันไปใช้แรงงานอื่นกันเสียหมด จนน่าห่วงใยว่าในอนาคตเราอาจขาดแคลนชาวนาในการปลูกข้าวก็ได้
พวกเขากลับเป็นห่วงการทุจริตที่เกิดจากทางฝ่ายปฏิบัติ เป็นห่วงประเทศจะล้มละลาย เป็นห่วงคนจะหันมาทำนากันมากขึ้น เพราะข้าวขายได้ราคา เป็นห่วงผู้ส่งออกจะย่ำแย่ เป็นห่วงข้าวล้นสต๊อก เป็นห่วงจะไม่มีโกดังเก็บสต๊อกข้าว เป็นห่วงถึงการไม่ได้เป็นแชมป์ส่งออก แล้วพาลจะให้ล้มโครงการซะเลย
มันจะเอาอะไรของมันหว่า ก็ชาวนาส่วนใหญ่เขาไม่เอาประกันข้าว มันก็บอกอยู่ชัดๆว่ามันไม่เวิร์ค ผู้ส่งออกก็ทำนาอยู่บนหลังชาวนามานาน นี่ก็แค่ขาดทุนกำไร โกดังไม่พอก็เช่าไปสิ หรือข้าวล้นสต๊อกก็นำมาขายให้ชาวบ้านถูกก็ได้นี่หว่า ป๊าดโธ่ นำเงินไปช่วยพวกล้มบนฟูกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ปรส.อีกกี่แสนล้าน ไม่เห็นชาวนาออกมาบ่นสักคำ ทีจะช่วยชาวนาแค่นี้ทำเป็นโวยวายไปได้ ถ้าชาวนาจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแลกกับการไม่ได้เป็นแชมป์ส่งออก ก็ช่างมันเหอะ คิดบวกกันเป็นบ้างหรือเปล่าหว่า วัยรุ่นเซ็งวุ้ย
รัฐบาลเดินหน้าอภิมหาโปรเจกต์เพื่อปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งระบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ และยังต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวแบบก้าวกระโดด
พวกเขากลับห่วงกับหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นจากการกู้เงินอีก 2.2 ล้านล้านบาท ทั้งๆที่นโยบายนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นร่วม 7 ปี ปีหนึ่งก็แค่สามแสนกว่าล้านบาทเท่านั้นเอง อยากเดินหน้าแต่ไม่กล้าลงทุน เอาแต่ได้อย่างเดียวนี่หว่า
มันจะเอาอะไรกันนักกันหนา
2.2 ล้านไปเพื่อปฏิรูปโครงสร้างระบบขนส่งทางราง ที่หยุดอยู่กับที่มากี่ปีแล้ว
โครงการรถไฟรางคู่
โครงการรถไฟความเร็วสูง
โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 10 สาย
ปฏิรูปโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางบกเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจเหนือใต้ออกตกไปสู่สนามบินและท่าเรือ
โครงการการขยายทางหลวงให้เป็น 4 เลนทั้งระบบ
โครงการมอเตอร์เวย์อีก 4 สาย
โครงการทางด่านปริมณฑลอีก 4 สายให้เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างสะดวก
ทุกโครงการล้วนแต่ต้องการปรับโครงสร้าง เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวของอาเชี่ยน เข้าใจกันหรือยังครับ เฮ่อ เหนื่อยจังครับ แจกเงินคนละสองพันง่ายกว่าเยอะเลยชิมิ
นโยบายรถคันแรกเป็นความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับโรงงานผลิตรถยนต์ต่างๆที่ประสบกับภัยน้ำท่วม จากนโยบายนี้ช่วยให้หลายฝ่ายที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจประกอบรถยนต์ ไม่ว่าจากชิ้นส่วนรวมไปถึงยางรถยนต์ แม้กระทั้งประกันภัยต่างๆ อีกทั้งรวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากพนักงานต่างๆ ล้วนแต่ส่งผลเป็นบวกกับประเทศทั้งสิ้น
พวกเขากลับกลัวจะทำให้ตัวเองต้องติดอยู่บนท้องถนน กลัวจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจรถยนต์เพียงอย่างเดียว กลัวกับภาษีที่ลดหย่อนให้ กลัวกับหนี้เสียของพวกที่ไม่มีปัญญาผ่อนต่อ เฮ่อ ไม่รู้พวกนี้อยู่โลกไหนกันหว่า จึงไม่เคยรู้ว่า
ไม่มีรถคันแรก รถก็ติดของมันเป็นปกติ
ไม่มีรถคันแรก รถก็ขายได้ทุกๆปีๆละหลายแสนคัน
ไม่มีรถคันแรก ก็มีลูกค้าที่ถูกยึดรถเพราะขาดการส่งงวดรถเป็นประจำอยู่แล้ว
และยังมีภาษีที่เก็บได้จากจำนวนรถที่ขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย มันก็พอชดเชยกับภาษีที่ลดหย่อนได้อยู่ดี
ข้อสำคัญที่เห็นได้อย่างเด่นชัดนั่นคือ บริษัทฮอนด้าที่ถูกน้ำท่วมเสียหายอย่างหนักเมื่อปีกลาย กลับเพิ่มความเชื่อมั่นด้วยการขยายฐานการผลิตด้วยทุนอีกเกือบสองหมื่นล้าน ส่วนฟอร์ดก็นำเม็ดเงินเข้ามาอีกหมื่นกว่าล้านเพื่อผลิตโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ฟลุ้คนะครับ แต่เป็นความมั่นใจ แล้วความมั่นใจมาจากไหนกันล่ะ เคยคิดบ้างหรือเปล่าหนอ แล้วทำไมมันจึงสวนทางกับการเพิ่มค่าแรงที่พวกเขาบอกว่านักลงทุนจะย้ายฐานหนี?
นายกฯเดินทางไปค่อนประเทศ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นถึงความเป็นประชาธิปไตย หลังจากประเทศถูกพวกคนดี๊ดีย่ำยีจนไม่มีใครอยากคบค้าด้วย
พวกเขากับมองแค่นายกฯต้องการช็อปปิ้ง นายกฯต้องการโชว์ตัว นายกฯต้องการหนีสภา และร้ายสุดถึงขึ้นดูถูกนายกฯของตัวเองเป็นได้แค่พริตตี้เท่านั้นเอง
มันเอาอะไรของมันคิดหว่า ผู้นำชาติต่างๆ โดยเฉพาะผู้นำระดับมหาอำนาจพากันมาเยือนไทย ทั้งๆที่ไม่ได้มากันเป็นเวลานาน นั่นเป็นการให้เกียรติประเทศไทย ให้เกียรตินายกฯไทย หรือว่า เป็นเพราะหม่อมเอ๋อทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว จนผู้นำเหล่านั้นอดรนทนไม่ไหวมาช็อปปิ้งที่ไทยกันแน่ ลองใช้สมองสักเล็กน้อยก็ดีนะครับ ประเทศจะได้เดินหน้าเสียที
ความพยายามเยียวยาผู้ถูกผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ความพยายามที่จะนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองอีกร่วมสองร้อยคนที่ยังติดอยู่ในเรือนจำ ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามช่วยเหลือปากท้องของคนเหล่านี้ ซึ่งรวมๆแล้วอาจมีเป็นหมื่นก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาเหล่านั้นเป็นผู้นำครอบครัว
พวกเขากลับพากันต่อต้าน เสียดายภาษีที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์ แทนที่จะเห็นใจผู้ถูกผลกระทบจากการเมือง กลับไปเห็นดีเห็นงามกับพวกที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้กำลังในการจัดการกับผู้ชุมนุม โดยไม่กลัวจะเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้ปกครองในอนาคต ถ้าทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิดชอบ จะเอากันอย่างนี้หรือไงหว่า
นี่ยังไม่รวมหุ้นที่ทะลุเกือบพันห้าร้อยจุด ทั้งๆที่ดูตามสถานการณ์และเศรษฐกิจโลกโดยรวมแล้ว เกินพันจุดก็ถือว่าเกินคาดแล้ว นี่คงไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นความมั่นใจที่รัฐบาลพยายามสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง จาก 2 ปีก่อนแทบไม่มีใครเหลียวแล แต่ด้วยความอุตสาหะบวกกับความไม่ดื้อรั้นของนายกฯ เรื่องไหนที่อาจสร้างความขัดแย้ง เรื่องไหนอาจสร้างเงื่อนไข จนทำให้การเมืองเข้าสูวิกฤติ รัฐบาลก็พร้อมจะยอมถอย เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในตัวของมันเอง
คงมองเห็นแล้วน่ะครับ การยอมถอยให้กับเสียงข้างน้อยของรัฐบาล แต่เป็นการเดินหน้าของประเทศ อย่างนี้ยังจะมีใครบอกว่า นายกฯโง่ นายกฯไม่มีภาวะผู้นำ นายกฯไม่มีความสามารถในการบริหาร นั่นคือความคิดที่ผิดพลาด แต่ไม่เป็นไร คิดผิดคิดใหม่ได้ อย่างนี้จึงจะเป็นคนที่มีคุณภาพ เข้าใจไหม
เขาบอกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ให้รัฐบาลแก้ไขเรื่องปากท้องก่อน
พวกเขากลับพากันห่วงใยผลกระทบที่ “อาจจะ”เกิดขึ้น พวกธุรกิจเอสเอ็มอีจะเจ๊ง นักลงทุนจะหนีไปลงทุนประเทศอื่น จะมีการลดโอที จะมีการเลิกจ้างงาน
มันคิดอะไรของมันหว่า ตอนไม่ขึ้นค่าแรงไม่มีเอสเอ็มอีเจ๊ง ไม่มีนักลงทุนหนีไปลงทุนที่ประเทศอื่น แล้วไม่เคยมีการเลิกจ้างหรือไงฟ่ะ
แต่พอรัฐบาลเข็นนโยบายจำนำข้าว เพื่อเพิ่มคุณภาพของชาวนาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากอดีตถึงปัจจุบัน กลุ่มชาวนาไทยล้วนแต่ประสบกับปัญหารายได้ไม่คุ้มกับรายจ่าย จนคนรุ่นใหม่หันไปใช้แรงงานอื่นกันเสียหมด จนน่าห่วงใยว่าในอนาคตเราอาจขาดแคลนชาวนาในการปลูกข้าวก็ได้
พวกเขากลับเป็นห่วงการทุจริตที่เกิดจากทางฝ่ายปฏิบัติ เป็นห่วงประเทศจะล้มละลาย เป็นห่วงคนจะหันมาทำนากันมากขึ้น เพราะข้าวขายได้ราคา เป็นห่วงผู้ส่งออกจะย่ำแย่ เป็นห่วงข้าวล้นสต๊อก เป็นห่วงจะไม่มีโกดังเก็บสต๊อกข้าว เป็นห่วงถึงการไม่ได้เป็นแชมป์ส่งออก แล้วพาลจะให้ล้มโครงการซะเลย
มันจะเอาอะไรของมันหว่า ก็ชาวนาส่วนใหญ่เขาไม่เอาประกันข้าว มันก็บอกอยู่ชัดๆว่ามันไม่เวิร์ค ผู้ส่งออกก็ทำนาอยู่บนหลังชาวนามานาน นี่ก็แค่ขาดทุนกำไร โกดังไม่พอก็เช่าไปสิ หรือข้าวล้นสต๊อกก็นำมาขายให้ชาวบ้านถูกก็ได้นี่หว่า ป๊าดโธ่ นำเงินไปช่วยพวกล้มบนฟูกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ปรส.อีกกี่แสนล้าน ไม่เห็นชาวนาออกมาบ่นสักคำ ทีจะช่วยชาวนาแค่นี้ทำเป็นโวยวายไปได้ ถ้าชาวนาจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแลกกับการไม่ได้เป็นแชมป์ส่งออก ก็ช่างมันเหอะ คิดบวกกันเป็นบ้างหรือเปล่าหว่า วัยรุ่นเซ็งวุ้ย
รัฐบาลเดินหน้าอภิมหาโปรเจกต์เพื่อปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทั้งระบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ และยังต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวแบบก้าวกระโดด
พวกเขากลับห่วงกับหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นจากการกู้เงินอีก 2.2 ล้านล้านบาท ทั้งๆที่นโยบายนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นร่วม 7 ปี ปีหนึ่งก็แค่สามแสนกว่าล้านบาทเท่านั้นเอง อยากเดินหน้าแต่ไม่กล้าลงทุน เอาแต่ได้อย่างเดียวนี่หว่า
มันจะเอาอะไรกันนักกันหนา
2.2 ล้านไปเพื่อปฏิรูปโครงสร้างระบบขนส่งทางราง ที่หยุดอยู่กับที่มากี่ปีแล้ว
โครงการรถไฟรางคู่
โครงการรถไฟความเร็วสูง
โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 10 สาย
ปฏิรูปโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางบกเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจเหนือใต้ออกตกไปสู่สนามบินและท่าเรือ
โครงการการขยายทางหลวงให้เป็น 4 เลนทั้งระบบ
โครงการมอเตอร์เวย์อีก 4 สาย
โครงการทางด่านปริมณฑลอีก 4 สายให้เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างสะดวก
ทุกโครงการล้วนแต่ต้องการปรับโครงสร้าง เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวของอาเชี่ยน เข้าใจกันหรือยังครับ เฮ่อ เหนื่อยจังครับ แจกเงินคนละสองพันง่ายกว่าเยอะเลยชิมิ
นโยบายรถคันแรกเป็นความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับโรงงานผลิตรถยนต์ต่างๆที่ประสบกับภัยน้ำท่วม จากนโยบายนี้ช่วยให้หลายฝ่ายที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจประกอบรถยนต์ ไม่ว่าจากชิ้นส่วนรวมไปถึงยางรถยนต์ แม้กระทั้งประกันภัยต่างๆ อีกทั้งรวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากพนักงานต่างๆ ล้วนแต่ส่งผลเป็นบวกกับประเทศทั้งสิ้น
พวกเขากลับกลัวจะทำให้ตัวเองต้องติดอยู่บนท้องถนน กลัวจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจรถยนต์เพียงอย่างเดียว กลัวกับภาษีที่ลดหย่อนให้ กลัวกับหนี้เสียของพวกที่ไม่มีปัญญาผ่อนต่อ เฮ่อ ไม่รู้พวกนี้อยู่โลกไหนกันหว่า จึงไม่เคยรู้ว่า
ไม่มีรถคันแรก รถก็ติดของมันเป็นปกติ
ไม่มีรถคันแรก รถก็ขายได้ทุกๆปีๆละหลายแสนคัน
ไม่มีรถคันแรก ก็มีลูกค้าที่ถูกยึดรถเพราะขาดการส่งงวดรถเป็นประจำอยู่แล้ว
และยังมีภาษีที่เก็บได้จากจำนวนรถที่ขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย มันก็พอชดเชยกับภาษีที่ลดหย่อนได้อยู่ดี
ข้อสำคัญที่เห็นได้อย่างเด่นชัดนั่นคือ บริษัทฮอนด้าที่ถูกน้ำท่วมเสียหายอย่างหนักเมื่อปีกลาย กลับเพิ่มความเชื่อมั่นด้วยการขยายฐานการผลิตด้วยทุนอีกเกือบสองหมื่นล้าน ส่วนฟอร์ดก็นำเม็ดเงินเข้ามาอีกหมื่นกว่าล้านเพื่อผลิตโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ฟลุ้คนะครับ แต่เป็นความมั่นใจ แล้วความมั่นใจมาจากไหนกันล่ะ เคยคิดบ้างหรือเปล่าหนอ แล้วทำไมมันจึงสวนทางกับการเพิ่มค่าแรงที่พวกเขาบอกว่านักลงทุนจะย้ายฐานหนี?
นายกฯเดินทางไปค่อนประเทศ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นถึงความเป็นประชาธิปไตย หลังจากประเทศถูกพวกคนดี๊ดีย่ำยีจนไม่มีใครอยากคบค้าด้วย
พวกเขากับมองแค่นายกฯต้องการช็อปปิ้ง นายกฯต้องการโชว์ตัว นายกฯต้องการหนีสภา และร้ายสุดถึงขึ้นดูถูกนายกฯของตัวเองเป็นได้แค่พริตตี้เท่านั้นเอง
มันเอาอะไรของมันคิดหว่า ผู้นำชาติต่างๆ โดยเฉพาะผู้นำระดับมหาอำนาจพากันมาเยือนไทย ทั้งๆที่ไม่ได้มากันเป็นเวลานาน นั่นเป็นการให้เกียรติประเทศไทย ให้เกียรตินายกฯไทย หรือว่า เป็นเพราะหม่อมเอ๋อทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว จนผู้นำเหล่านั้นอดรนทนไม่ไหวมาช็อปปิ้งที่ไทยกันแน่ ลองใช้สมองสักเล็กน้อยก็ดีนะครับ ประเทศจะได้เดินหน้าเสียที
ความพยายามเยียวยาผู้ถูกผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ความพยายามที่จะนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองอีกร่วมสองร้อยคนที่ยังติดอยู่ในเรือนจำ ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามช่วยเหลือปากท้องของคนเหล่านี้ ซึ่งรวมๆแล้วอาจมีเป็นหมื่นก็ได้ ถ้าผู้ต้องหาเหล่านั้นเป็นผู้นำครอบครัว
พวกเขากลับพากันต่อต้าน เสียดายภาษีที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์ แทนที่จะเห็นใจผู้ถูกผลกระทบจากการเมือง กลับไปเห็นดีเห็นงามกับพวกที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้กำลังในการจัดการกับผู้ชุมนุม โดยไม่กลัวจะเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้ปกครองในอนาคต ถ้าทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิดชอบ จะเอากันอย่างนี้หรือไงหว่า
นี่ยังไม่รวมหุ้นที่ทะลุเกือบพันห้าร้อยจุด ทั้งๆที่ดูตามสถานการณ์และเศรษฐกิจโลกโดยรวมแล้ว เกินพันจุดก็ถือว่าเกินคาดแล้ว นี่คงไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นความมั่นใจที่รัฐบาลพยายามสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง จาก 2 ปีก่อนแทบไม่มีใครเหลียวแล แต่ด้วยความอุตสาหะบวกกับความไม่ดื้อรั้นของนายกฯ เรื่องไหนที่อาจสร้างความขัดแย้ง เรื่องไหนอาจสร้างเงื่อนไข จนทำให้การเมืองเข้าสูวิกฤติ รัฐบาลก็พร้อมจะยอมถอย เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในตัวของมันเอง
คงมองเห็นแล้วน่ะครับ การยอมถอยให้กับเสียงข้างน้อยของรัฐบาล แต่เป็นการเดินหน้าของประเทศ อย่างนี้ยังจะมีใครบอกว่า นายกฯโง่ นายกฯไม่มีภาวะผู้นำ นายกฯไม่มีความสามารถในการบริหาร นั่นคือความคิดที่ผิดพลาด แต่ไม่เป็นไร คิดผิดคิดใหม่ได้ อย่างนี้จึงจะเป็นคนที่มีคุณภาพ เข้าใจไหม