เรียนผูกต้องเรียนแก้

กระทู้สนทนา
ในยุคสมัยโบราณของจีน ที่เมืองจิงหลิงซึ่งก็คือเมืองนานกิง ในปัจจุบัน มีวัดอยู่วัดหนึ่งชื่อวัดชิงเหลียง มีพระอาจารย์รูปหนึ่ง สมณะฉายาฝ่าเติง พระอาจารย์ ฝ่าเติงนั้นท่านไม่ค่อยสำรวมในกิริยา

ชอบใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆ ไม่เคร่งครัดในเรื่องวินัยของพระภิกษุ สงฆ์หรือพิธีรีตองนัก บรรดาพระภิกษุสงฆ์ด้วยกันจึงพากันดูถูกไม่ค่อย นับถือท่านนัก แต่มีพระอาจารย์อีกรูปสมณะฉายาฝ่าเอี่ยนกลับ ชื่นชอบและนับถือท่าน.

มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากพระอาจารย์ฝ่าเอี่ยนเทศนาธรรมเสร็จ ท่านก็ยกปริศนาเชนขึ้นมาถามเหล่าพระภิกษุสงฆ์ว่า?" มีเสือตัวหนึ่ง ที่คอมีลูกกระพรวนผูกอยู่ ใครสามารถแก้ลูกกระพรวนนี้ได้?"

พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายฟังแล้วได้แต่มองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะตอบ อย่างไร. พอดีพระอาจารย์ฝ่าเติงเดินเข้ามา พระอาจารย์ฝ่าเอี่ยนจึง ขอให้พระอาจารย์ฝ่าเติงช่วยตอบปริศนาเชนของท่านด้วย.พระอาจารย์ ฝ่าเติงได้ตอบทันทีโดยไม่ต้องตรึกตรองเลยว่า?"คนผูกลูกกระพรวน ที่คอเสือต้องเป็นคนแก้ลูกกระพรวน". พระอาจารย์ฝ่าเอี่ยนฟังแล้วให้ รู้สึกพอใจยิ่ง กล่าวต่อเหล่าพระภิกษุสงฆ์ว่า?"ทุกท่านอย่าได้ดูถูก ท่านฝ่าเติงเป็นอันขาด".


จากนิทานเรื่องนี้ ต่อมาภายหลังผู้คนได้นำมาผูกเป็นสำนวน "คนแก้ลูกกระพรวนยังต้องเป็นคนผูกลูกกระพรวน" ซึ่งภาษาจีนอ่าน ว่า ""ร้องไห้เจี่ย หลิง หัย ซื่ ซี่ หลิง เหริน) โดย มีความหมายว่า ใครก่อปัญหาขึ้นมาก็ต้องหาทางแก้ปัญหาเอาเอง เข้าทำนองที่สำนวนไทยว่า"เรียนผูกต้องเรียนแก้" คือรู้วิธีทำต้องรู้วิธี แก้ไข รู้กลอุบายทุกทาง ทั้งทางก่อและทางแก้นั่นเอง.


ที่มา -  กูเกิ้ล

เม่าอ่านหนังสือพิมพ์เม่าอ่านหนังสือพิมพ์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่