เตือน! ปลา 2 ชนิด ที่ไม่ควรกินบ่อย เสี่ยงสะสม "ยาปฏิชีวนะ" และ "โลหะหนัก" ในร่างกาย

กระทู้ข่าว

ปลาถือเป็นเมนูจานโปรดของหลายบ้าน เพราะทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ปลาทุกชนิดที่ควรกินบ่อยๆ เพราะบางชนิดอาจซ่อน “ภัยสุขภาพ” ที่เราไม่รู้ตัว

1. ปลาทะเลขนาดใหญ่

ปลาชั้นดีอย่างปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือปลากระโทงดาบ แม้จะอุดมด้วยโปรตีนและโอเมก้า 3 แต่ก็มักมีสารปรอท (Mercury) สะสมในระดับสูง เพราะอยู่บนยอดห่วงโซ่อาหาร กินปลาตัวเล็กมาหลายชนิด จึงสะสมโลหะหนักไว้ในร่างกาย ยิ่งกินบ่อย ยิ่งเสี่ยง โดยเฉพาะในเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ อาจกระทบต่อสมองและพัฒนาการของระบบประสาท

2. ปลาน้ำจืดที่โตไวผิดปกติ

ปลาบางชนิดที่ถูกเลี้ยงเพื่อให้โตเร็วและขายได้ในไม่กี่เดือน อาจถูกเร่งโตด้วยยาปฏิชีวนะหรือฮอร์โมน นอกจากนี้ปลาพวกนี้มักอาศัยอยู่ในสภาพน้ำที่ไม่สะอาด เช่น ก้นบ่อโคลน ซึ่งเสี่ยงต่อการปนเปื้อนพยาธิ สารโลหะหนัก และเชื้อโรคต่างๆ

วิธีเลือกปลาปลอดภัย

ดูสีปลา: เนื้อปลาควรดูใส ไม่หมองหรือซีด

ดมกลิ่น: ถ้ามีกลิ่นฉุนผิดปกติ อาจมีการฟอกด้วยสารเคมี

กดเนื้อปลา: ถ้ากดแล้วเด้งกลับ คือปลาสด แต่ถ้ายุบไม่คืน แสดงว่าเนื้อเละ ไม่สด

กินปลาอย่างไรให้ปลอดภัย?

แนะนำกินปลา 2–3 มื้อต่อสัปดาห์ โดยแต่ละมื้อไม่เกิน 150 กรัม

ควรเลือกกินคู่กับผักที่มีวิตามินซีสูง เช่น บรอกโคลี แครอท เพื่อช่วยขับสารพิษ

หลีกเลี่ยงการทอดหรือปิ้งไหม้ เลือกการนึ่งหรือต้มเป็นซุป จะรักษาคุณค่าทางอาหารได้ดีกว่า

ปลาที่แนะนำคือ ปลาตัวเล็ก ปลาน้ำจืดธรรมชาติ เช่น ปลารู้ ปลานิล หรือปลาดุก จากแหล่งเลี้ยงที่เชื่อถือได้ รวมถึงอาหารทะเลอื่นๆ อย่าง กุ้ง หอย ปู ก็เป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยกว่าปลาทะเลตัวใหญ่

อย่าปล่อยให้มื้ออาหารในครอบครัว กลายเป็น “กับดักสุขภาพ” เพียงเพราะเลือกปลาผิด!

ที่มา:https://www.sanook.com/news/9831166/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่