เปิดยุทธศาสตร์สำรองน้ำมันแบบ "ญี่ปุ่น" หยุดนำเข้าได้นาน 172 วัน

กระทู้สนทนา
เปิดยุทธศาสตร์สำรองน้ำมันแบบ "ญี่ปุ่น" หยุดนำเข้าได้นาน 172 วัน

กระทรวงพลังงานเตรียมเพิ่มสำรองน้ำมันของประเทศจาก 5% เป็น 6% ในปีหน้า พร้อมตั้งเป้าเพิ่มเป็น 90 วันรองรับเออีซี เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ชูต้นแบบสำรองน้ำมันที่ญี่ปุ่น แบบแท็งก์ลอยน้ำและบางส่วนจมลงไปในทะเล เพื่อความสะดวกในการขนย้าย

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินนโยบายการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จะเป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าในปีหน้า ธพ.จะสามารถออกประกาศรายละเอียดในเรื่องนี้ได้ เพื่อให้บริษัทน้ำมันของภาครัฐและเอกชนรับไปดำเนินการ เบื้องต้นคงต้องมีหน่วยงานกลางขึ้นมาดูแลในเรื่องการบริหารจัดการคลังน้ำมัน การจัดซื้อน้ำมัน การสั่งจ่ายน้ำมันออกจากคลัง การหาแหล่งเงินทุนไปซื้อน้ำมัน ฯลฯ

“เมื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ประเทศไทยควรมีการสำรองน้ำมันเพ่ิมขึ้น ซึ่งหมายถึงการเก็บกักน้ำมันทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูป โดยจะไม่มีการนำออกมาใช้งานไม่ว่ากรณีใดๆ ยกเว้นเหตุสุดวิสัยหรือจำเป็นจริงๆ เช่น เกิดสงครามในอ่าวเปอร์เซีย ที่แหล่งน้ำมันถูกตัดขาดไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ ประเทศไทยจึงจะนำน้ำมันสำรองออกมาใช้ และการสำรองน้ำมันคือการเพิ่มความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำมัน”

ปัจจุบันประเทศไทยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 สำรองน้ำมันดิบและสำเร็จรูปประเภทละ 18 วัน หรือรวม 36 วัน และเป้าหมายของ กพช.ได้กำหนดว่าประเทศไทยควรสำรองเพิ่มเป็น 90 วัน แยกเป็นสำรองโดยภาคเอกชน 43 วัน สำรองโดยภาครัฐ 47 วัน ขณะที่ในทวีปเอเชีย พบว่าญี่ปุ่นมีการสำรองน้ำมันรวม 172 วัน เกาหลีใต้ 193 วัน จีน 98 วัน อินโดนีเซีย 23 วัน เวียดนาม 30 วัน ฟิลิปปินส์ 22 วัน

นายสราวุธกล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้นำคณะสื่อมวลชนไปศึกษาดูงานเรื่องการสำรองน้ำมันที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นต้องนำเข้าพลังงานทั้ง 100% และเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบเป็นอันดับ 3 ของโลก มีการใช้น้ำมันวันละ 4.4 ล้านบาร์เรล มีโรงกลั่นน้ำมัน 27 แห่ง มีกำลังการผลิตรวมกัน 4.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน

“การสำรองน้ำมันของญี่ปุ่นเป็นการสำรองไว้ในคลังน้ำมัน ในรูปแบบของการฝังไว้ในโพรงหินในชั้นใต้ดิน, บรรจุไว้ในคลังน้ำมันบนบกเหมือนของประเทศไทย และการสร้างแท็งก์บรรจุน้ำมันลอยไว้ในทะเลและตัวถังน้ำมันส่วนหนึ่งจมอยู่ในทะเล และคลังน้ำมันที่ฝังไว้ในใต้ดิน”

คลังสำรองน้ำมันของญี่ปุ่นมีการบริหารจัดการโดย Japan Oil Gas and Metals National Corporation หรือ JOGMEC ล่าสุดญี่ปุ่นมีคลังสำรองน้ำมันของภาครัฐ 10 คลัง ปริมาณรวม 252 ล้านบาร์เรล และ JOGMEC ยังเช่าคลังสำรองน้ำมันของบริษัทเอกชนในญี่ปุ่นรวมกันอีก 107 ล้านบาร์เรล รวมเป็นน้ำมันสำรอง 359 ล้านบาร์เรล

สำหรับคลังสำรองน้ำมัน (ในรูป) เป็นคลังสำรองน้ำมันที่เมืองฟูกูโอกะ เป็นคลังแบบแท็งก์บรรจุน้ำมันลอยน้ำ ส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งตัวแท็งก์จมลงไปในทะเล ลึก 25 เมตร บนพื้นที่ที่มีสภาพเป็นเกาะกลางทะเล และเป็นคลังสำรองน้ำมันแห่งแรกของโลกที่ใช้วิธีการดังกล่าว เนื่องจากญี่ปุ่นประสบปัญหาแผ่นดินไหวบ่อยมาก จึงต้องมีการเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ

และแม้ว่าจะจมอยู่ในทะเลบางส่วน ก็สามารถใช้เรือบรรทุกขนาดใหญ่มาลากจูงออกไปได้ตลอดเวลาหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น เพราะมีการแบ่งตัวแท็งก์ออกเป็น 7 ใบ รวม 5.6 ล้านลิตร บริเวณโดยรวมของคลังมีการก่อสร้างเขื่อนหรือกำแพงคอนกรีตขนาดใหญ่สูงกว่า 3 เมตร เพื่อเป็นกำแพงป้องกันสึนามิ แท็งก์บรรจุน้ำมันแต่ละแท็งก์ยังมีวาล์วเปิดปิด เพื่อให้เกิดการถ่ายเทน้ำมันได้ตลอดเวลา เพื่อรักษาคุณภาพของเนื้อน้ำมันไม่ให้เสื่อมสภาพ

คลังสำรองน้ำมันแห่งนี้มีการกว้านซื้อน้ำมันดิบเข้ามาเก็บกักเมื่อปี 2539 ขณะนั้นราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 25 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ล่าสุดน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 100-105 เหรียญฯ จึงถือว่าญี่ปุ่นประสบความสำเร็จหรือมีกำไรจากการสำรอง หากมีการนำน้ำมันออกมาขายทำกำไร

ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าต้นทุนการสำรองน้ำมันของญี่ปุ่น ก็เป็นภาระของคนญี่ปุ่นที่ต้องจ่ายเงินในการซื้อน้ำมันเหมือนกับกองทุนน้ำมันของไทย ที่เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปสะสมไว้ในกองทุนน้ำมัน แต่ของญี่ปุ่นจะนำเงินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำมันไปเป็นต้นทุนในการซื้อน้ำมันมาสำรองไว้ในประเทศ ยกตัวอย่าง เช่น ราคาน้ำมันเบนซินของญี่ปุ่นอยู่ที่ 140 เยนต่อลิตร หรือ 56 บาทต่อลิตร ในจำนวนนี้ 54 เยนต่อลิตร ถูกส่งเข้าไปสะสมในกองทุนสำหรับซื้อน้ำมันสำรอง หรือคิดเป็นเงินไทย 21 บาทต่อลิตร

“คาดว่าปีหน้า ธพ.จะออกประกาศเรื่องการเพิ่มสำรองน้ำมัน จากปัจจุบัน 5% ให้เป็น 6% หรือเพิ่มจาก 36 วัน เป็น 44 วัน หรือจาก 26 ล้านบาร์เรล เป็น 31 ล้านบาร์เรล”

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเพิ่มสำรองน้ำมันเป็น 6% ต้องใช้เวลา 3-5 ปี ในการก่อสร้าง และทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดย ปตท.ต้องเพิ่มสำรองน้ำมันอีก 1 ล้านบาร์เรล คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนก่อสร้างคลังสำรองน้ำมัน 4,000 ล้านบาท.

http://www.thairath.co.th/content/eco/313725
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ 
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่