Toyota AE111 ติดแก๊ส เปลี่ยนเครื่องจาก 4A เป็น 5A แล้วขับรถลงจาก เชียงใหม่ ไป กทม. ใช้แก๊ส ขับประมาณ 120 กม./ชม. บางช่วงถนนโล่ง เหยียบไป 140 - 160 กม./ชม. (ก่อนเดินทางเอารถเข้าเช็คที่อู่ ผมรู้สึกรอบสูงไป แค่สตาร์ทเข็มไมล์ก็ขึ้นไปพันกว่ารอบ ผมเลยให้ช่างจูนลงมาหน่อยประมาณ 900 รอบ)
พอพ้นลำปางรู้สึกแอร์ไม่ค่อยเย็น ทั้งที่เพิ่งเติมน้ำยาแอร์ แต่คิดว่าคงเป็นเพราะสภาพอากาศร้อน พอเลยตากความร้อนขึ้นครับ จึงพักรถ เปิดห้องเครื่องดูน้ำ ที่กระปุกพักน้ำ น้ำระเหยหมด ก็เติมจนเต็ม เปลี่ยนเป็นใช้น้ำมัน คลานจนถึงกำแพงเพชร เจอร้านหม้อน้ำ เลยเข้าเช็ค ทางร้านล้างหม้อน้ำให้ เติมน้ำยาแอร์ให้ใหม่ เสร็จแล้วเดินทางต่อ แต่พอเข้านครสวรรค์ อาการเดิมออกอีก แอร์เริ่มไม่เย็น ความร้อนกระดิกขึ้น คราวนี้เลย ขับไป พักไป แบบช้าๆ สุดท้ายต้องค้างคืนที่ลพบุรี (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนวันลอยกระทง)
เช้ามาขับต่อไปถึง กทม. ด้วยความเร็วประมาณ 100 - 110 กม./ชม. ความร้อนยังไม่ขึ้น ถึง กทม. ได้จอดรถพักประมาณ 8 ชั่วโมง เสร็จธุระก็เดินทางกลับเลย ค่อยๆ คลานไป รอบไม่ค่อยนิ่ง ยังคงใช้น้ำมัน ลากมาเรื่อยๆ ขับไปพักไปด้วยความเร็ว 40 - 60 กม./ชม. เป็นช่วงเวลากลางคืน กะว่าตอนเช้าถ้าไม่หายจะหาร้านหม้อน้ำเช็คดูอีกที สุดท้ายวิ่งมาถึงช่วงชัยนาท ผมง่วงนอนเลยเปลี่ยนให้แฟนขับ แฟนผมขับด้วยความเร็ว 100 - 120 กม./ชม. ความเร็วรอบประมาณ 2 พัน ผลปรากฏว่า ความร้อนไม่ขึ้นครับ -*- พอเข้ากำแพงเพชร ผมก็เปลี่ยนมาขับ ความเร็วแบบที่แฟนขับ (100 - 120 กม./ชม. ความเร็วรอบประมาณ 2 พัน) ยังคงใช้น้ำมัน ความร้อนไม่ขึ้นแล้ว ได้ใจ เริ่มขับเร็วขึ้นเป็น 120 กม./ชม แต่รักษารอบให้นิ่ง พอเข้าตาก ผมลองเปิดแอร์ไปด้วย แอร์เย็นฉ่ำ
จนมาถึงลำปาง แวะพัก ผมคิดว่ารถโอเคแล้ว เลยเปลี่ยนใช้แก๊ส ขึ้นดอยขุนตาล คราวนี้เป็นเรื่อง ความร้อนขึ้นอีกแล้ว เปิดห้องเครื่องดูน้ำในกระปุก ระเหยอีก เลยเติมน้ำแล้วพักสักครู่ กลับไปใช้น้ำมัน รถไปต่อได้ ความร้อนไม่ขึ้น กลับถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
พักรถ 1 วัน ผมเอาเข้าอู่เดิมให้อู่เช็คให้ อู่ใช้เวลาเช็คไม่นานบอกว่า รอบมันต่ำไป เลยจูนกลับมาแบบเดิม ไม่กี่วันต่อมา ผมเดินทางไกลไปลพบุรี วิ่งน้ำมันตลอด ไปกลับแทบไม่ได้พัก ความร้อนไม่ขึ้น จากนั้นใช้งานในชีวิตประจำวันในตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้แก๊ส ความร้อนไม่ขึ้นแล้วครับ แต่รู้สึกว่าเครื่องมันอืดๆ ต่างจากเครื่องเดิมที่ค่อนข้างไหลลื่นแล้วแรงกว่านี้ อาจเป็นเพราะจำนวน CC ที่ลดลงไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
แต่วันนี้ลองไปหาช่างที่เชี่ยวชาญเรื่องความร้อนรถ เขาสรุปให้ว่าลองเช็ควาล์วน้ำ ก็เลยแกะมาต้มดู ผลออกมาว่า วาล์วน้ำมันไม่ค่อยหดตัวเมื่อน้ำเดือด เลยซื้อมาเปลี่ยนใหม่ (350 บาท) เสร็จแล้วทดสอบรถดูสักพักคือเปิดเครื่อง เปิดแอร์ ตัดใช้แก๊ส จนเครื่องอุ่น น้ำจากหม้อน้ำถูกดูดหายไปเล็กน้อยหลังจากเติมให่ตอนเปลี่ยนวาล์วเสร็จ เลยเติมใหม่ ช่างบอกว่า แสดงว่าวาล์วน้ำทำงานเรียบร้อย เสร็จแล้วเสียค่าแรงไป 200 บาท ขับกลับบ้านรู้สึกว่าเครื่องมันไหลลื่นขึ้น ขับได้นุ่นนวลขึ้น ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ก่อนหน้านี้รู้สึกเครื่องมันอืดๆ กว่าจะไหลก็ต้องรอรอบตัดที่ 2 พันรอบ ความเร็ว 120 กม./ชม. แต่หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำ รู้สึกว่าไม่ต้องรอรอบตัดมันก็นุ่มนวลดี
ข้อสงสัย
- ตอนสตาร์ทรถ รอบเครื่องควรอยู่ที่เท่าไรครับ
- เปลี่ยนวาล์วน้ำใหม่ ให้ผลอย่างที่ผมได้หรือเปล่าคือเครื่องไหลลื่นขึ้น ไม่รู้สึกอืดๆ
- เวลาจอดติดไฟแดง กระโปรงรถผมจะสั่นเมื่อเหยีบเบรค แต่ถ้าปรับเกียร์เป็น P จะไม่สั่น
หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำรู้สึกมันไม่สั่นแล้ว แต่อันนี้ต้องลองดูอีกทีเพราะขากลับมันผ่านไม่กี่แยก
Toyota AE111 เปลี่ยนวาล์วน้ำแล้ว รู้สึกรถไหลลื่นขึ้น
พอพ้นลำปางรู้สึกแอร์ไม่ค่อยเย็น ทั้งที่เพิ่งเติมน้ำยาแอร์ แต่คิดว่าคงเป็นเพราะสภาพอากาศร้อน พอเลยตากความร้อนขึ้นครับ จึงพักรถ เปิดห้องเครื่องดูน้ำ ที่กระปุกพักน้ำ น้ำระเหยหมด ก็เติมจนเต็ม เปลี่ยนเป็นใช้น้ำมัน คลานจนถึงกำแพงเพชร เจอร้านหม้อน้ำ เลยเข้าเช็ค ทางร้านล้างหม้อน้ำให้ เติมน้ำยาแอร์ให้ใหม่ เสร็จแล้วเดินทางต่อ แต่พอเข้านครสวรรค์ อาการเดิมออกอีก แอร์เริ่มไม่เย็น ความร้อนกระดิกขึ้น คราวนี้เลย ขับไป พักไป แบบช้าๆ สุดท้ายต้องค้างคืนที่ลพบุรี (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนวันลอยกระทง)
เช้ามาขับต่อไปถึง กทม. ด้วยความเร็วประมาณ 100 - 110 กม./ชม. ความร้อนยังไม่ขึ้น ถึง กทม. ได้จอดรถพักประมาณ 8 ชั่วโมง เสร็จธุระก็เดินทางกลับเลย ค่อยๆ คลานไป รอบไม่ค่อยนิ่ง ยังคงใช้น้ำมัน ลากมาเรื่อยๆ ขับไปพักไปด้วยความเร็ว 40 - 60 กม./ชม. เป็นช่วงเวลากลางคืน กะว่าตอนเช้าถ้าไม่หายจะหาร้านหม้อน้ำเช็คดูอีกที สุดท้ายวิ่งมาถึงช่วงชัยนาท ผมง่วงนอนเลยเปลี่ยนให้แฟนขับ แฟนผมขับด้วยความเร็ว 100 - 120 กม./ชม. ความเร็วรอบประมาณ 2 พัน ผลปรากฏว่า ความร้อนไม่ขึ้นครับ -*- พอเข้ากำแพงเพชร ผมก็เปลี่ยนมาขับ ความเร็วแบบที่แฟนขับ (100 - 120 กม./ชม. ความเร็วรอบประมาณ 2 พัน) ยังคงใช้น้ำมัน ความร้อนไม่ขึ้นแล้ว ได้ใจ เริ่มขับเร็วขึ้นเป็น 120 กม./ชม แต่รักษารอบให้นิ่ง พอเข้าตาก ผมลองเปิดแอร์ไปด้วย แอร์เย็นฉ่ำ
จนมาถึงลำปาง แวะพัก ผมคิดว่ารถโอเคแล้ว เลยเปลี่ยนใช้แก๊ส ขึ้นดอยขุนตาล คราวนี้เป็นเรื่อง ความร้อนขึ้นอีกแล้ว เปิดห้องเครื่องดูน้ำในกระปุก ระเหยอีก เลยเติมน้ำแล้วพักสักครู่ กลับไปใช้น้ำมัน รถไปต่อได้ ความร้อนไม่ขึ้น กลับถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
พักรถ 1 วัน ผมเอาเข้าอู่เดิมให้อู่เช็คให้ อู่ใช้เวลาเช็คไม่นานบอกว่า รอบมันต่ำไป เลยจูนกลับมาแบบเดิม ไม่กี่วันต่อมา ผมเดินทางไกลไปลพบุรี วิ่งน้ำมันตลอด ไปกลับแทบไม่ได้พัก ความร้อนไม่ขึ้น จากนั้นใช้งานในชีวิตประจำวันในตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้แก๊ส ความร้อนไม่ขึ้นแล้วครับ แต่รู้สึกว่าเครื่องมันอืดๆ ต่างจากเครื่องเดิมที่ค่อนข้างไหลลื่นแล้วแรงกว่านี้ อาจเป็นเพราะจำนวน CC ที่ลดลงไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
แต่วันนี้ลองไปหาช่างที่เชี่ยวชาญเรื่องความร้อนรถ เขาสรุปให้ว่าลองเช็ควาล์วน้ำ ก็เลยแกะมาต้มดู ผลออกมาว่า วาล์วน้ำมันไม่ค่อยหดตัวเมื่อน้ำเดือด เลยซื้อมาเปลี่ยนใหม่ (350 บาท) เสร็จแล้วทดสอบรถดูสักพักคือเปิดเครื่อง เปิดแอร์ ตัดใช้แก๊ส จนเครื่องอุ่น น้ำจากหม้อน้ำถูกดูดหายไปเล็กน้อยหลังจากเติมให่ตอนเปลี่ยนวาล์วเสร็จ เลยเติมใหม่ ช่างบอกว่า แสดงว่าวาล์วน้ำทำงานเรียบร้อย เสร็จแล้วเสียค่าแรงไป 200 บาท ขับกลับบ้านรู้สึกว่าเครื่องมันไหลลื่นขึ้น ขับได้นุ่นนวลขึ้น ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ก่อนหน้านี้รู้สึกเครื่องมันอืดๆ กว่าจะไหลก็ต้องรอรอบตัดที่ 2 พันรอบ ความเร็ว 120 กม./ชม. แต่หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำ รู้สึกว่าไม่ต้องรอรอบตัดมันก็นุ่มนวลดี
ข้อสงสัย
- ตอนสตาร์ทรถ รอบเครื่องควรอยู่ที่เท่าไรครับ
- เปลี่ยนวาล์วน้ำใหม่ ให้ผลอย่างที่ผมได้หรือเปล่าคือเครื่องไหลลื่นขึ้น ไม่รู้สึกอืดๆ
- เวลาจอดติดไฟแดง กระโปรงรถผมจะสั่นเมื่อเหยีบเบรค แต่ถ้าปรับเกียร์เป็น P จะไม่สั่น
หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำรู้สึกมันไม่สั่นแล้ว แต่อันนี้ต้องลองดูอีกทีเพราะขากลับมันผ่านไม่กี่แยก