สัญญารัก คมสองคน

กระทู้สนทนา
=============
สัญญารัก คมสองคน
: Psycho G.
=============



          เพื่อนๆส่วนใหญ่รู้ว่าธารากับวารีเป็นคู่รักกันเหมาะสมกันที่สุดคู่หนึ่ง และรู้ว่าคนทั้งคู่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์  ทุกคนคิดว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยาซึ่งเหมาะสมกันที่สุดคู่หนึ่งนับตั้งแต่กำเนิดจักรวาลขึ้นมา แต่เพื่อนไม่กี่คนจะรู้ว่าเพราะความเก่งกาจมั่นใจของทั้งคู่ทำให้บรรยากาศของชีวิตครอบครัวไม่ได้ราบลื่นเป็นทางเดินปูแพรไหมอย่างหลายคนคิด

          ทั้งสองรักกัน หากไม่เคยยอมแพ้กัน

          ทั้งสองแต่งงานกัน แต่การบริหารครอบครัวไม่มีใครเป็นทางเท้าหลัง สุดท้ายเลยกลายเป็นช้างซึ่งมีเท้าสี่ข้างอยู่ข้างหน้า
งาน..งาน..และงาน คือดรรชนีบ่งชี้ข้อหนึ่ง ด้วยวัยไล่เลี่ยกัน  เริ่มต้นทำงานพร้อมกัน ทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใครเรื่องผลงานและความก้าวหน้า

          “ฉันจะต้องมีเงินเดือนมากดว่าคุณให้ได้”

          วารีประกาศอย่างมั่นใจต่อหน้าเตียงนอนและทีวีจอแบนเครื่องใหญ่ ซึ่งธารากำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่ ทั้งคู่กลับมาถึงบ้านเกือบพร้อมกัน ธาราเอาชนะโดยการขับรถปาดหน้าหน้าภรรยาของตัวเอง เฉือนคมเข้าบ้านได้ก่อนอย่างหวุดหวิด นั่นคือชัยชนะครั้งสำคัญของค่ำคืนนี้ ทำให้เขานั่งยิ้มกริ่มดูทีวีอย่างผู้ชนะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคู่ชีวิตคนสำคัญจะเดือดปูดๆภายในใจขนาดไหน กับการถูกเฉือนคมชนิดเส้นยาแดงผ่าหกสิบสี่ และต้องหาทางเอาคืนด้วยการประกาศศึกครั้งใหม่

          “เหรอ....” ธาราแสร้งเลิกคิ้วหันมามองภรรยาพลางเอ่ยเหมือนชื่นชมแต่น้ำเสียงแฝงแววขบขันแกมเยาะเย้ยนิดๆอยู่ในที

          “คุณอาจทำได้ แต่ไม่ใช่วันนี้.....วันนี้ความจริงคือผมกลับถึงบ้านก่อนคุณอย่างเท่สุดๆด้วยเวลา 10 วินาที..อ๊ะๆ..ไม่สิ น่าจะ 6 วินาทีมั้ง...ผมล่ะสบายใจจริงๆ”

          วารีหันรีหันขวาง เธอกำลังจะไปอาบน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ชวนหวิว แต่ยังอาบไม่ได้ถ้าไม่ได้โต้ตอบคู่กรณี ในที่สุดก็มองเห็นช่องทางและไม่รีรอที่จะลงมือทันที

          “คุณทำอะไร”

          ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อทีวีถูกกดปุ่มปิดต่อหน้าตาตา วารียิ้มมุมปากเล็กน้อยบอกด้วยเสียงราบเรียบว่า

          “คุณดูสิว่าตอนนี้เวลาเท่าไร...”

          “ก็...สองทุ่ม”

          “รู้แล้วก็อย่าลืมสิว่า เวลาสองทุ่มถึงสามทุ่มเป็นเวลาดูทีวีของฉัน เวลาของคุณคือหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มตรง นี่เลยเวลามา2 นาทีแล้ว คุณหมดสิทธิ์ดูทีวี”

          “แต่คุณไม่ได้ดูทีวี..คุณจะอาบน้ำ ให้ผมดูก็ไม่เสียหายอะไร “ ธาราโวยวาย แต่อีกฝ่ายไม่ฟังเสียง

          “ไม่ต้องมาทำโวยวาย ถึงฉันไม่ได้ดู แต่มันเป็นเวลาของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ดูทีวีในช่วงเวลาที่เป็นของฉัน ถ้าจะดู คุณต้องรอถึงสี่ทุ่ม”
“แต่หนังเรื่องนี้อีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว ”

          “นั่นมันปัญหาของคุณ ไม่ใช่ปัญหาของฉัน สำคัญคือกติกาต้องเป็นกติกา”

         ในครอบครัว จะต้องไม่มีคำว่า ใจอ่อน เมตตา ผิดกฎ อนุโลม เด็ดขาดนั่นคือคติประจำใจของวารีเพศหญิงเป็นเพศกำลังวังชาอ่อนแอตามธรรมชาติอยู่แล้ว มักถูกผู้ชายใช้กำลังข่มขู่บังคับ มีทางเดียวคือจิตใจต้องเข็มแข็งเป็นการชดเชยจุดด้อยตามธรรมชาติ
ธาราคอตก แต่จนด้วยเหตุผลและข้อตกลง เขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางซังกะตาย ก้าวเท้าจะออกจากห้อง หากแม่เสือสาวสามัญประจำบ้านชิงเดินมายืนพิงขอบประตู เอามือกอดอก เท้าขวาเรียวงามยกขึ้นค้ำยันขอบประตูอีกด้านเอาไว้ ในมาดของนักเลงประจำร้านเหล้าซึ่งจำมาจากหนังทีวี

          “อะไรอีกล่ะ”

          ผู้เป็นสามีชะงัก เมื่อเห็นเท้าสวยๆของภรรยาขวางทางออก ถ้าจะออกไปได้คงต้องก้มลอดขาขาวๆนั่นออกไปเท่านั้น แต่ไม่มีวันเสียล่ะ ทำแบบนั้นมันเสียฟอร์มชัดๆ

          “ฉันรู้นะว่าคุณจะไปไหน”

          “ไปไหน....”

          “คุณจะลงไปห้องรับแขก ไปดูทีวีในห้องรับแขก เสียใจนะคะที่รัก...ข้อตกลงของเราสองไม่เฉพาะกินพื้นที่ในห้องนอนเท่านั้น ยังมีอาณาเขตครอบคลุมไปทั้งบ้าน......ไม่สิ ต้องบอกว่า กินพื้นที่ไปทุกตารางนิ้วซึ่งเป็นพื้นที่ตามกฎหมายของบ้าน แต่เห็นแก่คุณซึ่งทำตัวดีมาตลอด ฉันยอมให้คุณยกทีวีออกไปนั่งดูหน้าประตูรั้วนอกบ้านได้นะคะ..ว่าไงคะ..ที่รัก”

          “ให้ผมลงทุน ยกทีวีออกไปนั่งดูริมถนนหน้าบ้านน่ะรึ” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นี่มันเกิดอะไรกับชีวิตของเขากันแน่        

            วารีชำเลืองมองหน้าคู่กรณีอย่างถูกอกถูกใจ ยิ้มหวาน บอกต่อว่า

          “ใช่แล้วค่ะ..บอกแล้วว่าเห็นแก่ความดีของคุณ เลยใจดี อนุโลมขนาดนี้ น่าจะขอบใจฉันนะคะ”

          “นี่นะ ใจดี...อะไรกัน...ให้ผมยกทีวีไปดูหน้าบ้านตัวเองนี่นะใจดี”

          “ถูกต้องแล้วค่ะ...ถ้าไม่ใจดีคงให้คุณยกไปนั่งดูบริเวณป้ายรถเมล์ปากซอยแล้วนะคะ”

          “จะมากไปแล้วนะ ใครบ้างจะบ้ายกทีวีไปนั่งดูแถวป้ายรถเมล์”

          ชายหนุ่มแยกเขี้ยว ทำท่าจิตจะตก แต่วารียกมือขึ้น ใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นเชิงห้ามแล้วบอกต่อด้วยเสียงอ่อนหวานบาดใจอีกตามเคยว่า

          “อ๊ะๆ.....อย่าแสดงอาการกิริยาใดซึ่งบ่งบอกถึงการข่มขู่คุกคามภรรยาของตนเองสิคะ นั่นเป็นข้อตกลงข้อหนึ่งก่อนเราจะจดทะเบียนแต่งงานกัน เอกสารนี้อยู่กับทนายของฉันตั้งแต่วันแต่งงานแล้ว...คุณเองไม่ใช่หรือคะที่ยินยอมพร้อมใจข้อตกลงนั้น”

          คราวนี้ธาราเป็นฝ่ายหันรีหันขวางบ้าง นึกถึงวันลงนามในสัญญา เพราะความรักความหลงสาวน้อยหน้าใสวัยสวยคนนี้จนยอมทำอะไรก็ได้ เพียงเพื่อแย่งเธอออกมาจากมารหัวใจหลายๆคน ไม่นึกว่าข้อสัญญานั้นจะมามีผลในรูปแบบนี้
ชายหนุ่มกระโดดผลุงทุ่มตัวลงไปนอนบนเตียงอย่างแรง เอาหมอนมาปิดปากตัวเองไว้ให้แน่นที่สุดเป็นการเก็บเสียงแล้วกรีดร้องออกมาสุดแรงเกิด แน่นอนว่าเสียงเล็ดรอดออกมามีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้น

          วารียิ้ม พยักหน้ากับตัวเอง ก่อนเดินผิวปากสบายใจเข้าห้องน้ำ  และอาบน้ำอย่างอ้อยอิ่งเป็นเวลานานแสนนานทรมานใจคู่กรณี เพราะข้อตกลงข้อหนึ่งสามีในบ้านนี้ต้องยอมให้ภรรยาอาบน้ำเรียบร้อยก่อน จึงจะมีสิทธิ์อาบบ้าง ถ้าเธอไม่ออกจากห้องน้ำ สามีคนดีก็ไม่มีสิทธิ์จะอาบน้ำไม่ว่าจะที่ไหนในโลกนี้ อาจยกเว้นให้บ้างก็กรณียกถังน้ำไปอาบน้ำบริเวณป้ายรถเมล์ อาจยอมอ่อนข้อให้บ้าง

          ธาราตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนตีสี่ เพิ่งนึกได้ว่าเผลอหลับไปโดยยังไม่ได้อาบน้ำเพราะรอนานจนหลับคาที่ แสงไฟหัวเตียงส่องให้เห็นว่าภรรยาคนดีที่หนึ่งกำลังหลับอยู่

          เอาล่ะ เขาตื่นก่อน จะต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์  ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นเดินหยิบผ้าเช็ดตัวอย่างแผ่วเบาระมัดระวังไม่ให้เสียงดังเข้าห้องน้ำ วันนี้เขาจะประกาศชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในฐานะออกไปทำงานก่อน ไม่บ่อยครั้งที่มีโอกาสดีแบบนี้ เมื่อคืนวารีอาบน้ำนานเกินไปจนเหนื่อยอ่อน ทำให้อาบน้ำเสร็จก็กลับมานอนอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงสิ้นสภาพนิสิตนักศึกษา

          ขณะปิดประตูรั้ว ชายหนุ่มรู้สึกว่าโลกทั้งใบสดใส แทบจะกระโดดกอดเสาไฟฟ้าริมรั้วด้วยความอิ่มเอิบใจ คนเก็บขยะซึ่งมากับรถเก็บขยะใจหายวาบเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงออกมาเปิดประตูบ้านแล้วหันมายิ้มหวานให้ ราวกับจะกระโดดมาหอมแก้ม ดีว่าหนุ่มคนนั้นกลับเข้าไปแล้วขับรถออกมาแบบระมัดระวังจนผิดปกติแล้วปิดประตูรั้วอย่างแผ่วเบาจนน่าแปลกใจ คนอะไรจะอารมณ์ดีตั้งแต่เช้ามืดขนาดนี้ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น

          วันนั้นแม้จะมีงานมากมายรอบนโต๊ะ การติดต่อพูดคุยกับพนักงานหลายฝ่ายจนน่าปวดหัว แต่เขายังทำงานไปยิ้มไปไม่ยอมหยุดเหมือนคนบ้า ขนาดตอนโดนหัวหน้ามายืนด่าต่อว่าอย่างรุนแรงเรื่องงานถึงห้อง เขายังนั่งลอยหน้ายิ้มพิมพ์ใจเปี่ยมสุขสุดขั้วหัวใจ ทำเอาหัวหน้าเห็นท่าไม่ดี เลิกด่าแล้วรีบเดินหนีไปแบบรวดเร็วสุดชีวิต

          จนกระทั่งเที่ยงวัน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เห็นเบอร์โทรเขาก็ยิ้มอย่างพอใจ นี่ล่ะที่รอคอยอยู่

          “ว่าไงที่รัก” เขาหยอดเสียงหวาน

          “ผมออกบ้านก่อนคุณนะครับวันนี้ โอย...อากาศเช้าๆ สดชื่นดีจัง ออกจากบ้านก่อนได้สบายใจจัง...”

          คิดว่าจะได้ยินเสียงฉุนเฉียวตอบกลับมา แต่ผิดคาด น้ำเสียงของวารีเหมือนคนสบายอกสบายใจเหลือประมาณ

          “ออกบ้านก่อนอะไรกันคุณ...คำว่าออกบ้านก่อนจะต้องมีคนแข่ง แต่นี่คุณไม่มีคนแข่งออกจากบ้านนะคะ”

          “อะไรนะ..”  ธาราชักงง

          “คือว่าวันนี้ ฉันไม่ได้แข่งออกจากบ้านกับคุณ ถือว่าเช้านี้โมฆะ เพราะว่าวันนี้ฉันไม่ได้ไปทำงาน...วันนี้ฉันลางานค่ะที่รัก”

          “อะไรนะ.....”

          “ไม่ต้องตื่นเต้นจนพูดซ้ำแบบนั้นก็ได้ค่ะที่รัก.....ฉันบอกว่าฉันลางาน...ลางาน...ชัดไหมคะ..ดังนั้นวันนี้...ไม่ใช่คู่แข่งออกจากบ้านของคุณ คุณจึงไม่ได้ชนะนะคะ...ว่าแต่ แหม....อยู่บ้านสบายใจจัง..ไม่ต้องวุ่นวายกับงานให้ปวดหัว..อยากนอนดูหนังก็ได้....อยากกินอะไรก็กินได้ทุกเวลา ห้องแอร์ก็เย็นฉ่ำ...อิสรเสรีเหนือสิ่งอื่นใด จะนอนแก้ผ้าดูทีวี เดินไปมาก็ยังได้..เต้นแร้งเต้นกาก็ไม่มีใครว่า...โอ๊ย....สบายใจกายที่สุด”
โลกสดใสของธาราถล่มทลายครืนลงทันที รอยยิ้มค้างคาชาด้าน

          มันเรื่องบ้าอะไรกัน....ชัยชนะอันสวยงามมลายหายไปต่อหน้าต่อตา ชัยชนะเป็นเพียงภาพหลอนลวงตาลวงความรู้สึก สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเขาต่างหากเป็นฝ่ายออกมาทำงานเหนื่อยอยู่ที่ทำงาน พบปัญหามากมาย  ในขณะภรรยาอยู่อย่างสบายใจกายจนถึงขนาดจะแก้ผ้าเดินเล่นในบ้าน อะไรมันจะขนาดนั้น


          เหตุการณ์พลิกกลับ วารีเป็นฝ่ายชนะในฐานะลางานก่อน!!!!

          สองหูอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงหวานๆนั่นอีกต่อไป  มือกำโทรศัพท์มือถือจนแทบแตกละเอียดคามือ มันช่างโหดร้ายเจ็บปวดขมขื่นเหลือเกินสำหรับคนอย่างเขาผู้มุ่งมั่นต่อชัยชนะเสมอมา

          เพื่อนสาวที่ทำงานคนหนึ่งเดินมาส่งเอกสาร มองหน้าเขาอย่างแปลกใจ พลางถามอย่างสงสัย

          “คุณธารา....คุณเป็นอะไรคะ เหงื่อท่วมเลย”

          เหมือนว่าเธอมาเจาะลูกโป่งซึ่งขยายตัวเต็มที่เข้าให้พอดี ชายหนุ่มขว้างโทรศัพท์ในมือออกไปสุดแรงปะทะผนังห้องจนแตกกระจาย หันมาทำหน้าโหดใส่สาวคนนั้นพลางแหกปากตะคอกใส่สุดเสียง

          “เป็นบ้า...คนกำลังจะเป็นบ้า ไม่เคยเห็นหรือไง อย่ามาขวาง เดี๋ยวก็กระโดดงับคอหอยเสียหรอก..”

          “ว้าย.....!!!!”

         สาวคนนั้นร้องเสียงหลง กระโดดหลบลงข้างโต๊ะ เมื่อธารากระโดดข้ามโต๊ะวิ่งออกจากห้องไปแบบไร้อนาคต เขาวิ่ง..วิ่งเพื่อให้หนีไกลออกไปจากความพ่ายแพ้..หนีจากความจริง...แต่ใครล่ะจะหนีความจริงพ้น.มันตามติดหลอกหลอนเขาราวเป็นเงาตามตัว

         เย็นวันนั้น ธาราโซเซกลับบ้านด้วยท่าทางเซื่องซึมคอตก ไม่กล้าสบตาวาววามของภรรยาผู้มายืนรอรับอยู่หน้าประตู จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความอับอายสุดเหลือทนจนต้องจอดรถแวะร้านเหล้าบริเวณปากซอยเป็นการปลอบใจตัวเอง มันไม่ใช้วิธีทางแก้แต่เขายังนึกวิธีซึ่งดีกว่านี้ไม่ออก จะหนีไปบวชก็ไม่กล้าเพราะรู้ว่ายังตัดทางโลกไม่ขาด ขืนบวชจริงรับรองอยู่ไม่ได้ ต้องสึกออกมาแน่นอน

          “ทำงานสนุกไหมคะที่รัก”

          เสียงหวานใสของวารี ไม่ได้ทำให้สามีอารมณ์ดีแม้แค่น้อย กลับทำให้เขารู้สึกถึงการเยาะเย้ยมากขึ้น พยายามไม่ตอบโต้ เดินเลี่ยงหลบ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมง่ายๆ เดินตาม เคยปาดหน้าปาดหลังวนซ้ายวนขวาเจื้อยแจ้วไม่หยุดปาก

          “อยู่บ้าน ดี๊ดี..นะคะที่รัก สนุกสบายใจที่สุด อยากนั่งอยากนอนอะไรๆก็ดีไปหมด รู้แบบนี้ลางานตั้งนานแล้วก็ดี ไม่ต้องลุกแต่เช้า ออกจากบ้านแต่เช้า..เหมือนใครบางคน..เอ ใครน้า...น่าสงสารจริงๆเลยนะคะที่รักคนแบบนั้น..ว่าไหมคะที่รัก”

          ธาราหมดแรง ทรุดตัวคุกเข่าลง ยกมือปิดหน้า ไหล่คู้ น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย


          แต่ดูเหมือนชะตากรมเลวร้ายยังไม่สิ้นสุด




          ....................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่