ผ่าสถานการณ์ “เงื่อนไข” เผชิญหน้านิรโทษ-ปรองดอง
ในบรรยากาศที่เมืองหลวงกำลังคึกคักกับเทศกาลหาเสียงศึกชิง
เก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะเปิดรับสมัครอย่างเป็นทาง
การในวันที่ 21–25 มกราคม 2556นี้
ซึ่งก็เป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่นเฉพาะของคน กทม.
แต่ขณะเดียวกัน ตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาพใหญ่
ของประเทศไทยก็ยังคงดำเนินต่อไป กับปรากฏการณ์ปมเก่าๆ
เรื่องเดิมๆเงื่อนไขวิกฤติเรื้อรังที่วนย้อนกลับมาเขย่ากันใหม่
จุดชนวน ปะทุร่องรอยความแตกแยกในสังคม
ไล่กันตั้งแต่ความเคลื่อนไหวของแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย ที่กดดันรัฐบาลไม่ให้รับคำตัดสินของศาลโลกใน
คดีเขาพระวิหาร หากผลการตัดสินออกมาทำให้ประเทศไทย
เสียเปรียบ รวมถึงการเรียกร้องให้กองทัพแสดงความเด็ดขาดใน
การปกป้องอธิปไตยไล่ทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่พิพาท
ปลุกกระแสชาตินิยม ปลุกระดมอาการ “คลั่งชาติ”
แต่ไปๆมาๆเรื่องพลิกบานปลาย กลายเป็นประเด็นคุกคามสื่อ
เมื่อกลุ่มทหารชั้นประทวนจำนวนหนึ่งได้ตบเท้าบุกไปยังสำนักงาน
หนังสือพิมพ์ค่ายพันธมิตรฯ ถึง 2 รอบ เพื่อแสดงความไม่พอใจ
และเรียกร้องให้ออกมาขอโทษ หลังโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก อย่างรุนแรง
ถึงขั้นใช้คำด่าว่า “ห่วย” ออกอากาศ
ก่อนจะจบด้วยการที่ พล.อ.ประยุทธ์ยืดอกขอโทษสังคมที่อารมณ์
ฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย พร้อมขอโทษแทนลูกน้องที่โกรธแทนนาย
แต่ยืนยันว่าไม่ได้คุกคามสื่อแต่อย่างใด
ดับไฟ สยบกระแสวิพากษ์วิจารณ์
จ่าฝูงกองทัพบกซ่อนอาการ “กลืนเลือด” ในฉากที่เหล่าขุนทหาร
ตบเท้าให้กำลังใจ
กระตุกอารมณ์ขุ่นมัวในหมู่ท็อปบูต “อุ่นเตา”ในสถานการณ์แนวรบด้านเขาพระวิหาร
ชายแดนไทย–กัมพูชา ยังอยู่ระหว่างรอลุ้นคำตัดสินของศาลโลกช่วงปลายปี
ขณะที่อีกมุมหนึ่งก็ยังแหย่ไฟ เลี้ยงกระแสต่อเนื่อง
ตามเหลี่ยมเกมที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนว ร่วมประชาธิปไตย
ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์
แกนนำเสื้อแดง นปช.ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อสอบถามความชัดเจนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไข
รัฐธรรมนูญ และการทำประชามติ
กระตุกกันเป็นนัยหยั่งอำนาจศาล ลองเชิงตุลาการภิวัฒน์
และคำตอบที่ได้จากนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ก็คือ “ต้องดูก่อนว่าคู่ความร้องมาว่าอย่างไร ไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่า
แกล้งไม่เข้าใจ โง่จริงๆ หรือแกล้งโง่ ถ้าแกล้งโง่ขอให้โง่จริงๆ”
สะท้อนภาวะทางอารมณ์ที่ซ่อนไว้ไม่มิด
ต่างฝ่ายต่างแรง ไม่มีหลบให้กัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเหลี่ยมการเคลื่อนไหวของฝ่าย นปช.เสื้อแดงยัง
แฝงไว้อีกหลายยุทธศาสตร์ นอกจากเดินเกมรื้อรัฐธรรมนูญฉบับ
“หน้าแหลมฟันดำ” ที่เป็นเครื่องมือของขั้วอำนาจฝ่ายตรงข้าม
ยังตีคู่ขนานไปกับเกม “ปรองดอง” และการเดินหมาก “นิรโทษกรรม”
ตามจังหวะที่สอดรับกับการเคลื่อนไหวของนักวิชาการกลุ่ม “นิติราษฎร์”
ได้จุดพลุ “ร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้ง”
ชูหลักการ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อ
นิรโทษกรรมแก่ประชาชนซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจาก
เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายหลังการยึดอำนาจรัฐ
โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
กระตุกน้ำหนัก อิงกับสถานะทางวิชาการ
......................................................
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/321179
อ้อ...ตามไปอ่านกันเต็ม ๆ จาก link ด้วยค่ะ ที่แปะมานี่
แค่ น้ำจิ้ม เท่านั้น จานหลักต้องตามต่อ....
แต่วันนี้ มาแปลก ไม่ "ด่าแม้ว...แชวปู..บูชามาร์ค" อย่างเคย
แต่น่าสนใจ ที่มองรอบด้าน .....
วัดใจ "ยิ่งลักษณ์" ลุยหรือเบรก ...วิเคราะห์การเมือง ...ไทยรัฐออนไลน์
ในบรรยากาศที่เมืองหลวงกำลังคึกคักกับเทศกาลหาเสียงศึกชิง
เก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะเปิดรับสมัครอย่างเป็นทาง
การในวันที่ 21–25 มกราคม 2556นี้
ซึ่งก็เป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่นเฉพาะของคน กทม.
แต่ขณะเดียวกัน ตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาพใหญ่
ของประเทศไทยก็ยังคงดำเนินต่อไป กับปรากฏการณ์ปมเก่าๆ
เรื่องเดิมๆเงื่อนไขวิกฤติเรื้อรังที่วนย้อนกลับมาเขย่ากันใหม่
จุดชนวน ปะทุร่องรอยความแตกแยกในสังคม
ไล่กันตั้งแต่ความเคลื่อนไหวของแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อ
ประชาธิปไตย ที่กดดันรัฐบาลไม่ให้รับคำตัดสินของศาลโลกใน
คดีเขาพระวิหาร หากผลการตัดสินออกมาทำให้ประเทศไทย
เสียเปรียบ รวมถึงการเรียกร้องให้กองทัพแสดงความเด็ดขาดใน
การปกป้องอธิปไตยไล่ทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่พิพาท
ปลุกกระแสชาตินิยม ปลุกระดมอาการ “คลั่งชาติ”
แต่ไปๆมาๆเรื่องพลิกบานปลาย กลายเป็นประเด็นคุกคามสื่อ
เมื่อกลุ่มทหารชั้นประทวนจำนวนหนึ่งได้ตบเท้าบุกไปยังสำนักงาน
หนังสือพิมพ์ค่ายพันธมิตรฯ ถึง 2 รอบ เพื่อแสดงความไม่พอใจ
และเรียกร้องให้ออกมาขอโทษ หลังโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบก อย่างรุนแรง
ถึงขั้นใช้คำด่าว่า “ห่วย” ออกอากาศ
ก่อนจะจบด้วยการที่ พล.อ.ประยุทธ์ยืดอกขอโทษสังคมที่อารมณ์
ฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย พร้อมขอโทษแทนลูกน้องที่โกรธแทนนาย
แต่ยืนยันว่าไม่ได้คุกคามสื่อแต่อย่างใด
ดับไฟ สยบกระแสวิพากษ์วิจารณ์
จ่าฝูงกองทัพบกซ่อนอาการ “กลืนเลือด” ในฉากที่เหล่าขุนทหาร
ตบเท้าให้กำลังใจ
กระตุกอารมณ์ขุ่นมัวในหมู่ท็อปบูต “อุ่นเตา”ในสถานการณ์แนวรบด้านเขาพระวิหาร
ชายแดนไทย–กัมพูชา ยังอยู่ระหว่างรอลุ้นคำตัดสินของศาลโลกช่วงปลายปี
ขณะที่อีกมุมหนึ่งก็ยังแหย่ไฟ เลี้ยงกระแสต่อเนื่อง
ตามเหลี่ยมเกมที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนว ร่วมประชาธิปไตย
ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์
แกนนำเสื้อแดง นปช.ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อสอบถามความชัดเจนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไข
รัฐธรรมนูญ และการทำประชามติ
กระตุกกันเป็นนัยหยั่งอำนาจศาล ลองเชิงตุลาการภิวัฒน์
และคำตอบที่ได้จากนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ก็คือ “ต้องดูก่อนว่าคู่ความร้องมาว่าอย่างไร ไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่า
แกล้งไม่เข้าใจ โง่จริงๆ หรือแกล้งโง่ ถ้าแกล้งโง่ขอให้โง่จริงๆ”
สะท้อนภาวะทางอารมณ์ที่ซ่อนไว้ไม่มิด
ต่างฝ่ายต่างแรง ไม่มีหลบให้กัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเหลี่ยมการเคลื่อนไหวของฝ่าย นปช.เสื้อแดงยัง
แฝงไว้อีกหลายยุทธศาสตร์ นอกจากเดินเกมรื้อรัฐธรรมนูญฉบับ
“หน้าแหลมฟันดำ” ที่เป็นเครื่องมือของขั้วอำนาจฝ่ายตรงข้าม
ยังตีคู่ขนานไปกับเกม “ปรองดอง” และการเดินหมาก “นิรโทษกรรม”
ตามจังหวะที่สอดรับกับการเคลื่อนไหวของนักวิชาการกลุ่ม “นิติราษฎร์”
ได้จุดพลุ “ร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและการขจัดความขัดแย้ง”
ชูหลักการ แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อ
นิรโทษกรรมแก่ประชาชนซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจาก
เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายหลังการยึดอำนาจรัฐ
โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
กระตุกน้ำหนัก อิงกับสถานะทางวิชาการ
......................................................
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/321179
อ้อ...ตามไปอ่านกันเต็ม ๆ จาก link ด้วยค่ะ ที่แปะมานี่
แค่ น้ำจิ้ม เท่านั้น จานหลักต้องตามต่อ....
แต่วันนี้ มาแปลก ไม่ "ด่าแม้ว...แชวปู..บูชามาร์ค" อย่างเคย
แต่น่าสนใจ ที่มองรอบด้าน .....