ในวัยที่ตัวโตกว่าพ่อแม่..

ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนเหมือนกันคะ พอดีวันนี้ได้หยุดกลับบ้านมาพัก จู่จู่ก็สังเกตเห็นว่าร่างกายตัวเราเปลี่ยนไป  (พึ่งสังเกตแบบจริงจัง)..เมื่อเห็นแม่ เกิดความคิดว่าเราสูงกว่าแม่ตั้งแต่เมื่อไรนะ? หรือ ทำไมแม่ดูตัวเล็กจัง ทั้งที่เมื่อก่อนยังขอให้อุ้มอยู่บ่อยๆ รู้สึกแปลกเมื่อมองจากมุมที่สูงกว่า ความรู้สึกหลายๆอย่างมันถาถมเข้ามา..                                      



มองดูผิวพรรณแม่ เมื่อก่อน ..ตอนที่ยังเจอหน้ากันบ่อยๆทุกวัน มักจะชอบให้ทาแป้ง หรือ โลชั่นให้

ผิวแม่ ขาวและเนียนมาก ทั้งที่ท่านชอบตื่นเช้า ทำงานบ้านหลายๆอย่าง  ตอนนี้ มีกระ และริ้วรอย เห็นแล้ว รู้สึกทำใจไม่ได้ยังไงไม่รู้ (น้ำตารื้น)
ซึ่งพอได้พักเราก็มักจะกลับบ้านดูแลท่าน มานวดอะไรให้ พอเอามือมาจับ แขนมาบีบ รู้ได้ถึงวัยที่ผ่านไปเร็วมาก มีเส้นเลือดที่ปูดนูนขึ้น ตกใจ มีมาเมื่อไร เนื้อผิวที่เปลี่ยนไป ร่างกายคนเราเปลี่ยนได้เร็วขนาดนี้เลยเ้หรอ มันเกิดขึ้นกับแม่ตัวเิอง ทั้งที่เราก็รู้ว่าคนเรายังไงก็ต้องแก่ แต่เห็นแม่ตัวเองแล้ว ....(น้ำตาไหล)  


ทำให้คิดว่าแม่ต้องเจออะไรบ้างนะ ตอนที่โทรขอตังค์ค่าเรียน?

คิดถึงหลายๆอย่างที่ทำให้ จุดเทียนป้องกันภัยอะไรซักอย่างที่พระให้มา
ชอบถามว่า ห้อยพระที่แม่ให้ไปรึเปล่า อยู่บ่อยๆ  
มักจะขอให้หาผมหงอกให้แล้วก็นอนลงบนตัก ปากบ่นว่า "ถอนให้หมดนะ แม่ไม่อยากแก่ ใครเห็นเขาจะนินทา"                        

ละก็ชอบพูดถึง อนาคต วาดฝันว่า เราจบมาต้องได้ดี  เลี้ยงดูท่านนะ ซึ่งเรา ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร รู้แต่ว่าเราลำบากไม่เป็นไร แต่จะไม่ทำให้ท่านลำบากแน่ๆ

ไม่อยากให้ แก่มากไปกว่านี้แล้ว อยากอยู่ดูแลทุกวันแต่ทำไม่ได้ (คือกำลังเรียนอยู่นะคะ) อยากทำให้สุขสบายตั้งแต่ตอนนี้  


  เวลาผ่านไปเร็วมากนะ เรารู้แค่ตัวเราทำอะไร ใส่ใจแต่หน้าที่ของตัวเองให้ดี เพราะ มีคนคอยฝากความหวังเอาไว้ .. รู้ว่าต้องทำเพื่อใคร



อยู่กับหนูนานๆนะคะแม่

*ที่ไม่ได้พูดถึงพ่อ คือ ท่านเสียไปนานแล้วค่ะ

* ตอนนี้กลับบ้านทุกครั้งก็นอนกับแม่แหละคะ ทั้งที่บ้านมี4 ห้องนอน

*ขอบคุณที่หลงมาอ่านคะ ออกทะเลซะเยอะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
พ่อเราเสียตอนที่เราเรียนจบพอดี เป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มต้นทำงาน
เป็นช่วงเวลาที่เราอยู่กับแม่ แต่เราคิดถึงพ่อมากเลย เพราะเราต้องมาทำงานแทนพ่อ
เราค่อนข้างกดดันนะ เพราะเราเป็นน้องเล็ก เป็นลูกสาวคนเล็ก ที่ไม่เคยตัดสินใจหรือแก้ปัญหาอะไรเองเลย
มีปัญหาอะไร เพียงแค่เราบอกพ่อแม่ ทุกอย่างมีคนจัดการแก้ปัญหาให้เราหมด คนที่ทำแทนมักจะเป็นพี่เรา
เราเลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น และไม่เคยตัดสินใจ แก้ปัญหาอะไรเองมาก่อน

แต่พอถึงเวลาทำงาน กลายเป็นว่า พี่เราก็ไปมีครอบครัวกันหมด พ่อเราก็เสีย เราอยู่กับแม่ และดูแลทุกอย่างในบ้าน
เราต้องทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ได้ ต้องมาเรียนรู้การรู้จักแก้ปัญหาเอง งานมันยาก ความรับผิดชอบก็เยอะ
เรารู้แค่ว่า เราต้องแกร่งให้พอ โตให้ได้ รับผิดชอบให้หมด  พ่อจึงเป็นต้นแบบการทำงาน ที่เราต้องพยายามเลียนแบบ


แม่เป็นต้นแบบของผู้หญิงเก่งในสายตาเรา ยามที่พ่อเราไม่อยู่ แม่เป็นที่ปรึกษาที่ดี เวลาเราจะทำอะไร เราจะปรึกษาแม่ตลอด
แม่เราเป็นแม่บ้าน ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก แต่ความจำดี ใจเกินร้อย ฉลาด และมองการไกล
เป็นคนที่เก่งในหลายๆด้าน เป็นผู้หญิงที่งานบ้านก็เก่ง งานช่างก็เป็น ศิลปะก็ได้ ทำเป็นสารพัดอย่าง รับผิดชอบดี กตัญญูอีกต่างหาก
  
เราค่อนข้างทะเลาะกับแม่บ่อยนะ เพราะทำอะไรมักจะไม่ค่อยได้เรื่องในสายตาเท่าไหร่ ถูกตำหนิประจำ ทั้งที่เราว่าเราทำดีที่สุดแล้วนะ
ด้วยนิสัยของเรา เป็นคนที่ไม่ค่อยยอมใคร ถูกติไม่ค่อยได้ ทำให้เราทำอะไร จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อกันแม่ติ แต่ก็โดนจนได้

เรามาเข้าใจตอนโต หลังจากทำงานมาหลายปี เมื่อมีคนชมเราต่อหน้าแม่ ว่าเราเก่งแล้ว แต่สำหรับแม่ เราก็ยังไม่เก่งอยู่ดี
แม่เอ่ยว่า " คำชมเก็บไว้ให้คนอื่นพูด แม่ขอติอย่างเดียวพอ "  นั่นหมายความว่า แม่เราตำหนิเพื่อให้เราทำดีที่สุด เพื่อให้คนอื่นชม
"ให้คนอื่นชม ดีกว่าให้คนอื่นด่า"  ดังนั้นอะไรไม่ดี แม่เราจะติไว้ก่อน เพื่อให้เราแก้ไข คนอื่นจะได้ติว่าเราไม่ได้

คนบางคนอาจจะต่อต้าน หรือไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงโดนแม่ด่าประจำ แต่เราเข้าใจแล้ว การโดนพ่อแม่ด่า ในสิ่งที่ไม่ดีเพื่อให้เราแก้ไข
ดีกว่าปล่อยให้ผ่านไป แล้วให้คนอื่นมาด่าซ้ำว่า เป็นลูกที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน มันเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งกว่า  การรักลูกจึงไม่จำเป็นว่าต้องชมเสมอไป
บางทีแค่ไม่โดนด่า ก็เท่ากับว่า นั่นคือคำชมแล้ว  เป็นสิ่งที่ภูมิใจได้แล้ว
ความคิดเห็นที่ 12
เราสงสารแม่เรามากเลยตอนนี้ ตัวเราแต่งงานแล้วย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ แม่อยู่บ้านที่เมืองไทยกับพ่อเลี้ยงและน้องชาย สามปีก่อนพ่อเลี้ยงมีเมียน้อยแล้วก็ทิ้งแม่ไป ส่วนน้องชายก็ด่าทอแม่ทุกวัน ตอนที่กลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อเดือนก่อน เห็นแม่แล้วใจหาย แกดูแก่ลงไปมาก ตัวหดเหลือนิดเดียว จากคนที่รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวออกไปเที่ยวห้าง เดี๋ยวนี้แกไม่แต่งหน้าแต่งตัว เดินไปเที่ยวห้างคนเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ถามแม่ว่าปกติไปเที่ยวไหนบ้าง แกบอกถ้าเราไม่พามาแกก็ไม่ได้ไปไหนหรอก น้องชายไม่พาไปแล้วแกก็งกๆเงินๆ ไม่กล้าไปคนเดียว เคยได้ยินแกคุยกับแม่ค้าที่บางลำภู พอดีแกไปซื้อกางเกงร้านนี้บ่อย เจ๊แม่ค้าก็บอกให้แม่มาวันหลังถ้าอยากได้กางเกงสีชมพู แม่บอกแกว่า "วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะ ลูกสาวจะกลับไปแล้ว ไม่มีคนพาออกมาข้างนอก" เราฟังแล้วจุกมากเลย ทุกวันนี้แม่ต้องอยู่บ้านคนเดียว น้องชายกลับบ้านดึกมาก เสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่อยู่บ้าน ถึงอยู่ก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่เคยมานั่งกินข้าวกับแม่ แม่ถามอะไรหน่อยมันก็ตะหวาดด่ากราดใส่แม่เราซะลั่นซอย แม่เราก็อายคนแถวบ้านไม่กล้าต่อล้อต่อเถียง ขนาดวันปีใหม่ มันยังทิ้งให้แม่เราอยู่บ้านคนเดียวเลย บางทีแม่ชอบโทรมาฟ้องเรื่องน้องชาย เราก็ไม่รู้จะทำยังไงดี บางวันอยากจะบินกลับไปเอาปืนยิงมันทิ้งเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ลูกทรพี นรกมาเกิดชัดๆ  ล่าสุดเราตัดสินใจว่าจะย้ายครอบครัวกลับไปอยู่เมืองไทยกับแม่ เราไม่อยากทิ้งแม่เราให้เป็นทาสอารมณ์น้องชายอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่