คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง
แม้จะปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า คะแนนของ "สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ตกเป็นรอง
"พงศพัศ พงษ์เจริญ" ตามผลโพลทุกสำนักที่นำเสนอออกมา "ไม่เป็นความจริง"
ด้วยความเชื่อมั่นว่าการระดมสรรพาวุธของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง
1-2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง จะได้รับการตอบรับ
ทว่า ที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ชูเป็นมอตโตของพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายเป็น
"การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยส่งสัญญาณว่าจะยึด
กทม.ให้ได้นั้น ผมขอบอกไปถึงคนที่ไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณมายึด
กรุงเทพฯได้ออกมาใช้สิทธิ"
นั่นคือการส่งสัญญาณชัดถึงยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์
ที่จะใช้ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นการเลือกผู้บริหารท้องถิ่น
เริ่มต้นกันที่ต่างฝ่ายต่างโชว์กันที่ความรู้ความสามารถของตัวผู้สมัคร
ในส่วนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้นชัดเจนถึงขนาดมีข่าวปล่อย
ออกมาตลอดว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลือกให้เป็นตัวแทน
ของพรรคก็จะลงสู้ในนามผู้สมัครอิสระ
แม้จะมีเสียงคัดค้านกันพอสมควร แต่ที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์
สรุปตรงที่ส่ง "สุขุมพันธุ์" ขึ้นเวทีอีกครั้ง ด้วยความเชื่อว่าคุณสมบัติ
ส่วนตัวดีกว่าคนอื่น
การหาเสียงในช่วงแรก ต่างฝ่ายต่างตระหนักว่า ใครจะได้รับเลือกตั้ง
ขึ้นอยู่กับทำให้ประชาชนเชื่อว่ามีความรู้ความสามารถ ทั้งในเชิงการ
คิดนโยบาย และการลงมือปฏิบัติได้เหนือกว่า
การต่อสู้จึงเป็นเรื่องการสร้างให้เห็นภาพของนักบริหาร
ขายตัวผู้สมัครกันเป็นหลัก
แต่แล้วเมื่อหาเสียงมาช่วงหนึ่ง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" จากที่เคยเชื่อมั่น
ในตัวเองขนาดจะลงในนามผู้สมัครอิสระ ถึงกับประกาศบนเวทีด้วย
ท่าทีตอกย้ำทำนอง "กูคือประชาธิปัตย์"
มองมุมหนึ่งนี่เป็นความห้าวหาญถึงขั้นทิ้งภาพ "คุณชาย" ลงมา
เล่นภาษาจิ๊กโก๋ปากซอย
แต่อีกมุมหนึ่งย่อมถูกอ่านมา "คุณชาย" เริ่มพลิกกลับมาอาศัย
ฐานเสียงของพรรคอย่างเต็มที่ ไม่องอาจด้วยความเชื่อมั่นใน
ตัวเองเหมือนช่วงเริ่มแรก
อย่างไรก็ตาม นั่นยังเป็นความเชื่อมั่นในแรงสนับสนุนของพรรค
ทว่า ดูเหมือนจะไม่ดีอะไรดีขึ้นจากผลของคะแนนนิยม เพราะการ
สำรวจของทุกสำนักโพล ยังออกมาเหมือนเดิมคือ "สุขุมพันธุ์" เป็น
รอง "พงศพัศ"
มาวันนี้การหาเสียงเลือกตั้งเข้าสู่โค้งสุดท้าย
เมื่อได้ยินเสียงประกาศของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ออกมาวิงวอน
คน กทม.ว่า "หากไม่อยากให้ทักษิณยึดกรุงเทพฯต้องออกมาเลือกตั้ง"
นั่นเป็นความชัดเจนว่า เกมในโค้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้สู้
"พงศพัศ" คือ "ปลุกพลังความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ" ให้ออกมาต้าน
"พงศพัศ" เป็นไปในแนวทางเดียวกับสาวกพรรคประชาธิปัตย์ระดับปลาย
แถวที่พยายามใช้ยุทธศาสตร์นี้มาต่อสู้
ถึงคราวนี้ "หัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์" เล่นเองแบบเต็มๆ
หรือว่า จากที่ความเชื่อมั่นในตัวผู้สมัครลดลง ความมั่นใจในพรรคก็หล่นวูบ
ถึงขั้นต้องเอา "ทักษิณ" มาฆ่า "พงศพัศ"
เลือก "สุขุมพันธุ์" เพราะเกลียด "ทักษิณ" ไม่เกี่ยวกับว่ามีความ
สามารถในการบริหาร กทม.หรือไม่
คำถามคือ คนกรุงเทพฯจะรับตรรกะที่พิลึกกึกกือแบบนี้หรือไม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361108248&grpid=&catid=02&subcatid=0200
กระจกอีกสักบานนะคะ... ส่งให้ปชป.ส่อง...
เหมือนเคยค่ะ จะช่างมันฉันไม่แคร์ก็ได้ ....
อ้อ เหมือนกับที่ เพื่อไทย ทำกับคอลัมน์ต่างๆ
ใน "แนวหน้า" ก็ต้องดูยอดผู้อ่าน เอานะคะ
ต้องแคร์สักแค่ไหน
′อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ′ ′หมัดสุดท้าย′ที่เหลืออยู่ .... มติชนออนไลน์
แม้จะปฏิเสธอย่างแข็งขันว่า คะแนนของ "สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ตกเป็นรอง
"พงศพัศ พงษ์เจริญ" ตามผลโพลทุกสำนักที่นำเสนอออกมา "ไม่เป็นความจริง"
ด้วยความเชื่อมั่นว่าการระดมสรรพาวุธของพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง
1-2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง จะได้รับการตอบรับ
ทว่า ที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ชูเป็นมอตโตของพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายเป็น
"การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยส่งสัญญาณว่าจะยึด
กทม.ให้ได้นั้น ผมขอบอกไปถึงคนที่ไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณมายึด
กรุงเทพฯได้ออกมาใช้สิทธิ"
นั่นคือการส่งสัญญาณชัดถึงยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์
ที่จะใช้ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นการเลือกผู้บริหารท้องถิ่น
เริ่มต้นกันที่ต่างฝ่ายต่างโชว์กันที่ความรู้ความสามารถของตัวผู้สมัคร
ในส่วนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้นชัดเจนถึงขนาดมีข่าวปล่อย
ออกมาตลอดว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลือกให้เป็นตัวแทน
ของพรรคก็จะลงสู้ในนามผู้สมัครอิสระ
แม้จะมีเสียงคัดค้านกันพอสมควร แต่ที่สุดแล้วพรรคประชาธิปัตย์
สรุปตรงที่ส่ง "สุขุมพันธุ์" ขึ้นเวทีอีกครั้ง ด้วยความเชื่อว่าคุณสมบัติ
ส่วนตัวดีกว่าคนอื่น
การหาเสียงในช่วงแรก ต่างฝ่ายต่างตระหนักว่า ใครจะได้รับเลือกตั้ง
ขึ้นอยู่กับทำให้ประชาชนเชื่อว่ามีความรู้ความสามารถ ทั้งในเชิงการ
คิดนโยบาย และการลงมือปฏิบัติได้เหนือกว่า
การต่อสู้จึงเป็นเรื่องการสร้างให้เห็นภาพของนักบริหาร
ขายตัวผู้สมัครกันเป็นหลัก
แต่แล้วเมื่อหาเสียงมาช่วงหนึ่ง "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์" จากที่เคยเชื่อมั่น
ในตัวเองขนาดจะลงในนามผู้สมัครอิสระ ถึงกับประกาศบนเวทีด้วย
ท่าทีตอกย้ำทำนอง "กูคือประชาธิปัตย์"
มองมุมหนึ่งนี่เป็นความห้าวหาญถึงขั้นทิ้งภาพ "คุณชาย" ลงมา
เล่นภาษาจิ๊กโก๋ปากซอย
แต่อีกมุมหนึ่งย่อมถูกอ่านมา "คุณชาย" เริ่มพลิกกลับมาอาศัย
ฐานเสียงของพรรคอย่างเต็มที่ ไม่องอาจด้วยความเชื่อมั่นใน
ตัวเองเหมือนช่วงเริ่มแรก
อย่างไรก็ตาม นั่นยังเป็นความเชื่อมั่นในแรงสนับสนุนของพรรค
ทว่า ดูเหมือนจะไม่ดีอะไรดีขึ้นจากผลของคะแนนนิยม เพราะการ
สำรวจของทุกสำนักโพล ยังออกมาเหมือนเดิมคือ "สุขุมพันธุ์" เป็น
รอง "พงศพัศ"
มาวันนี้การหาเสียงเลือกตั้งเข้าสู่โค้งสุดท้าย
เมื่อได้ยินเสียงประกาศของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ออกมาวิงวอน
คน กทม.ว่า "หากไม่อยากให้ทักษิณยึดกรุงเทพฯต้องออกมาเลือกตั้ง"
นั่นเป็นความชัดเจนว่า เกมในโค้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้สู้
"พงศพัศ" คือ "ปลุกพลังความเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณ" ให้ออกมาต้าน
"พงศพัศ" เป็นไปในแนวทางเดียวกับสาวกพรรคประชาธิปัตย์ระดับปลาย
แถวที่พยายามใช้ยุทธศาสตร์นี้มาต่อสู้
ถึงคราวนี้ "หัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์" เล่นเองแบบเต็มๆ
หรือว่า จากที่ความเชื่อมั่นในตัวผู้สมัครลดลง ความมั่นใจในพรรคก็หล่นวูบ
ถึงขั้นต้องเอา "ทักษิณ" มาฆ่า "พงศพัศ"
เลือก "สุขุมพันธุ์" เพราะเกลียด "ทักษิณ" ไม่เกี่ยวกับว่ามีความ
สามารถในการบริหาร กทม.หรือไม่
คำถามคือ คนกรุงเทพฯจะรับตรรกะที่พิลึกกึกกือแบบนี้หรือไม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1361108248&grpid=&catid=02&subcatid=0200
กระจกอีกสักบานนะคะ... ส่งให้ปชป.ส่อง...
เหมือนเคยค่ะ จะช่างมันฉันไม่แคร์ก็ได้ ....
อ้อ เหมือนกับที่ เพื่อไทย ทำกับคอลัมน์ต่างๆ
ใน "แนวหน้า" ก็ต้องดูยอดผู้อ่าน เอานะคะ
ต้องแคร์สักแค่ไหน