ศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มศว เผยวิธีรับมือวันสิ้นโลก
ศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มศว บอกวิธีรับมือวันสิ้นโลก 21/12/2012 แนะควรดำรงอยู่กับปัจจุบัน ไม่วิตกกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง พร้อมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง
ดร.จิตรา ดุษฏีเมธา ประธานโครงการศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากกระแสเรื่องวันสิ้นโลก วันที่ 21 เดือน ธ.ค. เดือนที่ 12 ตามปฏิทินสากล ปี ค.ศ.2012 หรือ 21/12/2012 ซึ่งมีการตีความเชื่อมโยงกับปฏิทินมายาของชนเผ่าโบราณแห่งอาณาจักรมายานั้น ว่า เป็นเรื่องที่เกิดจากกระแสความกลัวที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เราจะกลัวกับสิ่งที่ไม่แน่นอนในชีวิต สิ่งที่คาดเดาหรือสิ่งที่ยังไม่เกิด เพราะมนุษย์ชอบความมั่นคงแน่นอนและต้องการความปลอดภัยในชีวิต เมื่อมีข่าวในลักษณะนี้ออกมา ทำให้เราเห็นถึงความไม่มั่นคงในชีวิต และเกิดความกลัวขึ้น ซึ่งความกลัวในจิตใจมนุษย์ทุกคนมีอยู่แล้ว ซึ่งมาจากการต้องการชีวิตที่สุขสบาย มั่นคงและมีความสุขปลอดภัย เมื่อมีกระแสข่าวโลกจะแตกทำให้มนุษย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียความมั่นคง ความปลอดภัยความสะดวกสบายในชีวิต ประกอบกับข่าวสารที่โหมกระหน่ำทุกวันก็ยิ่งทำให้คนเรายิ่งวิตกกังวลมากขึ้นๆ คนที่นำเสนอข้อมูลเรื่องวันสิ้นโลกก็เล่นกับกระแสความกลัวของมนุษย์ สร้างกระแสข่าวคู่ไปกับความกลัว คนก็ตื่นกลัวตื่นตูมและเชื่อในข่าวลือ และนำไปเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากทั่วมุมโลก คนก็ยิ่งเชื่อมากขึ้นๆ
“ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกหรือไม่ อยากบอกผู้คนในสังคมว่า คนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ดังนั้นเราต้องอยู่กับปัจจุบัน เรากำหนดความตายไม่ได้ว่าจะตายวันไหน แต่ทำอย่างไรให้เรามีสติกับทุกขณะเวลาและอยู่กับปัจจุบันให้ได้ และจงทำทุกอย่างในวินาทีนี้ให้ดีที่สุด อย่าให้เกิดการคั้งค้างคาใจ หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ได้ทำ เก็บความโกรธ ความโมโหและผลัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา หลายคนจึงกลัวตายเพราะรู้ว่าตัวเองยังทำอะไรได้ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าเราได้ทำทุกอย่างในทุกวันให้เสร็จสมบูรณ์หรือดีที่สุด ไม่ค้างคา ไม่เคืองแค้น เราก็จะโปร่งเบาและพร้อมจะรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง พร้อมจะรับเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ได้ อะไรจะเกิดก็พร้อมรับสภาพอย่างคงที่เตรียมตัวเองอยู่ในความพร้อมตลอดเวลา”
ดร.จิตรา กล่าวอีกว่า คนบางไม่เคยพูดดีกับคนในครอบครัว ไม่เคยกอดแม่ ไม่เคยให้อภัยเวลาที่โกรธหรือทะเลาะกับเพื่อนๆ หรือคนใกล้ชิด มันมีการคั้งค้างใจ จิตไม่เสร็จสมบูรณ์ คนประเภทนี้จะเป็นคนที่ตื่นกลัวกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง และกังวลกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรามีอยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากแต่สิ่งที่เราดูแลและควบคุมได้มีถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ
อ้างอิง
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9550000152243
เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส...รับมือ.."วันสิ้นโลก"...^^
ศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มศว บอกวิธีรับมือวันสิ้นโลก 21/12/2012 แนะควรดำรงอยู่กับปัจจุบัน ไม่วิตกกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง พร้อมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง
ดร.จิตรา ดุษฏีเมธา ประธานโครงการศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากกระแสเรื่องวันสิ้นโลก วันที่ 21 เดือน ธ.ค. เดือนที่ 12 ตามปฏิทินสากล ปี ค.ศ.2012 หรือ 21/12/2012 ซึ่งมีการตีความเชื่อมโยงกับปฏิทินมายาของชนเผ่าโบราณแห่งอาณาจักรมายานั้น ว่า เป็นเรื่องที่เกิดจากกระแสความกลัวที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เราจะกลัวกับสิ่งที่ไม่แน่นอนในชีวิต สิ่งที่คาดเดาหรือสิ่งที่ยังไม่เกิด เพราะมนุษย์ชอบความมั่นคงแน่นอนและต้องการความปลอดภัยในชีวิต เมื่อมีข่าวในลักษณะนี้ออกมา ทำให้เราเห็นถึงความไม่มั่นคงในชีวิต และเกิดความกลัวขึ้น ซึ่งความกลัวในจิตใจมนุษย์ทุกคนมีอยู่แล้ว ซึ่งมาจากการต้องการชีวิตที่สุขสบาย มั่นคงและมีความสุขปลอดภัย เมื่อมีกระแสข่าวโลกจะแตกทำให้มนุษย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะสูญเสียความมั่นคง ความปลอดภัยความสะดวกสบายในชีวิต ประกอบกับข่าวสารที่โหมกระหน่ำทุกวันก็ยิ่งทำให้คนเรายิ่งวิตกกังวลมากขึ้นๆ คนที่นำเสนอข้อมูลเรื่องวันสิ้นโลกก็เล่นกับกระแสความกลัวของมนุษย์ สร้างกระแสข่าวคู่ไปกับความกลัว คนก็ตื่นกลัวตื่นตูมและเชื่อในข่าวลือ และนำไปเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากทั่วมุมโลก คนก็ยิ่งเชื่อมากขึ้นๆ
“ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์วันสิ้นโลกหรือไม่ อยากบอกผู้คนในสังคมว่า คนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ดังนั้นเราต้องอยู่กับปัจจุบัน เรากำหนดความตายไม่ได้ว่าจะตายวันไหน แต่ทำอย่างไรให้เรามีสติกับทุกขณะเวลาและอยู่กับปัจจุบันให้ได้ และจงทำทุกอย่างในวินาทีนี้ให้ดีที่สุด อย่าให้เกิดการคั้งค้างคาใจ หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ได้ทำ เก็บความโกรธ ความโมโหและผลัดวันประกันพรุ่งอยู่ตลอดเวลา หลายคนจึงกลัวตายเพราะรู้ว่าตัวเองยังทำอะไรได้ไม่สมบูรณ์ แต่ถ้าเราได้ทำทุกอย่างในทุกวันให้เสร็จสมบูรณ์หรือดีที่สุด ไม่ค้างคา ไม่เคืองแค้น เราก็จะโปร่งเบาและพร้อมจะรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง พร้อมจะรับเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ได้ อะไรจะเกิดก็พร้อมรับสภาพอย่างคงที่เตรียมตัวเองอยู่ในความพร้อมตลอดเวลา”
ดร.จิตรา กล่าวอีกว่า คนบางไม่เคยพูดดีกับคนในครอบครัว ไม่เคยกอดแม่ ไม่เคยให้อภัยเวลาที่โกรธหรือทะเลาะกับเพื่อนๆ หรือคนใกล้ชิด มันมีการคั้งค้างใจ จิตไม่เสร็จสมบูรณ์ คนประเภทนี้จะเป็นคนที่ตื่นกลัวกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง และกังวลกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรามีอยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หากแต่สิ่งที่เราดูแลและควบคุมได้มีถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ
อ้างอิง
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9550000152243