ผุดโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่แม่เมาะ

ผุดโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่แม่เมาะ


นายธนากร พูลทวี รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้กฟผ.อยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพหรืออีเอชไอเอ ของโครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4-7 กำลังผลิตเครื่องละ 150 เมกะวัตต์ ที่หมดอายุเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา โดยจะเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ขึ้นมาทดแทน เพื่อรักษากำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแม่เมาะให้อยู่ในระดับ 2.4 พันเมกะวัตต์ จากจำนวนที่มีอยู่ 10 เครื่อง ซึ่งขณะนี้การทำอีเอชไอเอได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนไปแล้ว ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะให้มีการก่อสร้างขึ้นมา พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะในมาตรการป้องกันมลพิษทุกด้านต้องมีความชัดเจนและปฏิบัติได้ เนื่องจากเชื่อว่าเทคโนโลยีมีความทันสมัยกว่าของเดิม


ขณะเดียวกันในการควบคุมมลพิษที่ปล่อยออกมาของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ได้มีการปรับปรุงตลอดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มลพิษต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้มาก ประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้าเกิดความมั่นใจที่จะสนับสนุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแทนของเดิมที่หมดอายุ


การทำอีเอชไอเอ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ และหลังจากนั้นประมาณ 6-7เดือนหลังจากนี้ไปนำจะเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติการก่อสร้างของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างจริงได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้ในเดือนมกราคม 2561ใช้เงินลงทุนกว่า 3หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินลงทุนที่สูง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ก่อให้เกิดมลพิษต่ำ


นายธนากร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้มอบหมายให้กฟผ.ไปดำเนินการศึกษาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ำประมาณ 1 บาทต่อหน่วย เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่ 3.20บาทต่อหน่วย เพื่อนำมาเฉลี่ยต้นทุนค่าไฟฟ้าไม่ให้ขยับตัวสูงขึ้นไปมาก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประกอบกับเห็นว่าบริเวณโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้รับการตอบรับจากประชาชน มีระบบสาธารณูปโภครองรับการสร้างโรงไฟฟ้าที่เหมาะสมอยู่แล้ว


ดังนั้นผู้บริหารกฟผ.จะต้องมาจัดทำแผนการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแม่เมาะใหม่ เนื่องจากขณะนี้โรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินปีละประมาณ 16 ล้านตัน ซึ่งสามารถใช้ผลิตไฟฟ้าไปได้อีก 30ปี ในการผลิตไฟฟ้าขนาด 2.4 พันเมกะวัตต์ ประกอบกับโรงไฟฟ้าเครื่องที่ 8-13 กำลังผลิตเครื่องละ 300 เมกะวัตต์ จะทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2558-2563 ทำให้ต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ขึ้นมาทดแทนของเดิม ซึ่งหากจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปอาจจะได้ประมาณ 600-1.2พันเมกะวัตต์ เมื่อพิจารณาจากปริมาณถ่านหินที่มีอยู่ เนื่องจากขณะนี้พบว่าโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะก่อสร้างขึ้นมาขนาด 600 เมกะวัตต์ จะใช้ถ่านหินประมาณ 2.6 ล้านตันต่อปี เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเดิมขนาดเดียวกันใช้ถึง 4 ล้านตันต่อปี หากโรงไฟฟ้าที่ทยอยหมดอายุลงสามารถก่อสร้างขึ้นมาใหม่อีก 3 เครื่อง ขนาดเครื่องละ 600 เมกะวัตต์ จะช่วยให้มีปริมาณถ่านหินเหลือนำมาเพิ่มกำลังการผลิตให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้


นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการกฟผ. เปิดเผยว่า ขณะนี้เร็วไปที่จะสรุปว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากน้อยแค่ไหน เพราะส่วนหนึ่งกฟผ.จะต้องไปศึกษาหาถ่านหินจากแหล่งอื่นๆมาเพิ่มเติม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะต้องนำเข้าถ่านหินจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ และสปป.ลาว ผ่านระบบรางขนส่งมาที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยเฉพาะที่ผ่านมามีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินมาย-กก ขนาด 405 เมกะวัตต์ ของบริษัท อิตาเลียนไทย เพาเวอร์ จำกัด ที่ประเทศเมียนมาร์ ที่จะก่อสร้างบริเวณปากเหมืองถ่านหิน พบว่าไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ อาจจะเป็นทางหนึ่งที่จะสามารถขนถ่านหินมาโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้ในอนาคต เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่