สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นวันนี้ พิสูจน์รัฐบาลปู “ดีแต่โม้”
โม้ไปเรื่อย ทั้งๆความจริงที่ปรากฎ..กลับตรงข้าม
โม้ว่ารถติด ไม่ใช่เพราะนโยบายรถคันแรก...?
โม้ว่ารัฐช่วยผู้ไม่มีรถ ให้มีรถใช้ได้ซะที
--> แต่อุบเงียบที่รัฐต้องเสียรายได้ จากการคืนภาษีสรรพสามิตให้ผู้จองซื้อ 1.3 ล้านราย
รวมเงินที่รับต้องคืนแก่ผู้ซื้อ ถึง 9.1 หมื่นล้านบาท
โม้ว่า รถขายดีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเพราะเงินในระบบหมุนเวียน..ทำให้ประโยชน์กลับมาสู่ประชาชนคนไทย..?
--> แต่สิ่งที่เห็นแน่ๆจากนโยบายรถคันแรกคือ
บริษัทผลิตรถยนต์ต่างชาติอู้ฟู่กันถ้วนหน้า กำไรตกอยู่ในกระเป๋าบริษัทต่างชาติ นับเงินเพลินเลย
ที่บอกว่า ผลประโยชน์จะกระจายไปสู่บริษัทผลิตชิ้นส่วน ประกันภัย ลิสซิ่ง นั่นก็จริงอยู่
--> แต่รู้บ้างมั้ยว่า บริษัทผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นนั้นน่ะค่ะ
ล้วนเป็นบริษัทในเครือ หรือบริษัทร่วมทุนระหว่าง คนญี่ปุ่นละคนไทยแทบทั้งสิ้น
ถามว่าคนไทยได้มั้ย..ก็ได้ค่ะ แต่การที่รัฐบาลยอมตัดรายได้ถึง 91,000 ล้านบาทนั้น...คุ้มหรือไม่
และผลที่ตามมา..จากการใช้ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในกรุงเทพ ก็สาหัสไม่น้อย สิ้นเปลืองกันถ้วนทั่ว
แม้ถึงวันนี้ รถยังออกมาไม่หมด ยังเหลือเวลาส่งมอบอีกนาน เพราะบริษัทรถต่างชาติผลิตไม่ทันจริงๆ แม้จะให้พนักงานทำงานล่วงเวลากันหามรุ่งหามค่ำแล้วก็ตาม
แต่..รัฐบาลปูดีแต่โม้ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่า ถนนมีไม่พอให้รถวิ่ง..โดยเฉพาะใน กทม. (ก่อนนหน้านี้นะคะ..ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว)
ถนนในกรุงเทพ ที่ปกติก็แออัด ติดหนึบอยู่แล้ว
เมื่อเกิด demanเทียม โดยรัฐบาลปูจัดให้..จัดเต็ม
ไม่ต้องใช้จินตนาการใดๆ ก็นึกออกว่า..ผู้ใช้รถใช้ถนนจะสาหัสสากรรจ์เพียงใด
ที่สำคัญประเทศชาติโดยรวมต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายพลังงานที่ถูกเผาผลาญจากนโยบายนี้..วันละเท่าไหร่
ฝีมือรัฐบาล “ดีแต่โม้”
แต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่านโยบายที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั่นจิคะ
โอว..บร๊ะเจ้า
คิดไม่ถึงเลยว่า...ช่างกล้า
กล้าออกมาประกาศให้ประชาชนชาวกรุง นั่งรถเมล์ฟรี
จะใช้งบประมาณอีก 5 -6 หมื่นล้านค่ะท่านผู้อ่าน ที่รัฐบาลปูขอรับผิดชอบครึ่งนึง กับ งบประมาณ กทม.!!!
เหตุผลที่ทำแบบนี้ ท่านจูดี้บอกว่า
>> เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย...อ้าว ก็นโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน ทำไปแล้วงัย
ทำไปเพื่อเพิ่มรายได้ไปแล้วงัยคะ..ถึงขนาดยอมให้ SME เจ๊งระนาวน่ะค่ะ
มาวันนี้งัยต้องกลับมาอุ้มคนกรุงเทพ..มากกว่าเดิมอีกล่ะ..ง๊ง งง ในตรรกะ “ปูดีแต่โม้”
>> เพื่อช่วยแก้ปัญหารถติดหนึบในกรุงเทพ...อ้าว ตัวเองขุดหลุม แล้วกระโดดลงหลุมเองซะงั้น
นโยบายทำรถติดเพิ่มหนัก...จากรถคันแรก!
จึงคิดแก้ปัญหาด้วยการ เสนอให้คนกรุงนั่งรถเมล์ฟรี ... จะได้จอดรถที่ซื้อมาไว้ที่บ้าน
รถในถนนจะน้อยลง เพราะคนกรุง จะพากันนั่งรถเมล์ฟรีจ้า..โห คิดได้งัย?
รวมเบ็ดเสร็จ รัฐต้องสูญเสีย งบประมาณไปกับ รัฐบาล “ดีแต่โม้” 150,000 ล้านบาท โดยประมาณ!!!!!!!
กับการซื้อความนิยม ด้วยการเสนอโครงการประชานิยมเฟอะฟะสุดโต่งนี้
หายนะของประเทศ..ทำท่าจะมาเร็วกว่าที่คิดซะแล้ว..!!!
คนกรุงเทพ ต้องช่วยกันป้องกัน ช่วยกันปกป้องหายนะ...กันนะคะ เร้วว..
จากรถคันแรก...ถึงรถเมล์ฟรี!!??
โม้ไปเรื่อย ทั้งๆความจริงที่ปรากฎ..กลับตรงข้าม
โม้ว่ารถติด ไม่ใช่เพราะนโยบายรถคันแรก...?
โม้ว่ารัฐช่วยผู้ไม่มีรถ ให้มีรถใช้ได้ซะที
--> แต่อุบเงียบที่รัฐต้องเสียรายได้ จากการคืนภาษีสรรพสามิตให้ผู้จองซื้อ 1.3 ล้านราย
รวมเงินที่รับต้องคืนแก่ผู้ซื้อ ถึง 9.1 หมื่นล้านบาท
โม้ว่า รถขายดีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตเพราะเงินในระบบหมุนเวียน..ทำให้ประโยชน์กลับมาสู่ประชาชนคนไทย..?
--> แต่สิ่งที่เห็นแน่ๆจากนโยบายรถคันแรกคือ
บริษัทผลิตรถยนต์ต่างชาติอู้ฟู่กันถ้วนหน้า กำไรตกอยู่ในกระเป๋าบริษัทต่างชาติ นับเงินเพลินเลย
ที่บอกว่า ผลประโยชน์จะกระจายไปสู่บริษัทผลิตชิ้นส่วน ประกันภัย ลิสซิ่ง นั่นก็จริงอยู่
--> แต่รู้บ้างมั้ยว่า บริษัทผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นนั้นน่ะค่ะ
ล้วนเป็นบริษัทในเครือ หรือบริษัทร่วมทุนระหว่าง คนญี่ปุ่นละคนไทยแทบทั้งสิ้น
ถามว่าคนไทยได้มั้ย..ก็ได้ค่ะ แต่การที่รัฐบาลยอมตัดรายได้ถึง 91,000 ล้านบาทนั้น...คุ้มหรือไม่
และผลที่ตามมา..จากการใช้ชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในกรุงเทพ ก็สาหัสไม่น้อย สิ้นเปลืองกันถ้วนทั่ว
แม้ถึงวันนี้ รถยังออกมาไม่หมด ยังเหลือเวลาส่งมอบอีกนาน เพราะบริษัทรถต่างชาติผลิตไม่ทันจริงๆ แม้จะให้พนักงานทำงานล่วงเวลากันหามรุ่งหามค่ำแล้วก็ตาม
แต่..รัฐบาลปูดีแต่โม้ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่า ถนนมีไม่พอให้รถวิ่ง..โดยเฉพาะใน กทม. (ก่อนนหน้านี้นะคะ..ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว)
ถนนในกรุงเทพ ที่ปกติก็แออัด ติดหนึบอยู่แล้ว
เมื่อเกิด demanเทียม โดยรัฐบาลปูจัดให้..จัดเต็ม
ไม่ต้องใช้จินตนาการใดๆ ก็นึกออกว่า..ผู้ใช้รถใช้ถนนจะสาหัสสากรรจ์เพียงใด
ที่สำคัญประเทศชาติโดยรวมต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายพลังงานที่ถูกเผาผลาญจากนโยบายนี้..วันละเท่าไหร่
ฝีมือรัฐบาล “ดีแต่โม้”
แต่อะไรก็ไม่น่าตกใจเท่านโยบายที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั่นจิคะ
โอว..บร๊ะเจ้า
คิดไม่ถึงเลยว่า...ช่างกล้า
กล้าออกมาประกาศให้ประชาชนชาวกรุง นั่งรถเมล์ฟรี
จะใช้งบประมาณอีก 5 -6 หมื่นล้านค่ะท่านผู้อ่าน ที่รัฐบาลปูขอรับผิดชอบครึ่งนึง กับ งบประมาณ กทม.!!!
เหตุผลที่ทำแบบนี้ ท่านจูดี้บอกว่า
>> เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย...อ้าว ก็นโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน ทำไปแล้วงัย
ทำไปเพื่อเพิ่มรายได้ไปแล้วงัยคะ..ถึงขนาดยอมให้ SME เจ๊งระนาวน่ะค่ะ
มาวันนี้งัยต้องกลับมาอุ้มคนกรุงเทพ..มากกว่าเดิมอีกล่ะ..ง๊ง งง ในตรรกะ “ปูดีแต่โม้”
>> เพื่อช่วยแก้ปัญหารถติดหนึบในกรุงเทพ...อ้าว ตัวเองขุดหลุม แล้วกระโดดลงหลุมเองซะงั้น
นโยบายทำรถติดเพิ่มหนัก...จากรถคันแรก!
จึงคิดแก้ปัญหาด้วยการ เสนอให้คนกรุงนั่งรถเมล์ฟรี ... จะได้จอดรถที่ซื้อมาไว้ที่บ้าน
รถในถนนจะน้อยลง เพราะคนกรุง จะพากันนั่งรถเมล์ฟรีจ้า..โห คิดได้งัย?
รวมเบ็ดเสร็จ รัฐต้องสูญเสีย งบประมาณไปกับ รัฐบาล “ดีแต่โม้” 150,000 ล้านบาท โดยประมาณ!!!!!!!
กับการซื้อความนิยม ด้วยการเสนอโครงการประชานิยมเฟอะฟะสุดโต่งนี้
หายนะของประเทศ..ทำท่าจะมาเร็วกว่าที่คิดซะแล้ว..!!!
คนกรุงเทพ ต้องช่วยกันป้องกัน ช่วยกันปกป้องหายนะ...กันนะคะ เร้วว..