สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ทำสนามไดร์ฟกอล์ฟน่าจะเวิร์คกว่านะคะ ลงทุนน่าจะน้อยกว่าด้วย ขายลูก 4 ถาด 100 กำลังดี คนตีกอล์ฟเค้าก็จะไปเรื่อย ๆ อยู่แล้วค่ะ ขายน้ำ ขายอาหารได้อีก หาโปรฯมาสอนแชร์ค่าเรียนกับโปรฯด้วยก็ได้ค่ะ เงินลงทุนไม่น่าเยอะเท่าสปอร์ตคลับ จริง ๆ มีเงินสิบล้าน ที่ดินก็สิบล้าน น่าจะซื้อที่ก่อน แล้วเขียนแผนธุรกิจไปกู้แบงค์นะคะ จะได้ไม่กังวลเรื่องค่าเช่า กับราคาที่ดินในอนาคต ถ้าเกิดทำแล้วเวิร์คก็ไม่ต้องกลัวเจ้าของที่จะไม่ต่อสัญญา หรือขึ้นค่าเช่า ถ้าไม่เวิร์คยังขายที่ดินไปใช้หนี้แบงค์ได้
ความคิดเห็นที่ 27
ผมเป็นคนรักกีฬามาก ถ้าทำธุรกิจด้านนี้แล้วมันรวยจริง อย่าลืมหลับมาบอกผมด้วยนะครับ ผมจะได้เปลี่ยนคววามเชื่อตัวเองสักที
คืองี้ครับเรื่องตัวธุรกิจก่อน อยากถามว่าคุณ จขกท. พอนึกออกมั้ยครับว่ารายได้มันจะเท่าไหร่ อ้างอิงจากความเป็นไปได้นะครับ เทียบกับเงินลงทุนแล้วปีนึงกำไรมั้ย กำไรกี่ % ของเงินลงทุน ถ้าน้อยกว่า 20% เลิกคิดครับ เพราะมันมีธุรกิจที่ได้มากกว่า 20% อีกเยอะ แล้วธุรกิจของ จขกท. เป็นธุรกิจประเภทปรับตัวได้ยาก เพราะมันเป็นอสังหาครับ ถ้าไม่เวิคคือต้องนั่งตบยุงรอฟ้ารอฝนอย่างเดียว
เหตุที่ผมกลัวธุรกิจสปอร์ตคลับเพราะผมชอบไปเล่นกีฬาครับ แล้วผมก็บอกกับตัวเองเสมอว่าคนที่ทำคอร์ทแบต คอร์ทเทนนิส คนพวกนี้คือคนรวยที่รักกีฬาครับ ถ้าจะเอาความคุ้มค่ามันไม่คุ้มหรอก ไปทำอย่างอื่นหรือฝากแบงค์สบายใจกว่า เพราะอะไรครับ เพราะ
1. เก็บเงินแพงไม่ได้ ต้องยอมรับว่าคนไทยค่าใช้จ่ายเยอะครับ คนที่จะยอมจ่ายมากๆกับกีฬายังน้อยอยู่ จขกท.ก็เป็นมั้ยครับ ไปเล่นเทนนิสเก็บ ชม.ละ 250 เราไม่จ่ายหรอกครับ แต่คนไปโรงหนังเรื่องนึงคนนั้งดูเต็มโรง จ่ายกันคนละ 200 จ่ายได้
2. มันมีข้อจำกัดด้านยอดขาย ตัวธุรกิจหลักเราคือให้เช่าสถานที่เล่นกีฬาซึ่งนอกจากติดที่เก็บแพงไม่ได้แล้ว (แบตเก็บแพงคนอาจยอมตีหน้าบ้าน เทนนิสก็ไปหาเล่นเอาที่อื่น) ยังมีอีกปัญหาคือเนื่องจากเรามีคอร์ทจำกัด จำนวนคนที่เช่ามากที่สุดก็เท่ากับจำนวนคอร์ทที่มี ถ้าย้อนไปที่โรงหนัง มันมีที่นั่งเยอะ คนนั่ง 10 คนหนังก็ต้องฉาย 20 คนก็ต้องฉาย โรงหนังเค้าก็จะหาทางให้คนนั่งเต็มโรงเพราะค่าใช้จ่ายเท่ากัน เค้ามีวิธีการเพิ่มรายได้ที่ง่ายกว่า (แม้จะเป็นธุรกิจที่พึ่งพาสถานที่เหมือนกันก็ตาม)
3. ช่วงเวลาที่ใช้บริการจริงๆจะมีแค่ตอนเย็นเป็นต้นไป เพราะแดดร้อนครับ ผมเห้นคอร์ททุกคอร์ทตอนกลางวันว่างหมด เพราะนอกจากคนทำงานแล้ว ต่อให้ไม่ทำงานคนก็ไม่เล่นเพราะร้อน เฉพาะเทนนิสถ้าจะทำ indoor อาจช่วยแก้ปัญหาบ้าง แต่จะต้องทำสนามหลังคาสูงมากซึ่งจะทำให้ค่าก่อสร้างแพงมาก สนาม indoor บ้านเรามีน้อยมากเพราะราคา ค่าก่อสร้างแพง แต่ค่าเช่าก็ยังเก็บแพงไม่ได้เหมือนเดิม (เก็บได้แต่คนไม่เล่นครับ แดดออกก็รอเย็น ฝนตกก็ช่างมัน)
4. ฟ้าฝนมีผลต่อรายได้สูงคล้ายๆธุรกิจเกษตรเลย เวลาแดดออกคนไม่เล่น เวลาฝนตกคนก็ไม่เล่นครับ ปีนึงฝนตก 6-7 เดือน เลยนะครับ
จขกท. อาจมีแนวคิดว่ามันต้องมีรายได้เสริมจากการขายเครื่องดื่ม อาหาร และอาจไปถึงเครื่องกีฬา แต่ผมเชื่อมั่นว่ารายได้ตรงนั้นจะน้อยมากๆครับ คนเล่นกีฬาเค้ามาเล่นครับ น้ำก็พกมาเอง เล่นเสร็จก็กลับไม่งั้นก็หนีไปกินกันที่อื่น อุปกรณ์กีฬานี่คนเล่นส่วนมากจะหาของถูกอย่างเดียวครับ ซื้อตามเน็ท ฝากเพื่อนซื้อ รอซื้อห้างตอนเซลล์ นี่คือพฤติกรรมที่ผมเห็นมาตลอด คนรวยๆที่พร้อมจ่ายจะมีกีฬากอล์ฟเท่านั้นครับ แต่กอล์ฟเป็นกีฬาที่ค่าใช้จ่ายสูง คนที่ไม่รวยมากที่มาเล่นก็หาทางประหยัดอยู่ดี
คนรวยสุดๆที่ผมเห็นคืออยู่ตามสวนสาธารณะครับ ส่วนมากไปวิ่งเพราะหมอบอกว่าถ้าไม่ออกกำลังกายก็เตรียมตัวตายได้เลย คนพวกนี้ไปเจอกันที่สวนสาธารณะในสภาพที่เห็นอกเห็นใจกันครับ ไปดูเลยครับตอนเช้า ชมรมไทเก็ก ชมรมรำกระบอง พวกนี้ขับเบนซ์เป็นอาเสี่ยทั้งนั้น เงินล้นฟ้าแต่ไม่ได้รักกีฬาจริงๆ มาเล่นเพราะยังไม่อยากตายครับ ส่วนคนที่ชอบเล่น ขยันรักษาสุขภาพ ส่วนมากไม่มีเงินครับ
คืองี้ครับเรื่องตัวธุรกิจก่อน อยากถามว่าคุณ จขกท. พอนึกออกมั้ยครับว่ารายได้มันจะเท่าไหร่ อ้างอิงจากความเป็นไปได้นะครับ เทียบกับเงินลงทุนแล้วปีนึงกำไรมั้ย กำไรกี่ % ของเงินลงทุน ถ้าน้อยกว่า 20% เลิกคิดครับ เพราะมันมีธุรกิจที่ได้มากกว่า 20% อีกเยอะ แล้วธุรกิจของ จขกท. เป็นธุรกิจประเภทปรับตัวได้ยาก เพราะมันเป็นอสังหาครับ ถ้าไม่เวิคคือต้องนั่งตบยุงรอฟ้ารอฝนอย่างเดียว
เหตุที่ผมกลัวธุรกิจสปอร์ตคลับเพราะผมชอบไปเล่นกีฬาครับ แล้วผมก็บอกกับตัวเองเสมอว่าคนที่ทำคอร์ทแบต คอร์ทเทนนิส คนพวกนี้คือคนรวยที่รักกีฬาครับ ถ้าจะเอาความคุ้มค่ามันไม่คุ้มหรอก ไปทำอย่างอื่นหรือฝากแบงค์สบายใจกว่า เพราะอะไรครับ เพราะ
1. เก็บเงินแพงไม่ได้ ต้องยอมรับว่าคนไทยค่าใช้จ่ายเยอะครับ คนที่จะยอมจ่ายมากๆกับกีฬายังน้อยอยู่ จขกท.ก็เป็นมั้ยครับ ไปเล่นเทนนิสเก็บ ชม.ละ 250 เราไม่จ่ายหรอกครับ แต่คนไปโรงหนังเรื่องนึงคนนั้งดูเต็มโรง จ่ายกันคนละ 200 จ่ายได้
2. มันมีข้อจำกัดด้านยอดขาย ตัวธุรกิจหลักเราคือให้เช่าสถานที่เล่นกีฬาซึ่งนอกจากติดที่เก็บแพงไม่ได้แล้ว (แบตเก็บแพงคนอาจยอมตีหน้าบ้าน เทนนิสก็ไปหาเล่นเอาที่อื่น) ยังมีอีกปัญหาคือเนื่องจากเรามีคอร์ทจำกัด จำนวนคนที่เช่ามากที่สุดก็เท่ากับจำนวนคอร์ทที่มี ถ้าย้อนไปที่โรงหนัง มันมีที่นั่งเยอะ คนนั่ง 10 คนหนังก็ต้องฉาย 20 คนก็ต้องฉาย โรงหนังเค้าก็จะหาทางให้คนนั่งเต็มโรงเพราะค่าใช้จ่ายเท่ากัน เค้ามีวิธีการเพิ่มรายได้ที่ง่ายกว่า (แม้จะเป็นธุรกิจที่พึ่งพาสถานที่เหมือนกันก็ตาม)
3. ช่วงเวลาที่ใช้บริการจริงๆจะมีแค่ตอนเย็นเป็นต้นไป เพราะแดดร้อนครับ ผมเห้นคอร์ททุกคอร์ทตอนกลางวันว่างหมด เพราะนอกจากคนทำงานแล้ว ต่อให้ไม่ทำงานคนก็ไม่เล่นเพราะร้อน เฉพาะเทนนิสถ้าจะทำ indoor อาจช่วยแก้ปัญหาบ้าง แต่จะต้องทำสนามหลังคาสูงมากซึ่งจะทำให้ค่าก่อสร้างแพงมาก สนาม indoor บ้านเรามีน้อยมากเพราะราคา ค่าก่อสร้างแพง แต่ค่าเช่าก็ยังเก็บแพงไม่ได้เหมือนเดิม (เก็บได้แต่คนไม่เล่นครับ แดดออกก็รอเย็น ฝนตกก็ช่างมัน)
4. ฟ้าฝนมีผลต่อรายได้สูงคล้ายๆธุรกิจเกษตรเลย เวลาแดดออกคนไม่เล่น เวลาฝนตกคนก็ไม่เล่นครับ ปีนึงฝนตก 6-7 เดือน เลยนะครับ
จขกท. อาจมีแนวคิดว่ามันต้องมีรายได้เสริมจากการขายเครื่องดื่ม อาหาร และอาจไปถึงเครื่องกีฬา แต่ผมเชื่อมั่นว่ารายได้ตรงนั้นจะน้อยมากๆครับ คนเล่นกีฬาเค้ามาเล่นครับ น้ำก็พกมาเอง เล่นเสร็จก็กลับไม่งั้นก็หนีไปกินกันที่อื่น อุปกรณ์กีฬานี่คนเล่นส่วนมากจะหาของถูกอย่างเดียวครับ ซื้อตามเน็ท ฝากเพื่อนซื้อ รอซื้อห้างตอนเซลล์ นี่คือพฤติกรรมที่ผมเห็นมาตลอด คนรวยๆที่พร้อมจ่ายจะมีกีฬากอล์ฟเท่านั้นครับ แต่กอล์ฟเป็นกีฬาที่ค่าใช้จ่ายสูง คนที่ไม่รวยมากที่มาเล่นก็หาทางประหยัดอยู่ดี
คนรวยสุดๆที่ผมเห็นคืออยู่ตามสวนสาธารณะครับ ส่วนมากไปวิ่งเพราะหมอบอกว่าถ้าไม่ออกกำลังกายก็เตรียมตัวตายได้เลย คนพวกนี้ไปเจอกันที่สวนสาธารณะในสภาพที่เห็นอกเห็นใจกันครับ ไปดูเลยครับตอนเช้า ชมรมไทเก็ก ชมรมรำกระบอง พวกนี้ขับเบนซ์เป็นอาเสี่ยทั้งนั้น เงินล้นฟ้าแต่ไม่ได้รักกีฬาจริงๆ มาเล่นเพราะยังไม่อยากตายครับ ส่วนคนที่ชอบเล่น ขยันรักษาสุขภาพ ส่วนมากไม่มีเงินครับ
แสดงความคิดเห็น
ตอนนี้มีโครงการอยู่ในใจค่ะ มีเงินทุนอยู่ 10 ล้านกำลังจะทำ Sport Club ที่อยุธยาไม่ทราบว่าทุกท่านมีความเห็นอย่างไร