คำถามต่อเพื่อนร่วมชาติที่แสวงหาประโยชน์ร่วมกันคือ

กระทู้สนทนา
คำถามแรก เมื่อศาลโลกของสหประชาชาติ พิพากษาให้ประสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ซึ่งคำพิพากษานี้ "เป็นอันเสร็จเด็ดขาด ไม่มีทางจะอุทธรณ์ได้" ตามที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระบุไว้ในคำปราศรัยคดีประสาทพระวิหาร เมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2505 แต่สถานการณ์ปัจจุบัน การรณรงค์ในประเด็น "ทวงคืนประสาทพระวิหาร" เท่ากับเป็นการปฎิเสธคำพิพากษาของศาลโลกหรือไม่ ? และจะยกระดับไปสู่การ "ปลุกเร้า" และปะทุทางอารมณ์ของคนในประเทศ และปะทะกับเพื่อนบ้านกัมพูชาด้วยกำลังหรือไม่ ?

คำถามข้อที่สอง หากเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ณ บริเวณเขาพระวิหาร ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหน หรือจาก "มือที่สาม" ก็ตาม ข้อเท็จจริงที่พึงคำนึงคือ ไทยจะกลายเป็นชาติแรกในหน้าประวัติศาสตร์โลกยุคสหประชาชาติที่ละเมิดล่วงล้ำ ขัดขีนอำนาจของศาลโลก ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่เกิดขึ้นมาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศด้วย วิธีการสันติ แทนการทำสงครามระหว่างกันนั้น ท่านคิดว่าประเทศมหาอำนาจและสมาชิกอื่นในองค์การสหประชาชาติจะดำเนินการ อย่างไรต่อประเทศไทย เพื่อที่จะรักษาระเบียบโลกของสหประชาชาตินี้ไว้ ?

ทั้งยังต้องรำลึกด้วยว่า ภาพลักษณ์ของไทยในเวทีประชาคมโลกนั้น ไทยจะกลายเป็น "หมาป่า" ที่หาทางขย้ำ "ลูกแกะ" กัมพูชา ด้วยหรือเปล่า ?

คำถามข้อที่สาม หากท่านเป็นผู้สนับสนุนการใช้ัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 82 เกี่ยวกับนโยบายด้านต่างประเทศ ได้ระบุว่า "รัฐต้องส่งเสริมสัมพันธไมตรีและความร่วมมือกับนานาประเทศ ตลอดจนต้องปฎิบัติตามสนธิสัญญา รวมทั้งพันธกรณีที่ได้กระทำไว้กับนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ"

ดังนั้นการรณรงค์เพื่อให้รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลในอนาคตแสดงการทวงคืน "ประสาทพระวิหาร" คือการสนับสนุนให้รัฐบาลกระืำผิดต่อรัฐธรรมนูญในมาตรานี้หรือไม่ ?

หากท่านเป็นผู้ไม่สนับสนุนการใช้รัฐธรรมนูญปี 50 โปรดกลับไปอ่านคำถามข้อที่หนึ่งและสองอีกครั้งหนึ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่