เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันโดยตรง แต่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมงานของดิฉัน และเขาเป็นหัวหน้างานของดิฉัน เรื่องเกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อตอนบ่ายวันนี้เอง(11/02/2013) แต่ที่ต้องนำเรื่องนี้มาโพสต์เป็นเพราะดิฉันคิดว่าสังคมยังมีการแย่งแยกชนชั้น ทั้งๆที่เราก็คนเหมือนกันงั้นหรือ
ก่อนอื่นขอต้องแจ้งว่าดิฉันและเพื่อนๆทำงานเป็นจนท.บริการลูกค้าของบ.โทรคมนาคมเครือข่ายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเจอลูกค้ามาสาระพัดแบบ และเป็นเรื่องปกติทั่วไป และเมื่อช่วงประมาณบ่าย2 ของวันนี้พี่หัวหน้าก็มาเล่าให้ดิฉันฟังว่าช่วงที่ดิฉันไปพักเบรคกินข้าว มีลูกค้าคนนึงเขาซื้อแอร์การ์ดไปเพื่อใช้กับ Macbook น่าจะซื้อมาจากที่อื่นและได้นำแอร์การ์ดมาที่ร้านแจ้งว่าขอคืน ทางพี่หัวหน้าจึงถามว่า ลูกค้าใช้งานไม่ได้หรือคะ หรือว่ายังไง? ลูกค้าคนนั้นก็แจ้งว่าใช้งานได้ปกติ ไม่มีปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ต แต่ปัญหาคือเมื่อเสียบแอร์การ์ดที่ port usb แล้ว มันไปบัง port usb ข้างๆ ทำให้ไม่สามารถเสียบ usb อีกตัวได้ ทางพี่หัวหน้าจึงแจ้งว่าถ้าอย่างนั้นลูกค้าต้องซื้ออุปกรณ์เสริมอ่ะค่ะ เป็น hub usb ต่อพ่วงเพื่อใช้ port ได้อีกหลายตัว แต่ลูกค้าคนนั้นไม่ยอมค่ะ บอกว่ามันเป็นปัญหาที่แอร์การ์ดเรา พี่เขาจึงแจ้งต่อว่า ถ้าหากว่าเป็นปัญหาที่แอร์การ์ดไม่จับสัญญาณ ไม่สามารถใช้งานได้ อุปกรณ์ไม่ support ตัว os ของลูกค้าทางเรารับคืนหรือเปลี่ยนได้ค่ะ แต่ในกรณีนี้ตัวอุปกรณ์เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องการใช้งาน เราจึงไม่สามารถคืนได้ค่ะ เพราะ usb ของ macbook ลูกค้ามันติดกันเกินไป ทางลูกค้าคนนั้นเมื่อเห็นว่าพนง.ไม่รับคืนก็เริ่มอวดตนว่า "รู้ไหมว่าผมเป็นใคร รู้ไหมว่าเล่นกับใครอยู่" (อาจจะเป็นคำภาษาสมัยพ่อขุนด้วยซ้าเท่าที่พี่เขาเล่าให้ฟัง) ทางพี่หัวหน้าจึงอธิบายกับลูกค้าว่า ดิฉันก็เป็นเพียงพนง.ค่ะ ทำตามprocess ของบ. ในเมื่ออุปกรณ์ไม่ได้มีปัญหาทางเราก็ไม่สามารถคืนหรือเปลี่ยนได้ค่ะ ทางลูกค้าก็ยังไม่หยุดก็พูดอีกว่า "คุณเอาชื่อผมไปหาใน google เลย แล้วจะรู้ว่าผมเป็นใคร คุณชื่ออะไร เอาชื่อนามสกุลมา ผมจะร้องเรียนกับบ." ลูกค้าท่านอื่นเริ่มหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเริ่มเสียงดัง
แน่นอนค่ะ เมื่อลูกค้าท่านนั้นออกจากร้านไป เราไม่รอช้าที่จะทำตามที่เขาบอกไว้ ลองพิมพ์ชื่อใน google ดูว่าเขาผู้นั้นคือใคร และแน่นอนค่ะตำแหน่งเขาก็ขึ้นมาให้เห็น แต่นั่นทำให้เกิดคำถามขึ้นในหัวค่ะว่า...
ดิฉันและเพื่อนพนักงานคนอื่นๆร่วมทั้งพี่คนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับแก เราต่างก็เป็นเพียงพนักงานบ.เอกชนคนนึง ทำงานตามกฎระเบียบนโยบายของบ. ตาม process ของบ. ในเมื่อปัญหาไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ของเรา แต่มันเกิดจากอุปกรณ์ของลูกค้าท่านนั้นว่าช่องusb ทำออกมาติดกันเหลือเกิน และลูกค้าท่านนั้นน่าจะมองเห็นมองออกว่ามันเกิดจากอุปกรณ์ของเขาเอง ท่านเป็นถึงกรรมการบริหารบ.ใหญ่โต เหตุใดจึงมาข่มขู่พนง.บ. ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องอะไร หรือมันเป็นค่านิยมในสังคมไทยที่พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็ยกตนข่มท่าน เหมือนๆที่เราเคยได้ยินกันว่า"รู้ไหมพ่อguเป็นใคร" หรือ "รู้ไหมguเป็นใคร" และเหตุใดคุณซึ่งเป็นกรรมการบริหารบ.ใหญ่โตจึงมาเบ่งกับพนง.ตำแหน่งเล็กๆ ในเมื่อมองเห็นอยู่แล้วว่าปัญหาคือ macbook ของคุณ usb port ติดกันเกินไป หรือเราควรจะบอกตัวเองว่า ที่นี่ประเทศไทย มันเป็นแบบนี้แหละ
เป็นจนท.บริการลูกค้าต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ลูกค้าตลอดไปเลยหรือ? หรือมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วคะ
ก่อนอื่นขอต้องแจ้งว่าดิฉันและเพื่อนๆทำงานเป็นจนท.บริการลูกค้าของบ.โทรคมนาคมเครือข่ายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเจอลูกค้ามาสาระพัดแบบ และเป็นเรื่องปกติทั่วไป และเมื่อช่วงประมาณบ่าย2 ของวันนี้พี่หัวหน้าก็มาเล่าให้ดิฉันฟังว่าช่วงที่ดิฉันไปพักเบรคกินข้าว มีลูกค้าคนนึงเขาซื้อแอร์การ์ดไปเพื่อใช้กับ Macbook น่าจะซื้อมาจากที่อื่นและได้นำแอร์การ์ดมาที่ร้านแจ้งว่าขอคืน ทางพี่หัวหน้าจึงถามว่า ลูกค้าใช้งานไม่ได้หรือคะ หรือว่ายังไง? ลูกค้าคนนั้นก็แจ้งว่าใช้งานได้ปกติ ไม่มีปัญหาเรื่องอินเตอร์เน็ต แต่ปัญหาคือเมื่อเสียบแอร์การ์ดที่ port usb แล้ว มันไปบัง port usb ข้างๆ ทำให้ไม่สามารถเสียบ usb อีกตัวได้ ทางพี่หัวหน้าจึงแจ้งว่าถ้าอย่างนั้นลูกค้าต้องซื้ออุปกรณ์เสริมอ่ะค่ะ เป็น hub usb ต่อพ่วงเพื่อใช้ port ได้อีกหลายตัว แต่ลูกค้าคนนั้นไม่ยอมค่ะ บอกว่ามันเป็นปัญหาที่แอร์การ์ดเรา พี่เขาจึงแจ้งต่อว่า ถ้าหากว่าเป็นปัญหาที่แอร์การ์ดไม่จับสัญญาณ ไม่สามารถใช้งานได้ อุปกรณ์ไม่ support ตัว os ของลูกค้าทางเรารับคืนหรือเปลี่ยนได้ค่ะ แต่ในกรณีนี้ตัวอุปกรณ์เราไม่ได้มีปัญหาเรื่องการใช้งาน เราจึงไม่สามารถคืนได้ค่ะ เพราะ usb ของ macbook ลูกค้ามันติดกันเกินไป ทางลูกค้าคนนั้นเมื่อเห็นว่าพนง.ไม่รับคืนก็เริ่มอวดตนว่า "รู้ไหมว่าผมเป็นใคร รู้ไหมว่าเล่นกับใครอยู่" (อาจจะเป็นคำภาษาสมัยพ่อขุนด้วยซ้าเท่าที่พี่เขาเล่าให้ฟัง) ทางพี่หัวหน้าจึงอธิบายกับลูกค้าว่า ดิฉันก็เป็นเพียงพนง.ค่ะ ทำตามprocess ของบ. ในเมื่ออุปกรณ์ไม่ได้มีปัญหาทางเราก็ไม่สามารถคืนหรือเปลี่ยนได้ค่ะ ทางลูกค้าก็ยังไม่หยุดก็พูดอีกว่า "คุณเอาชื่อผมไปหาใน google เลย แล้วจะรู้ว่าผมเป็นใคร คุณชื่ออะไร เอาชื่อนามสกุลมา ผมจะร้องเรียนกับบ." ลูกค้าท่านอื่นเริ่มหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเริ่มเสียงดัง
แน่นอนค่ะ เมื่อลูกค้าท่านนั้นออกจากร้านไป เราไม่รอช้าที่จะทำตามที่เขาบอกไว้ ลองพิมพ์ชื่อใน google ดูว่าเขาผู้นั้นคือใคร และแน่นอนค่ะตำแหน่งเขาก็ขึ้นมาให้เห็น แต่นั่นทำให้เกิดคำถามขึ้นในหัวค่ะว่า...
ดิฉันและเพื่อนพนักงานคนอื่นๆร่วมทั้งพี่คนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับแก เราต่างก็เป็นเพียงพนักงานบ.เอกชนคนนึง ทำงานตามกฎระเบียบนโยบายของบ. ตาม process ของบ. ในเมื่อปัญหาไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ของเรา แต่มันเกิดจากอุปกรณ์ของลูกค้าท่านนั้นว่าช่องusb ทำออกมาติดกันเหลือเกิน และลูกค้าท่านนั้นน่าจะมองเห็นมองออกว่ามันเกิดจากอุปกรณ์ของเขาเอง ท่านเป็นถึงกรรมการบริหารบ.ใหญ่โต เหตุใดจึงมาข่มขู่พนง.บ. ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องอะไร หรือมันเป็นค่านิยมในสังคมไทยที่พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็ยกตนข่มท่าน เหมือนๆที่เราเคยได้ยินกันว่า"รู้ไหมพ่อguเป็นใคร" หรือ "รู้ไหมguเป็นใคร" และเหตุใดคุณซึ่งเป็นกรรมการบริหารบ.ใหญ่โตจึงมาเบ่งกับพนง.ตำแหน่งเล็กๆ ในเมื่อมองเห็นอยู่แล้วว่าปัญหาคือ macbook ของคุณ usb port ติดกันเกินไป หรือเราควรจะบอกตัวเองว่า ที่นี่ประเทศไทย มันเป็นแบบนี้แหละ