***สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการไปญี่ปุ่นก่อนปีใหม่ ในความคิด และเกร็ดเล็กน้อยสำหรับช็อปปิ้งเครื่องสำอางค่ะ***

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ นอกจากภาษาญี่ปุ่นงู ๆ ปลา ๆ ที่ได้จากการไปพูดคุยกับเค้าแล้วก็คือ

- คนญี่ปุ่นวินัยดีมาก จะข้ามถนน ต่อให้ถนนว่างก็ไม่ข้ามจนกว่าสัญญานไฟคนข้ามสีเขียวจะเปิด

- คนญี่ปุ่นผิวสวยใสมาก สงสัยไปอยู่สักเดือนผิวคงสวยแบบเค้า แต่เรื่องหน้าสวยคงสู้เค้าไม่ได้จริง ๆ

- คนญี่ปุ่นค้าขาย ให้บริการดีมาก ส่วนใหญ่จะยิ้มแย้มต้อนรับ

- คนขายของในร้าน drug store ไม่มายุ่งยากกับเราให้น่่าเบื่อ เลือกสบายใจมาก เลือกสี สวอนจนมือเปื้อนก็เอาสำลีชุบ cleansing มาให้ ดีจัง ชอบ

- ห้องน้ำญี่ปุ่นแต่ละห้องหาปุ่มโครกยากมาก บางที่ต้องดัน ต้องดึง ต้องชักซ้าย ชักขวา ต้องกด หรือเซ็นเซอร์ให้สัมผัสเอาตามผนัง ไม่รู้อยู่ซ้ายขวาหน้าหลัง  หรือบางที่ก็จัดการธุระให้เอง แต่ยังไม่เคยเจอแบบคำสั่งเสียงนะ ไม่งั้นเราลำบากแน่ แค่นี้เราก็ก้มมุดเงย อยู่ในห้องน้ำจนเหงื่อตกแน่ะ

- ร่มมีขายทุกที่ แม้แต่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า

- จะเข้าร้านขายของช่วงฝนตกมีบริการถุงใส่ร่มฟรี ออกมาก็ทิ้งไว้ตรงกล่องหน้าร้าน

- หาถังขยะที่ญี่ปุ่นยากมาก แม้แต่หน้าร้านค้าสะดวกซื้อยังไม่มีเลย

- 7-11 มีน้อยกว่า Family Mart

- Star Buck เยอะมาก หากคิดจะซื้อกาแฟสดให้ซื้อ Star Buck ได้เลย ร้านกาแฟสดทั่วไปราคาไม่ต่างจาก Star Buck เลย

- จะสั่งกาแฟเย็นสักแก้ว ให้ย้ำว่าเอาเย็นนะ ไม่งั้นได้แบบร้อนแน่นอน

- คนญี่ปุ่นเชื่อในพยากรณ์อากาศของเค้า เพราะแม่นแท้เหลา!!!

- ไข่กวนที่ญี่ปุ่นเป็นอาหารเช้าที่อร่อย แต่หา omlette ไม่ค่อยมีหรอกนะ

- กระดาษเช็ดปากคนญี่ปุ่นบริการแบบกระดาษเปียกมาเลย คือสะอาดแน่ทั้งปากทั้งมือ ใส่ใจเรามาก

- อากาศหนาวเท่าไหร่ ก็เข้าร้านในร่มทุกร้านจะมี heater ให้ความอบอุ่น แม้แต่ในรถ ในร้านค้า อุ่นแน่

- อากาศหนาวว่าแย่แล้ว เราก็ยังพอทนไหว แต่เมื่อฝนตก และมีลมพัดเบา ๆ เราจะรู้สึกยะเยือกเข้ากระดูกหนักเข้าไปอีก แต่คนญี่ปุ่นไม่ไหวติงเลย

- ฝนที่ญี่ปุ่นตกได้น่าเบื่อมาก ตกทั้งวันทั้งคืน แต่คนญี่ปุ่นอดทนมาก คือไม่สนใจเลยฝนตก เดินถือร่มแบบนั้นแหล่ะ ถ้าเป็นบ้านเรานะ ไม่ออกจากบ้านแล้ว

- คนญี่ปุ่นนิยมร่มแบบใส อย่างที่บอกหาซื้อได้ทั่วไปจริง ๆ

- การขึ้นลงบันไดเลื่อนให้ชิดซ้ายไว้ เพราะเลนขวามีไว้สำหรับคนรีบเดินขึ้นลง อันนี้เราชอบนะ ติดมาใช้ที่ไทยด้วย แต่นะ...คนไทยไม่ได้มีวินัยในเรื่องแบบนี้ทุกคนค่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม

- การซื้อของในญี่ปุ่น โดยเฉพาะโตเกียว หาป้ายที่เป็นภาษาญี่ปุ่นยากมากจริง ๆ เช่น ป้ายร้าน Muji ก็เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นพยายามหาพิกัด หาแผนที่ที่เป็นภาษาสากลไว้

- การซื้อของเป็นไปได้ให้ปริ๊นรูป ชื่อสินค้า สีที่ต้องการ จำนวนมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ร้านได้ดูด้วย เค้าจะหาของให้เราได้ง่ายขึ้น เพราะ package มันคล้าย ๆ กัน ถ้าให้ดีถ่ายรูปไปให้เค้าดูได้ก็ดี เพราะบางทีปริ๊นไปมันไม่ชัดพอ เค้าจะได้ขยายรูปจากจอดูได้ชัด อันนี้เราเจอเคสที่น้องฝากซือ้ Royce ที่ duty free เจ้าหน้าที่ต้องขยายรูปจากจอมือถือดูถึงได้หยิบให้ถูกค่ะ

- อย่างที่บอกญี่ปุ่น แม้แต้พวกป้ายสินค้าก็ยังเป็นภาษาอังกฤษเลย หากสามารถมีคนพูดภาษาญี่ปุ่นสื่อสารได้ไปด้วยจะเป็นผลประโยชน์กับเรามาก เพราะจะสื่อสารได้เร็วชัดเจนมาก ทำให้เราไปเที่ยวต่อที่อื่นได้อีก อย่างเรามีแฟนพูดญี่ปุ่นได้ เราเข้าร้านช้าไปหน่อย แต่เราปริ๊นรูป ชื่อสินค้าไป ให้แฟนพูดกับเจ้าหน้าที่ให้ ทำให้เราได้ของแทบทั้งหมด นอกจากตัวที่แพงไป ของไม่มีหรือของหมด เราก็ออกจากร้านได้เร็ว ไม่เสียเวลาเดินเล่น ถ่ายรูป

- การซื้อของที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะพวกเครื่องสำอางในร้าน drug store คอนเฟิร์มเพื่อนรักเพื่อนสนิทให้ดีว่า จะเอาอะไร ยี่ห้ออะไร สีอะไร เท่าไหร่ เอาเท่านี้เท่านั้นแน่นะ ไม่เพิ่มไม่ลดนะ เพราะไม่งั้นพอเราช็อปปิ้งเสร็จ จะมีเพื่อนติดต่อมาบอกว่า "แก หา...ให้ชั้นด้วย" "ชั้นเอา...เพิ่มนะ" "มี...ไม๊ ฝากด้วย" "ขอไอ้นั่นไอ้นี่เพิ่มได้ไหม" แทนที่เราจะรู้สึกว่าจบภาระการหาซื้อของนะ เราก็รู้สึกมันไม่เสร็จอ่ะ ซึ่งเราก็เจอ ยิ่งเป็นพวกแบบแคร์ความรู้สึกเพื่อนด้วย มันมีความรู้สึกแบบว่าจะเจอร้านขายของถูกแบบนี้อีกไม๊หนอ ในใจมันเหมือนไม่จบภาระอ่ะ ใจก็ไม่อยากตัด stock ของตัวเองขายให้ด้วย แต่ไอ้จะหวังที่ duty free ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะบางทีก็ไม่มี บางทีก็หมด บางทีก็แพง ที่เราเจอคือซื้อมา 2 วันแล้ว เพื่อนเพิ่งมาขอ order Whip foam Shiseido ตัวดังเพิ่ม ซึ่งเราไม่เจอร้านขายถูกอีกเลย เราจำใจต้องบอกเพื่อนว่า preorder เอาเถอะนะ เรามีน้อย คงแบ่งให้ได้คนละอันเดียวนะ บอกช้าไปนิดนึง ดีที่เพื่อนเข้าใจค่ะ อันนี้ไปเจอ duty free แพงกว่ากันอีก 2 เท่าตัว

- ถ้ามีเวลาในการช็อปเครื่องสำอางเปรียบเทียบสินค้าที่จะซื้อจากร้าน drug store แถบ ๆ นั้นค่ะเพราะแต่ละร้านสินค้าราคาต่างกันมาก อย่างเราซื้อของจากร้านนึงว่าถูกแล้ว เดินมาข้ามถนนเดินไปอีกนิด เจอถูกกว่าอีก แทบกรี๊ด ซื้อมาเยอะด้วย เลย ต้องมาเหมากันอีกรอบค่ะ

**จะมีเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ค่ะ คิดออกทีละเรื่อง ความประทับใจมันเยอะ**
- ถ้าคิดจะพูดภาษาอังกฤษกับคนญี่ปุ่นให้แบบเข้าใจกันไปเลยทีเดียว หาอายุช่วง 15 - 35 ปี จะลดปัญหาการสื่อสารได้มากกว่า คนมีอายุเยอะ ๆ เค้าเดินหนีเราอ่ะค่ะ แค่สั่งข้าวเองนะ เงิบเลย

- ร้านค้าบางร้านถ้าเราไม่เอาใส่ถุงเค้าลดให้ 2 yen ด้วยนะ อยากให้บ้านเรามีบ้างค่ะ เราได้ใช้โปรนี้ไป 2 ครั้งค่ะ

- ซื้ออะไรไว้ให้รีบเก็บบิลร้านค้ามาแล้วจดเป็นภาษาไทยว่าเจ้า item ที่ซื้อในรายการในบิลมันคืออะไรค่ะ เพราะกรณีช็อปเยอะ ๆ นี่เก็บบิลมามันเยอะ รายการต่อบิลก็เยอะ จะทำให้เราลืมราคา เพราะบิลมันก็ออกเป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ จะสับสนว่าจะไปเก็บที่เค้าฝากซื้อเท่าไหร่ รายการมันอยู่ตรงไหน พอดีตรงนี้เราไม่มีปัญหาเพราะเอาบิลมากองรวมกันแต่ละวันก่อนนอนแล้วให้แฟนอ่านทีละ item ราคาเท่าไหร่ โชคดีไป

- น้ำที่ญี่ปุ่นดื่มจากก๊อกได้เลย ก๊อกส่วนใหญ่มีทั้งร้อนและเย็น ค่อย ๆ ปรับเอานิ้วจิ้มนะ เพราะมันออกมาร้อนเลย หรือเย็นเลย

- โรงแรมในญี่ปุ่นที่เราเจอใช้ Shiseido เป็นผลิตภัณฑ์ห้องน้ำค่ะ ทำเอาแทบจะโยนของที่บ้านที่เตรียมมาทิ้งเลย ปลื้มค่ะ

- น้ำในอ่างอาบน้ำของโรงแรม เต็มเร็วมาก อย่าเผลอเปิดรอไว้นานเหมือนบ้านเราล่ะ ล้นเลยเชียวค่ะ

- เวลาร้านอาหาร แม่ค้าเอาน้ำชามาให้เรากิน อย่าเผลอซดโดยคิดว่ามันแค่อุ่น ๆ ล่ะ ปากเราไหม้มาแล้วค่ะ มันเป็รน้ำที่ออกมาจากกาต้มใหม่ ๆ ชัด ๆ ค่ะ บ้วนทิ้งตรงนั้นเลย ไม่งั้นปากพังแน่ค่ะ ดูเสียมารยาท ระวังหน่อยนะคะ

- ทิชชู่ในห้องน้ำทิ้งลงชักโครกเลยค่ะ เค้ามีการกำจัดที่ดีรองรับตรงนี้ค่ะ ถังขยะในห้องน้ำเล็กกว่าถ้วยน้ำแมวอีกค่ะ ตอนเราไปที่ ๆ คนต่างประเทศไปกันเยอะ ๆ ขยะทิชชู่ล้นเลยค่ะ เห็นไกด์บอกคนไทยเยอะค่ะ

- บางทีโชคดีเจอป้ายเขียนภาษาไทยด้วยนะเออ แสดงว่าคนไทยมาเยอะจริง ๆ เราเจอประมาณว่า "รุ่นนี้นิยม ใช้ดี" --"รักษาความสะอาดด้วย"

- หนาวขนาดไหน แต่ก็เห็นวัยรุ่นและเด็กญี่ปุ่นนถือไอติมกินสบายใจเฉิบ เงิบได้อีกเรา

- ก่อนนั่งชักโครกสังเกตให้ดี บางที่มันจะมีกระดาษรองโถให้ด้วย จะได้นั่งแบบกล้า ๆ เรานี่นั่งเสร็จแล้วค่อยสังเกตเห็นหลายที่เลย เสียดาย ถ้าเห็นเร็วก็จะได้ใช้

- วัยรุ่นญี่ปุ่นนั่งดูนั่งกดมือถือจึ๊ก ๆ กันบนรถไฟ หรือที่นั่ง ร้านอาหาร พอมีให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็นแบบที่นั่งกดกันทุกคนไม่สนคนในโต๊ะนะ โดยเฉพาะบนทางเดิน ทางข้ามถนน ไม่เคยเห็นใครกดไปเดินไป หยุดไป เหมือนคนไทยแฮะ สงสัย Thailand Only แฮะ

ถูกผิดอย่างไร อันนี้เป็นความเห็นจากการสังเกตของเรานะ ใครมีอะไรเพิ่มเติมแนะนำบอกต่อได้ค่ะ เพราะเราไปเที่ยวแค่แป๊บเดียว ก็อาจจะสัมผัสได้ไม่รอบด้านค่ะ

ปล เดี๋ยวขอเวลาย่อลงรูปเพื่อรีวิวเครื่องสำอางที่ซื้อมาก่อนนะคะ ถ้ามีเวลาจะลงสถานที่เที่ยวผ่านมาให้ดูด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่