ได้เวลาเที่ยวประจำปีของกลุ่ม พวกเราก็มานั่งนึกๆ กันว่าจะไปไหนดี
สุดท้ายมาสรุปที่มาเลเซีย เพราะค่าตั๋วเครื่องบินไม่ทรมานใจเท่าไหร่ (จองใกล้ๆ วันไป)
ประกอบกับเราเคยไปทำงานที่มาเล 1 ปีเต็ม เลยคิดว่าน่าจะพาเพื่อนเที่ยวได้
แต่จริงๆ แล้วพึ่งพาไม่ค่อยได้นัก (เดิงหลงซอยบ้างอะไรบ้าง ฮ่าๆ)
ตอนแรกตั้งใจว่าจะแนะนำสถานที่เที่ยวด้วยนะ
แต่สรุปว่าเป็นทัวร์อาม่าจ้า ไม่เอาแดดร้อน ไม่ชอบลุย
ที่พอจะบอกเล่าได้บ้างก็คงจะเป็นเรื่องอาหารนั่นแหละ
เชิญรับชมค่ะ
ปล. ขอออกตัวก่อนนะว่าถ่ายรูปไม่สวย ประกอบกับกล้องจะพัง มันเลยออกมาเก้ๆ กังๆ นิดนึง
เครื่องลง 1 ทุ่มกว่าๆ เดินเล่นในสนามบินนั่นนี่ นั่งรถมาอีกเกือบ 1 ชั่วโมง ถึงที่พักเกือบสี่ทุ่ม
หิวและเหนื่อย ตัดสินใจกินกันที่ร้านหน้าที่พักนั่นแหละ (พักที่ Jalan Alor ซอยนี้ของกินเพียบ)
อาหารมื้อแรกคือ ลกลก (Lok Lok)
ลักษณะร้านเป็นแผงลอย อาหารจำพวกลูกชิ้น ผัก เนื้อสัตว์ต่างๆ เสียบไม้เอาไว้
เวลาจะกินก็เอาลวกในน้ำร้อน พอสุกแล้วยกขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มได้เลย
รสชาติก็ใช้ได้นะ ร้านที่ไปกิน มีน้ำจิ้มสามอย่าง
อย่างแรกคล้ายๆ น้ำจิ้มข้าวมันไก่ อีกแบบนึงเป็นซอสหวาน อย่างสุดท้ายเหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
คนขายพูดไทยได้ เพราะเคยขายลาบเป็ดที่สระบุรีมาก่อน (เพื่อนไปถามมา)
อาหารเช้าทุกมื้อ ทางที่พักจัดเอาไว้ให้ เป็นขนมปังสองแผ่น ไข่ลวกสองใบ น้ำชาหรือกาแฟ และโกโก้ครันช์
ใครอยากกินเพิ่มก็ขอได้เลย ใจดีมากๆ
วันต่อมา จัดตารางกันว่าจะไปเที่ยวรอบเมือง แวะสถานที่สำคัญหลายๆ แห่งในเมือง
แต่ด้วยความที่ไม่ชอบร้อน ไม่ชอบลุย เลยตัดสถานที่ออกบ้าง
ตัดไปตัดมา เหลือแค่ Petronas Towers หรือตึกแฝดนั่นเอง
สรุปว่า วันนั้นทั้งวันเดินกันอยู่ที่ห้าง Suria KLCC ที่อยู่ติดกับตึกแฝดเลย
แน่นอนว่าอาหารก็กินกันในห้างสินะ
ร้าน Nando's ค่ะ
พยายามลดความอ้วนและประหยัดเงิน เลยสั่งไก่มาครึ่งตัว (กิน 4 คน)
เครื่องเคียงเลือกสองอย่างเป็นโคสลอว์และผักย่าง
สั่งสลัดมาเพิ่มอีกหนึ่งจาน
ร้านนี้เลือกความเผ็ดของไก่ได้ด้วยนะ
ใครจะไปลองชิม แนะนำให้สั่งแบบเผ็ดธรรมดา อย่าสั่งแบบเผ็ดมาก เพราะเผ็ดจริงๆ
บ่ายๆ วันนั้น ยังคงไม่ไปไหน เดินเล่นในห้างกันเหนื่อยมากเลยแวะจิบน้ำชาซะหน่อย
ร้าน Dome Cafe
สั่งชามาหนึ่งกา พร้อมแพนเค้กและสโคน
ขนมหมดไปนานแล้ว เม้าท์ต่ออีกชั่วโมง ปรึกษาปัญหาชีวิตอะไรกันไป เย็นพอดี
ตอนเย็นเดินจาก KLCC มาที่ห้าง Pavilion เพราะอยู่ใกล้กันมาก
แวะเดินเล่นที่ Pavilion กันนิดหน่อยถึงประมาณเกือบสามทุ่ม ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
ถึงตอนนี้พวกเราเดินต่อไปไหวแล้วปวดขามาก เลยกินข้าวกันที่ Food Republic ชั้นใต้ดินของ Pavilion นั่นแหละ
มื้อนี้เป็น Nasi Lemak
ที่จริงแล้ว ร้านอื่นๆ อาจจะอร่อยกว่า และถูกกว่านี้ แต่เราไม่กล้ากิน กลัวว่ามันจะนัวเกินไป เลยพยายามเลือกร้านในห้าง
วันต่อมาไปเที่ยวเกนติ้ง กินอาหารกลางวันที่นั่นเป็นข้าวราดแกงแบบมาเล
ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะทุกคนหิวมากๆ รู้ตัวอีกทีก็หมดจานแล้ว
เดินเล่นๆ ที่คาสิโน และสวนสนุกพักใหญ่ ก็ได้เวลานั่งกระเช้ามารอรถบัสที่จองไว้
ด้วยความอีกนานกว่ารถจะมา เลยชวนกันกินฆ่าเวลา
ได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาคนละถ้วย และน้ำหวานคนละกระป๋อง
บะหี่ยี่ห้อดังของที่นี่คือ Maggi ค่ะ มีหลายรส พวกเราลองแล้วลงความเห็นว่ารสต้มยำอร่อยสุด แต่สู้ต้มยำไทยไม่ได้หรอก
ของเรารสไก่ จืดๆ

อุ๊ย รูปใหญ่ไป
ตกเย็นหลังจากตบตีกับคนมาเลเรื่องรถบัส เสียพลังงานไปเยอะ พวกเราเลยหมดอารมณ์เที่ยวต่อ
(พนักงานลัดคิวให้คนรอบอื่นไปก่อน วันนั้นใครที่อยู่ท่ารถเกนติ้งจะเห็นคนไทย 4 คนยืนฟาดงวงฟาดงาอยู่)
ขี้เกียจแสวงหาของกิน กลับมาตายรัง กินข้าวหน้าปากซอยที่พักพวกเราเอง Jalan Alor
ชื่อร้านอะไรไม่รู้ แต่คนขายเป็นคุณลุงพูดไทยได้
ตอนนั้นอยากกินบักกุ๊ดเต๋มาก แต่ร้านที่ชอบมันไกลเกินไป เลยกินร้านนี้แก้ขัด
สรุปว่า รสชาติใช้ได้เลยนะ แม้หน้าตาจะธรรมดาๆ
(บักกุ๊ดเต๋ ร้านอร่อยต้องไปกินที่ Klang ซึ่งไกลมากๆ นั่งรถเป็นชั่วโมง ส่วนที่ Chinatown รสชาติงั้นๆ)
วันต่อมาไปเที่ยวมัสยิดสีชมพูที่ Putrajaya พาเพื่อนนั่งรถบัสไปจากท่ารถ Pasar Seni
ตอนนี้เค้ากำลังปรับปรุงท่ารถใหม่ การจัดการยังดูสับสนเล็กน้อย
มาถึงมัสยิดก็ถ่ายรูปเป็นพิธี เริ่มร้อนและเหนื่อยเลยพากันไปกินข้าวกลางวัน
เราตั้งใจมากที่จะพาเพื่อนไปร้านติ่มซำที่เราเคยไปกินและประทับใจ
ร้านนี้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แฟนเราอยากไปประเทศมาเลเซีย
(บางคนไปบอกว่าเฉยๆ แต่สำหรับเราตอนอยู่มาเลที่หาหมูกินได้ยากมาก ร้านนี้มันคือสวรรค์เลยนะ ฮ่า)
นั่งแท๊กซี่จากมัสยิดไปที่ Puchong (Bandar Puteri, Puchong) โดนแท๊กซี่คิดราคา 40 ริงกิต
ราคาที่จริงควรเป็น 30 ริงกิต (แต่ยอมจ่ายเพราะไม่อยากรอ) ขับไปจอดอีกด้านของ Bandar Puteri ที่เราไม่คุ้นเคย
ตอนนี้ เพื่อนคนนึงเริ่มอยากเข้าห้องน้ำ อีกคนเป็นไมเกรน เราก็หาซอยไม่เจอซักที
ต่างคนต่างร้อน เดินไปตีกันไป ถามคนแถวนั้นว่าร้านอาเซี่ยนติ่มซำ (Axian Dim Sum) อยู่ไหน เค้าทำหน้างง
เดินวนอยู่เกือบสิบนาที ถึงหน้าร้านคุ้นๆ ปรากฎว่าร้านชื่อ Luk Yu Dim Sum (เปลี่ยนชื่อตอนไหนไม่บอกตรูซักคำ)
ขอโทษขอโพยเพื่อนกันไป
อาหารแนะนำที่นี่คือเสี่ยวหลงเปา แต่ที่จริงเราชอบหลายอย่างเลย
ตอนเย็นเพื่อนคนจีนมาเลอาสาพาไปเที่ยว ไปเดินเล่นที่ Mid Valley Megamall ห้างใหญ่อีกแห่งของเมืองเคแอล
เดินไปซักพักเริ่มหิว เพื่อน และพ่อและแม่และน้องและเพื่อนของเขา และพวกเรา (นัดเจอชนกันเพราะเวลาไม่พอ) และเพื่อนของเรา รวม 11 คน (เยอะไปไหน) ตกลงใจกันว่าเย็นนี้ควรจะเป็นอาหารอินเดีย เพราะยังไม่เคยกินกัน (ตัวเราเองก็ไม่เคยกินแบบจัดเต็ม อย่างดีก็แค่แป้งโรตีกับแกงแค่นั้น)
ไปกินกันที่ SS2 (ส่วนไหนของแคแอลก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะเม้าท์กันตลอดทาง เงยหน้าขึ้นมาก็ถึงหน้าร้านแล้ว)
อาหารจะถูกเสิร์ฟบนใบตองปลอมๆ ตามธรรมเนียมกินเสร็จแล้วให้พับใบตองด้วย หมายความว่าอิ่มแล้ว
การพับใบตองขึ้นเป็นการบอกว่าอร่อย ส่วนถ้าพับลงหมายความว่าอาหารไม่ได้เรื่อง (ถ้าจำผิดขอโทษด้วยค่ะ)
วันต่อมา ได้กลับบ้านซะที
วันนี้เที่ยวกันสบายๆ (ที่จริงทุกวันก็สบายๆ นะ) เดินห้างแถวๆ Bukit Bintang
เริ่มจาก Lot 10, Fahrenheit 88, Pavilion
เรากินข้าวเที่ยงกันที่ Fahrenheit 88 ค่ะ ร้าน Sushi Zanmai
ร้านนี้เราเคยไปกินที่ Mid Valley กับ One Utama คนเยอะมากๆ ต่อแถวรอเป็นครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดค้นพบแล้วว่าสาขา Fahrenheit คนน้อยที่สุด เลยชอบสาขานี้ที่สุด
ซูชิจะเป็นแบบสายพาน จานแต่ละสีราคาต่างกันไป มีราคาแปะไว้ทุกโต๊ะ
พวกเราตกลงกันว่าจะสั่งข้าวมาด้วยคนละจาน จะได้ไม่เผลอหยิบซูชิเวียนมากเกินไป
ราคาซูชิจานสีครีมถูกที่สุด ตามมาคือ ฟ้าและเขียว ชมพู ดำ แดง (จานแดง 6.8 ริงกิต)
ยังไม่หมดจ้า นั่งรถไปถึงสนามบินยังกินกันต่อ
คราวนี้เลิกร้าน Old Town White Coffee เพราะเราและเพื่อนอีกคนชอบ
ตกลงใจสั่งมากินคนละอย่างกับน้ำคนละแก้ว สั่งเสร็จจ่ายเงินเลย เอาบัตรคิวไปรับอาหาร (สาขาอื่นๆ จ่ายเงิน รับคิว รออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ)

ปกติร้านนี้เรากินชานมเย็น แต่วันนี้ไม่ไหว เลยสั่ง Lemon Pepsi เบาๆ เพราะเดี๋ยวไปกินขนมบนเครื่องต่อ
ปิดท้ายด้วยภาพปลวกกับอาหารกึ่งสำเร็จรูป หน้าตาสดใสมากๆ รูปนี้ถ่ายก่อนหน้าที่จะไปกินหัวพนักงานรถบัสที่เกนติ้ง
ให้ทายว่าคนไหนเหวี่ยงสุด ฮ่าๆๆๆๆ
สุดท้าย ขอเล่าหน่อย ตอนเราไปทำงานมาเลเซียใหม่ๆ โดนเพื่อนคนไทยด้วยกันอำว่า อะยัม (Ayam) แปลว่า อะหย่อย(อร่อย) ถ้าอาหารอะไรที่มีคำว่าอะยัมเขียนเอาไว้ ให้ซื้อได้เลย เพราะอร่อยแน่ๆ เวลาไปซุปเปอร์มาเก็ตก็มองหาอาหารที่มีคำว่าอะยัมเขียนอยู่ กินไปก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ ตอนหลังมารู้ว่าอะยัมแปลว่าไก่ หลงเชื่ออยู่เกือบเป็นเดือน...
เมื่อแก๊งค์สาวปลวกเที่ยวมาเลเซีย - เราไปกินอะไรมาบ้าง...
สุดท้ายมาสรุปที่มาเลเซีย เพราะค่าตั๋วเครื่องบินไม่ทรมานใจเท่าไหร่ (จองใกล้ๆ วันไป)
ประกอบกับเราเคยไปทำงานที่มาเล 1 ปีเต็ม เลยคิดว่าน่าจะพาเพื่อนเที่ยวได้
แต่จริงๆ แล้วพึ่งพาไม่ค่อยได้นัก (เดิงหลงซอยบ้างอะไรบ้าง ฮ่าๆ)
ตอนแรกตั้งใจว่าจะแนะนำสถานที่เที่ยวด้วยนะ
แต่สรุปว่าเป็นทัวร์อาม่าจ้า ไม่เอาแดดร้อน ไม่ชอบลุย
ที่พอจะบอกเล่าได้บ้างก็คงจะเป็นเรื่องอาหารนั่นแหละ
เชิญรับชมค่ะ
ปล. ขอออกตัวก่อนนะว่าถ่ายรูปไม่สวย ประกอบกับกล้องจะพัง มันเลยออกมาเก้ๆ กังๆ นิดนึง
เครื่องลง 1 ทุ่มกว่าๆ เดินเล่นในสนามบินนั่นนี่ นั่งรถมาอีกเกือบ 1 ชั่วโมง ถึงที่พักเกือบสี่ทุ่ม
หิวและเหนื่อย ตัดสินใจกินกันที่ร้านหน้าที่พักนั่นแหละ (พักที่ Jalan Alor ซอยนี้ของกินเพียบ)
อาหารมื้อแรกคือ ลกลก (Lok Lok)
ลักษณะร้านเป็นแผงลอย อาหารจำพวกลูกชิ้น ผัก เนื้อสัตว์ต่างๆ เสียบไม้เอาไว้
เวลาจะกินก็เอาลวกในน้ำร้อน พอสุกแล้วยกขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มได้เลย
รสชาติก็ใช้ได้นะ ร้านที่ไปกิน มีน้ำจิ้มสามอย่าง
อย่างแรกคล้ายๆ น้ำจิ้มข้าวมันไก่ อีกแบบนึงเป็นซอสหวาน อย่างสุดท้ายเหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
คนขายพูดไทยได้ เพราะเคยขายลาบเป็ดที่สระบุรีมาก่อน (เพื่อนไปถามมา)
อาหารเช้าทุกมื้อ ทางที่พักจัดเอาไว้ให้ เป็นขนมปังสองแผ่น ไข่ลวกสองใบ น้ำชาหรือกาแฟ และโกโก้ครันช์
ใครอยากกินเพิ่มก็ขอได้เลย ใจดีมากๆ
วันต่อมา จัดตารางกันว่าจะไปเที่ยวรอบเมือง แวะสถานที่สำคัญหลายๆ แห่งในเมือง
แต่ด้วยความที่ไม่ชอบร้อน ไม่ชอบลุย เลยตัดสถานที่ออกบ้าง
ตัดไปตัดมา เหลือแค่ Petronas Towers หรือตึกแฝดนั่นเอง
สรุปว่า วันนั้นทั้งวันเดินกันอยู่ที่ห้าง Suria KLCC ที่อยู่ติดกับตึกแฝดเลย
แน่นอนว่าอาหารก็กินกันในห้างสินะ
ร้าน Nando's ค่ะ
พยายามลดความอ้วนและประหยัดเงิน เลยสั่งไก่มาครึ่งตัว (กิน 4 คน)
เครื่องเคียงเลือกสองอย่างเป็นโคสลอว์และผักย่าง
สั่งสลัดมาเพิ่มอีกหนึ่งจาน
ร้านนี้เลือกความเผ็ดของไก่ได้ด้วยนะ
ใครจะไปลองชิม แนะนำให้สั่งแบบเผ็ดธรรมดา อย่าสั่งแบบเผ็ดมาก เพราะเผ็ดจริงๆ
บ่ายๆ วันนั้น ยังคงไม่ไปไหน เดินเล่นในห้างกันเหนื่อยมากเลยแวะจิบน้ำชาซะหน่อย
ร้าน Dome Cafe
สั่งชามาหนึ่งกา พร้อมแพนเค้กและสโคน
ขนมหมดไปนานแล้ว เม้าท์ต่ออีกชั่วโมง ปรึกษาปัญหาชีวิตอะไรกันไป เย็นพอดี
ตอนเย็นเดินจาก KLCC มาที่ห้าง Pavilion เพราะอยู่ใกล้กันมาก
แวะเดินเล่นที่ Pavilion กันนิดหน่อยถึงประมาณเกือบสามทุ่ม ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
ถึงตอนนี้พวกเราเดินต่อไปไหวแล้วปวดขามาก เลยกินข้าวกันที่ Food Republic ชั้นใต้ดินของ Pavilion นั่นแหละ
มื้อนี้เป็น Nasi Lemak
ที่จริงแล้ว ร้านอื่นๆ อาจจะอร่อยกว่า และถูกกว่านี้ แต่เราไม่กล้ากิน กลัวว่ามันจะนัวเกินไป เลยพยายามเลือกร้านในห้าง
วันต่อมาไปเที่ยวเกนติ้ง กินอาหารกลางวันที่นั่นเป็นข้าวราดแกงแบบมาเล
ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะทุกคนหิวมากๆ รู้ตัวอีกทีก็หมดจานแล้ว
เดินเล่นๆ ที่คาสิโน และสวนสนุกพักใหญ่ ก็ได้เวลานั่งกระเช้ามารอรถบัสที่จองไว้
ด้วยความอีกนานกว่ารถจะมา เลยชวนกันกินฆ่าเวลา
ได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาคนละถ้วย และน้ำหวานคนละกระป๋อง
บะหี่ยี่ห้อดังของที่นี่คือ Maggi ค่ะ มีหลายรส พวกเราลองแล้วลงความเห็นว่ารสต้มยำอร่อยสุด แต่สู้ต้มยำไทยไม่ได้หรอก
ของเรารสไก่ จืดๆ
อุ๊ย รูปใหญ่ไป
ตกเย็นหลังจากตบตีกับคนมาเลเรื่องรถบัส เสียพลังงานไปเยอะ พวกเราเลยหมดอารมณ์เที่ยวต่อ
(พนักงานลัดคิวให้คนรอบอื่นไปก่อน วันนั้นใครที่อยู่ท่ารถเกนติ้งจะเห็นคนไทย 4 คนยืนฟาดงวงฟาดงาอยู่)
ขี้เกียจแสวงหาของกิน กลับมาตายรัง กินข้าวหน้าปากซอยที่พักพวกเราเอง Jalan Alor
ชื่อร้านอะไรไม่รู้ แต่คนขายเป็นคุณลุงพูดไทยได้
ตอนนั้นอยากกินบักกุ๊ดเต๋มาก แต่ร้านที่ชอบมันไกลเกินไป เลยกินร้านนี้แก้ขัด
สรุปว่า รสชาติใช้ได้เลยนะ แม้หน้าตาจะธรรมดาๆ
(บักกุ๊ดเต๋ ร้านอร่อยต้องไปกินที่ Klang ซึ่งไกลมากๆ นั่งรถเป็นชั่วโมง ส่วนที่ Chinatown รสชาติงั้นๆ)
วันต่อมาไปเที่ยวมัสยิดสีชมพูที่ Putrajaya พาเพื่อนนั่งรถบัสไปจากท่ารถ Pasar Seni
ตอนนี้เค้ากำลังปรับปรุงท่ารถใหม่ การจัดการยังดูสับสนเล็กน้อย
มาถึงมัสยิดก็ถ่ายรูปเป็นพิธี เริ่มร้อนและเหนื่อยเลยพากันไปกินข้าวกลางวัน
เราตั้งใจมากที่จะพาเพื่อนไปร้านติ่มซำที่เราเคยไปกินและประทับใจ
ร้านนี้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้แฟนเราอยากไปประเทศมาเลเซีย
(บางคนไปบอกว่าเฉยๆ แต่สำหรับเราตอนอยู่มาเลที่หาหมูกินได้ยากมาก ร้านนี้มันคือสวรรค์เลยนะ ฮ่า)
นั่งแท๊กซี่จากมัสยิดไปที่ Puchong (Bandar Puteri, Puchong) โดนแท๊กซี่คิดราคา 40 ริงกิต
ราคาที่จริงควรเป็น 30 ริงกิต (แต่ยอมจ่ายเพราะไม่อยากรอ) ขับไปจอดอีกด้านของ Bandar Puteri ที่เราไม่คุ้นเคย
ตอนนี้ เพื่อนคนนึงเริ่มอยากเข้าห้องน้ำ อีกคนเป็นไมเกรน เราก็หาซอยไม่เจอซักที
ต่างคนต่างร้อน เดินไปตีกันไป ถามคนแถวนั้นว่าร้านอาเซี่ยนติ่มซำ (Axian Dim Sum) อยู่ไหน เค้าทำหน้างง
เดินวนอยู่เกือบสิบนาที ถึงหน้าร้านคุ้นๆ ปรากฎว่าร้านชื่อ Luk Yu Dim Sum (เปลี่ยนชื่อตอนไหนไม่บอกตรูซักคำ)
ขอโทษขอโพยเพื่อนกันไป
อาหารแนะนำที่นี่คือเสี่ยวหลงเปา แต่ที่จริงเราชอบหลายอย่างเลย
ตอนเย็นเพื่อนคนจีนมาเลอาสาพาไปเที่ยว ไปเดินเล่นที่ Mid Valley Megamall ห้างใหญ่อีกแห่งของเมืองเคแอล
เดินไปซักพักเริ่มหิว เพื่อน และพ่อและแม่และน้องและเพื่อนของเขา และพวกเรา (นัดเจอชนกันเพราะเวลาไม่พอ) และเพื่อนของเรา รวม 11 คน (เยอะไปไหน) ตกลงใจกันว่าเย็นนี้ควรจะเป็นอาหารอินเดีย เพราะยังไม่เคยกินกัน (ตัวเราเองก็ไม่เคยกินแบบจัดเต็ม อย่างดีก็แค่แป้งโรตีกับแกงแค่นั้น)
ไปกินกันที่ SS2 (ส่วนไหนของแคแอลก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะเม้าท์กันตลอดทาง เงยหน้าขึ้นมาก็ถึงหน้าร้านแล้ว)
อาหารจะถูกเสิร์ฟบนใบตองปลอมๆ ตามธรรมเนียมกินเสร็จแล้วให้พับใบตองด้วย หมายความว่าอิ่มแล้ว
การพับใบตองขึ้นเป็นการบอกว่าอร่อย ส่วนถ้าพับลงหมายความว่าอาหารไม่ได้เรื่อง (ถ้าจำผิดขอโทษด้วยค่ะ)
วันต่อมา ได้กลับบ้านซะที
วันนี้เที่ยวกันสบายๆ (ที่จริงทุกวันก็สบายๆ นะ) เดินห้างแถวๆ Bukit Bintang
เริ่มจาก Lot 10, Fahrenheit 88, Pavilion
เรากินข้าวเที่ยงกันที่ Fahrenheit 88 ค่ะ ร้าน Sushi Zanmai
ร้านนี้เราเคยไปกินที่ Mid Valley กับ One Utama คนเยอะมากๆ ต่อแถวรอเป็นครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดค้นพบแล้วว่าสาขา Fahrenheit คนน้อยที่สุด เลยชอบสาขานี้ที่สุด
ซูชิจะเป็นแบบสายพาน จานแต่ละสีราคาต่างกันไป มีราคาแปะไว้ทุกโต๊ะ
พวกเราตกลงกันว่าจะสั่งข้าวมาด้วยคนละจาน จะได้ไม่เผลอหยิบซูชิเวียนมากเกินไป
ราคาซูชิจานสีครีมถูกที่สุด ตามมาคือ ฟ้าและเขียว ชมพู ดำ แดง (จานแดง 6.8 ริงกิต)
ยังไม่หมดจ้า นั่งรถไปถึงสนามบินยังกินกันต่อ
คราวนี้เลิกร้าน Old Town White Coffee เพราะเราและเพื่อนอีกคนชอบ
ตกลงใจสั่งมากินคนละอย่างกับน้ำคนละแก้ว สั่งเสร็จจ่ายเงินเลย เอาบัตรคิวไปรับอาหาร (สาขาอื่นๆ จ่ายเงิน รับคิว รออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ)
ปกติร้านนี้เรากินชานมเย็น แต่วันนี้ไม่ไหว เลยสั่ง Lemon Pepsi เบาๆ เพราะเดี๋ยวไปกินขนมบนเครื่องต่อ
ปิดท้ายด้วยภาพปลวกกับอาหารกึ่งสำเร็จรูป หน้าตาสดใสมากๆ รูปนี้ถ่ายก่อนหน้าที่จะไปกินหัวพนักงานรถบัสที่เกนติ้ง
ให้ทายว่าคนไหนเหวี่ยงสุด ฮ่าๆๆๆๆ
สุดท้าย ขอเล่าหน่อย ตอนเราไปทำงานมาเลเซียใหม่ๆ โดนเพื่อนคนไทยด้วยกันอำว่า อะยัม (Ayam) แปลว่า อะหย่อย(อร่อย) ถ้าอาหารอะไรที่มีคำว่าอะยัมเขียนเอาไว้ ให้ซื้อได้เลย เพราะอร่อยแน่ๆ เวลาไปซุปเปอร์มาเก็ตก็มองหาอาหารที่มีคำว่าอะยัมเขียนอยู่ กินไปก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ ตอนหลังมารู้ว่าอะยัมแปลว่าไก่ หลงเชื่ออยู่เกือบเป็นเดือน...