การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เริ่มต้นมา 2-3 วันแล้ว
หากนับจากวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง
บรรยากาศของการแข่งขัน บางส่วน "จำลอง" มาจาก
การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อ 3 ก.ค.2554
ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค
พรรคหนึ่งเป็นรัฐบาลที่เพิ่งพ้นวาระ อีกพรรคเป็นผู้ท้าชิง
แต่สถานการณ์อาจแตกต่างกันบ้าง
เพราะในการเลือกตั้งทั่วไป พรรคเพื่อไทยมีฐานคะแนนใน
ภาคเหนือ อีสาน กลางบางส่วน
ซึ่งมีจำนวน ส.ส.มากกว่าภาคใต้ กทม. และภาคกลางบางส่วน
อันเป็นฐานของพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
ทั้ง 2 พรรคได้เปรียบ-เสียเปรียบกันคนละอย่าง
ประชาธิปัตย์มี ส.ส.ในกรุงเทพฯมากกว่า และเป็นอดีตผู้ว่าฯ
ที่เพิ่งพ้นวาระ จึงอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ
ส่วนพรรคเพื่อไทย มี ส.ส.ในกรุงเทพฯน้อยกว่า อยู่ในฐานะเป็นรอง
ขณะที่ "จุดอ่อน" ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ
ผลงานสมัยเป็นผู้ว่าฯ ไม่น่าประทับใจ
มีส่วนคล้ายกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ในการเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.2554
อีกส่วนที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ "คล้าย" กับการเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อ 3 ก.ค.2554 ได้แก่ การใช้สื่อในเครือข่ายกล่าวหาโจมตีอีกฝ่าย
สร้างภาพใหม่ให้อีกฝ่าย จากคู่ต่อสู้ทางการเมืองที่เพียงแต่
นโยบายแตกต่างกัน และลงสมัครต่างพรรค ให้กลายเป็น "คนเลว"
เหมือนกับที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยเจ็บแสบมาแล้ว ในการเลือกตั้ง
ทั่วไป 2535/2 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
เที่ยวนี้ เล็งเป้าไปที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ทั้งประเด็นชื่อเล่น,
การเปลี่ยนชื่อจากไพรัชเป็นพงศพัศ ไปจนถึงการเติบโตในราชการ
การทำงานและประชาสัมพันธ์ผลงานของตนเองผ่านสื่อ ฯลฯ
กลายเป็นประเด็นทันที
ขณะที่การประเมินผลงานและบทบาทของผู้ว่าฯกทม.ที่เพิ่งพ้น
จากตำแหน่ง จะไม่มีการเอ่ยถึงในสื่อบางฉบับ ราวกับมีกระบวนการ
"เหนือเมฆ" เข้ามาเซ็นเซอร์เอาไว้
นี่เป็นสภาพเดียวกับที่สื่อบางสำนัก ในช่วงเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554
ไม่ยอมเอ่ยถึงบทบาทของรัฐบาลที่กำลังป้องกันแชมป์ในขณะนั้่น
ในการสลายม็อบ 99 ศพ และการให้ความยุติธรรมแก่ผู้ตายและญาติ
ทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
และทุกคนรู้ว่า ข้อเท็จจริงนี้จะมีผลอย่างมาก ต่อการลงคะแนน
เลือกตั้งของผู้มีสิทธิออกเสียง
แต่ความพยายามปิดบังความจริงของสื่อกลุ่มดังกล่าว
ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ไม่มีผล
เพราะประชาชนหลั่งไหลไปลงคะแนน ในวันที่ 3 ก.ค.2554
และทำให้พรรคเพื่อไทยชนะไปอย่างท่วมท้น
รัฐประหาร ก.ย.2549 ก่อให้เกิดเส้นแบ่งระหว่างฝ่ายสนับสนุน
การรัฐประหาร และฝ่ายคัดค้านการรัฐประหาร
ก่อนพัฒนาไปเป็นฝ่าย "คนดี" กับ "คนโกง"
ซากความคิดจากการแบ่งแยกดังกล่าว ยังดำรงอยู่จนปัจจุบัน
"คนดี" ต้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงปาแฟ้ม
ลากเก้าอี้ประธานสภาไปทิ้งเพื่อชาติ
ส่วน "คนโกง" เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ จนเจอข้อหา
"ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย"
อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งระดับชาติ สะท้อนว่าประชาชนไม่ได้สนใจ
"ตรรกะ" คนดี-คนเลว
ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า เป็นการ "สะกดจิต" ตัวเองของคนบางกลุ่ม
และกล่าวหาผู้อื่นไปพร้อมกัน
เพราะการต่อสู้เลือกตั้ง ไม่ใช่เรื่องของคนดีกับคนโกง
แต่เป็นการต่อสู้อย่างสันติตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยชื่อเสียงของพรรค
ผลงาน ประวัติในการบริหาร และคุณสมบัติของตัวบุคคล
แพ้หรือชนะในการเลือกตั้ง คือ "เจตจำนง" ของประชาชนที่ต้องยอมรับเคารพ
เหมือนอย่างที่้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ทุกครั้งที่ผ่านมา
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01230156§ionid=0116&selday=2013-01-23
เห็นเพื่อนๆ หลายคนประกาศกันแล้วว่าจะเลือกเบอร์ไหน
อ่านแล้ว ก็เปลี่ยนใจได้ คิดผิด..คิดใหม่ได้ค่ะ ....
บอกทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ .....
กระทู้สุดท้ายของวันนี้แล้ว
แกะรอย"โยงใย" เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และการเลือกตั้งทั่วไป ...มติชนออนไลน์
หากนับจากวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง
บรรยากาศของการแข่งขัน บางส่วน "จำลอง" มาจาก
การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อ 3 ก.ค.2554
ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค
พรรคหนึ่งเป็นรัฐบาลที่เพิ่งพ้นวาระ อีกพรรคเป็นผู้ท้าชิง
แต่สถานการณ์อาจแตกต่างกันบ้าง
เพราะในการเลือกตั้งทั่วไป พรรคเพื่อไทยมีฐานคะแนนใน
ภาคเหนือ อีสาน กลางบางส่วน
ซึ่งมีจำนวน ส.ส.มากกว่าภาคใต้ กทม. และภาคกลางบางส่วน
อันเป็นฐานของพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
ทั้ง 2 พรรคได้เปรียบ-เสียเปรียบกันคนละอย่าง
ประชาธิปัตย์มี ส.ส.ในกรุงเทพฯมากกว่า และเป็นอดีตผู้ว่าฯ
ที่เพิ่งพ้นวาระ จึงอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ
ส่วนพรรคเพื่อไทย มี ส.ส.ในกรุงเทพฯน้อยกว่า อยู่ในฐานะเป็นรอง
ขณะที่ "จุดอ่อน" ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ
ผลงานสมัยเป็นผู้ว่าฯ ไม่น่าประทับใจ
มีส่วนคล้ายกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ในการเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.2554
อีกส่วนที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ "คล้าย" กับการเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อ 3 ก.ค.2554 ได้แก่ การใช้สื่อในเครือข่ายกล่าวหาโจมตีอีกฝ่าย
สร้างภาพใหม่ให้อีกฝ่าย จากคู่ต่อสู้ทางการเมืองที่เพียงแต่
นโยบายแตกต่างกัน และลงสมัครต่างพรรค ให้กลายเป็น "คนเลว"
เหมือนกับที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยเจ็บแสบมาแล้ว ในการเลือกตั้ง
ทั่วไป 2535/2 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
เที่ยวนี้ เล็งเป้าไปที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ทั้งประเด็นชื่อเล่น,
การเปลี่ยนชื่อจากไพรัชเป็นพงศพัศ ไปจนถึงการเติบโตในราชการ
การทำงานและประชาสัมพันธ์ผลงานของตนเองผ่านสื่อ ฯลฯ
กลายเป็นประเด็นทันที
ขณะที่การประเมินผลงานและบทบาทของผู้ว่าฯกทม.ที่เพิ่งพ้น
จากตำแหน่ง จะไม่มีการเอ่ยถึงในสื่อบางฉบับ ราวกับมีกระบวนการ
"เหนือเมฆ" เข้ามาเซ็นเซอร์เอาไว้
นี่เป็นสภาพเดียวกับที่สื่อบางสำนัก ในช่วงเลือกตั้ง 3 ก.ค.2554
ไม่ยอมเอ่ยถึงบทบาทของรัฐบาลที่กำลังป้องกันแชมป์ในขณะนั้่น
ในการสลายม็อบ 99 ศพ และการให้ความยุติธรรมแก่ผู้ตายและญาติ
ทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
และทุกคนรู้ว่า ข้อเท็จจริงนี้จะมีผลอย่างมาก ต่อการลงคะแนน
เลือกตั้งของผู้มีสิทธิออกเสียง
แต่ความพยายามปิดบังความจริงของสื่อกลุ่มดังกล่าว
ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ไม่มีผล
เพราะประชาชนหลั่งไหลไปลงคะแนน ในวันที่ 3 ก.ค.2554
และทำให้พรรคเพื่อไทยชนะไปอย่างท่วมท้น
รัฐประหาร ก.ย.2549 ก่อให้เกิดเส้นแบ่งระหว่างฝ่ายสนับสนุน
การรัฐประหาร และฝ่ายคัดค้านการรัฐประหาร
ก่อนพัฒนาไปเป็นฝ่าย "คนดี" กับ "คนโกง"
ซากความคิดจากการแบ่งแยกดังกล่าว ยังดำรงอยู่จนปัจจุบัน
"คนดี" ต้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงปาแฟ้ม
ลากเก้าอี้ประธานสภาไปทิ้งเพื่อชาติ
ส่วน "คนโกง" เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ จนเจอข้อหา
"ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย"
อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งระดับชาติ สะท้อนว่าประชาชนไม่ได้สนใจ
"ตรรกะ" คนดี-คนเลว
ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า เป็นการ "สะกดจิต" ตัวเองของคนบางกลุ่ม
และกล่าวหาผู้อื่นไปพร้อมกัน
เพราะการต่อสู้เลือกตั้ง ไม่ใช่เรื่องของคนดีกับคนโกง
แต่เป็นการต่อสู้อย่างสันติตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยชื่อเสียงของพรรค
ผลงาน ประวัติในการบริหาร และคุณสมบัติของตัวบุคคล
แพ้หรือชนะในการเลือกตั้ง คือ "เจตจำนง" ของประชาชนที่ต้องยอมรับเคารพ
เหมือนอย่างที่้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ทุกครั้งที่ผ่านมา
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01230156§ionid=0116&selday=2013-01-23
เห็นเพื่อนๆ หลายคนประกาศกันแล้วว่าจะเลือกเบอร์ไหน
อ่านแล้ว ก็เปลี่ยนใจได้ คิดผิด..คิดใหม่ได้ค่ะ ....
บอกทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ .....
กระทู้สุดท้ายของวันนี้แล้ว