อุบาสกสิงขร
หลังจากเจอครุฑ คนข้ามภพมาจากโลกมนุษย์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เจอศตรรฆ เพราะนอกจากเขาจะช่วยเหลือเธอครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว ยังไม่เคยพูดจาหรือทำท่าจะลวนลามเธอเหมือนครุฑพวกนั้นเลยสักครั้ง แต่ที่เขาต้องวิ่งไล่จับเธอถึงขั้นฉุดมือถือแขนข้างน้ำตกนั่น เป็นเพราะว่าเธอวิ่งหนีเขาก่อน
เมื่อพบชายชราที่ศตรรฆเรียกว่าปู่ หญิงสาวจึงรู้สึกเคารพท่านทันที ด้วยกิริยาอันดูคล้ายผู้ทรงศีลที่ไม่ควรอยู่ใกล้สตรี พลอยจึงเดินตามท่านห่างๆ
จนถึงสถานที่ที่ศตรรฆเรียกว่าอาศรมลับแล เป็นกระท่อมหลังเล็กสร้างอย่างประณีตจากไม้ไผ่ ตั้งอยู่กลางลานโล่งหน้าถ้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยป่าไม้เบญจพรรณดูร่มรื่น ด้านหน้ามีกันสาดยื่นออกมาวางแคร่ไว้ตัวหนึ่ง ปู่สิงขรเดินเข้าไปนั่งยังแคร่นี้ กลิ่นหอมของดอกไม้ซึ่งขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณช่างหอมชื่นใจ ชวนให้พลอยรู้สึกว่าอาศรมแห่งนี้ช่างสงบสุขนัก
แต่วินาทีต่อมาเธอก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นสัตว์สี่เท้าสีเทาขนาดเท่าเสือสามตัววิ่งกรูออกมาจากถ้ำ พวกมันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตรงเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเลียประจบประแจงศตรรฆกันใหญ่ เจ้านาคก็หัวเราะชอบใจเอามือลูบหัวตัวนั้นลูบหลังตัวนี้
พลอยถึงกับขาแข็งก้าวไม่ออก มือไม้อ่อนยืนดูสัตว์ที่คล้ายแมวยักษ์พวกนั้นแต่ไกล อยากวิ่งหนีแต่ก็เชื่อว่าศตรรฆคงไม่ปล่อยให้พวกมันมาทำร้ายเธอแน่ ได้แต่ทำใจว่า “อะนะ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ที่นี่ป่าหิมพานต์นี่นา”
แล้วแมวยักษ์ตัวหนึ่งก็หันมาจ้องเธอด้วย มันก้มหัวลงเขี่ยเท้าที่พื้นทำท่าจะวิ่งเข้ามาหา
“ยะ...แย่แล้ว” หญิงสาวหน้าซีด ก้าวถอยหลัง
ขณะที่มันวิ่งมาได้ครึ่งทางและกำลังตั้งท่าจะกระโจนใส่แขกแปลกหน้า ก็มีเสียงคำรามลั่นออกมาจากถ้ำ ทำเอาพลอยขนลุกเกรียว สิ้นเสียงคำราม เจ้าแมวยักษ์ตัวนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมาย วิ่งกระดี๊กระด๊ากลับไปทางถ้ำพร้อมพี่น้องสองตัวที่เหลือ ภาพต่อมาทำเอาพลอยต้องรีบวิ่งไปหลบด้านหลังศตรรฆ...อีกแล้ว
สิงโตเพศเมียสีดำมะเมื่อมตัวโตเท่าวัวค่อยๆ เดินเยื้องย่างสง่างามออกมาจากถ้ำ
เจ้าหนุ่มผิวสีหัวเราะคิกคัก “เจ้าเลิกกลัวข้าที่เป็นนาคราชแต่กลับไปกลัวกาฬสีหะเสียแล้วรึ เจ้าไม่คิดกระมังว่าพญานาคเกล็ดนิลอย่างข้าน่ะ ร้ายกาจกว่าพวกมันเป็นร้อยเท่า”
คำเตือนของศตรรฆได้ผล พลอยสะดุ้งก้าวถอยหลังออกห่างชายร่างสูงทันที
แล้วนางกาฬสีหะตัวงามก็เดินไปย่อตัวนั่งลงข้างชายชราโดยมีลูกๆ ของมันวิ่งตามมาแย่งกันดูดนมเสียงดัง
“ไป เข้าไปคุยกับปู่ข้า ถ้าราชสีห์พวกนั้นมันจะทำร้ายเจ้า เจ้าคงไร้ซากไปนานแล้ว”
ชายร่างเพรียวดึงหญิงสาวที่กำลังยืนตัวสั่นให้เดินตามเข้าไปหาปู่ ทั้งคู่นั่งลงด้านตรงข้ามกับกลุ่มแม่ลูกราชสิงห์
อุบาสกสิงขรใช้กระบวยตักน้ำในตุ่มเล็กข้างกายส่งให้ศตรรฆ แล้วถามเหมือนรู้ว่าเจ้านาคตัวดีแอบหนีเที่ยว “เป็นอย่างไร น้ำตกหิมพานต์งามกว่าปะการังกลางสีทันดรมากไหม”
“แหม...ข้ากลับมาช้าไม่กี่วันเองปู่” ฝ่ายถูกถามส่งน้ำต่อให้พลอยแล้วทำท่าอึกอักตอบแบบไม่เต็มเสียง “แต่เพราะมาช้าข้าถึงได้ทำความดี...ปู่ดูเถิด ข้าไปช่วยลูกมนุษย์ผู้หนึ่งมาเชียวนา”
หญิงสาวทั้งดื่มน้ำทั้งชื่นชมศตรรฆในใจ เขาเก่งจริงที่สามารถพูดเอาผิดเป็นชอบได้
ท่านอุบาสกสิงขรหันมาทางพลอยบ้าง “จริงรึ ไหนลองเล่ามา เรื่องราวแท้จริงเป็นเช่นไร”
“นางถูกสิ่งที่เรียกว่ารถชนเข้าน่ะปู่ ข้าก็ไม่เข้าใจดอกว่ารถคือสิ่งใดแต่ที่เมืองมนุษย์เอาไว้ใช้สำหรับเดินทาง”
หญิงสาวจากโลกมนุษย์แทบสำลัก ตกลงใครที่ถูกถามกันแน่
“นางเสียใจมากที่อุบัติขึ้นกลางป่าหิมพานต์ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ข้าเห็นแล้วสงสารจึงชวนมาหาปู่” เจ้านาคยืดอก “ปู่ต้องเห็นความดีข้านา ข้าอุตส่าห์หาทางช่วยปู่สร้างบารมี หากปู่ช่วยส่งนางผู้นี้กลับโลกมนุษย์ได้ ข้าว่าวันนี้พรุ่งนี้ปู่ถึงนิพพานแน่นอน”
ขวับ! ปู่ตวัดไม้ท้าวฟาดลงบนศีรษะเยิ้มน้ำมันเสียงดัง โป๊ก! ก่อนเอ็ดไม่สบอารมณ์ว่า
“หุบปาก! เอ็งรู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับนิพพานบ้าง ข้าอนุญาตให้เอ็งไปเยี่ยมมารดาเสร็จแล้วให้รีบมา แต่นี่เจ้ากลับแอบหนีเที่ยว...ระวังตัวเอาไว้บ้างเถิด ศตรรฆ หากเจอกองทัพครุฑขึ้นมาจะว่าอย่างไร”
ได้ผล เจ้านาคเกล็ดนิลยกมือขึ้นกุมหัวเงียบเสียงลง หากยังส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือก
พลอยเห็นปู่ถอนหายใจเบื่อหน่ายก่อนหันมาทางเธออีกครั้ง “เอ้า! คราวนี้บอกปู่มาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร”
หญิงสาวผู้หาทางกลับโลกมนุษย์จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้อุบาสกสิงขรฟัง เมื่อจบแล้วก็ทำใจถามแบบไม่เต็มเสียงว่า “ปู่ทราบไหมคะว่าพลอยตายแล้วหรือยัง”
ชายชราหลับตาลงนิ่งเงียบ ผ่านไปสักครู่จึงตอบว่า “ยัง ยังไม่ตาย...เจ้ายังมีพลังชีวิตมนุษย์เหลืออยู่แม้จะเบาบางมากก็ตามที แต่หากจะถามปู่ว่าเหตุใดเจ้าจึงแหกกฎธรรมชาติข้ามภพมายังป่าหิมพานต์ได้นั้นปู่ก็สุดจะเดา เพราะการกระโดดข้ามมิติต้องใช้พลังงานมหาศาล แลผู้จะสามารถสร้างพลังงานเช่นนั้นได้ต้องมีจิตเจริญถึงขั้นสูงสุด ดังนั้นหากเจ้าไม่มีเจ้ากรรมนายเวรอธิษฐานผูกพันไว้ก็คงเป็นตัวเจ้าเองนั่นละสร้าง”
“โอย...ก่อไฟยังทำไม่เป็น คงสร้างพลังข้ามภพได้ละปู่” หนุ่มผิวสีหัวเราะอีกรอบ
“ถ้า...ถ้าเป็นแบบนั้น...พลอยพอจะมีทางกลับโลกมนุษย์ได้ไหมคะ” เธอถามเสียงสั่น รู้ดีว่าตัวเองไม่อยู่ในกลุ่มของบุคคลซึ่งท่านสิงขรยกตัวอย่าง กลัวเหลือเกินว่าคำตอบจะคือ...ไม่
“หนทางนั้นมีอยู่ เมื่อมาได้ก็ต้องกลับไปได้ เว้นเสียแต่ว่าพลังชีวิตของเจ้าจะดับลงก่อน แต่กลับไปอย่างไรนั้น เจ้าต้องหาหนทางเอาเอง อย่าให้ปู่เข้าไปวุ่นวายกับวิถีเจ้ากรรมนายเวรของเจ้าเลย ไม่ดีดอก”
“อ้าวปู่...ที่ว่ามาตั้งนานนี่ไม่ช่วยดอกรึ ข้าอุตส่าห์คุยเอาไว้ว่าปู่เก่ง” เจ้านาคแทรก
“เอ็งอย่ากวนให้เสียเรื่องได้ไหม” ปู่ดุศตรรฆแล้วหันมาทางพลอย “หลักง่ายๆ มีอยู่ว่าเหตุทำให้เกิดผล เจ้าหลงมาหิมพานต์ได้ก็ต้องมีเหตุอยู่ ไหนลองใคร่ครวญดูให้ดี เมื่อยังอยู่แดนมนุษย์เคยพบเจอเรื่องแปลกประหลาดอันใดบ้าง”
พลอยนิ่งเงียบคิดตามคำท่านอุบาสก...จริงอยู่เหตุทำให้เกิดผล แต่เหตุที่ว่าคืออะไรหนอ...
ส่วนเรื่องประหลาด ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเจอคราวนี้เอง ปกติแล้วชีวิตเธอเรียบง่าย ตอนเรียนมัธยมตื่นแต่เช้าช่วยแม่ทำขนมก่อนไปเรียนหนังสือ เย็นกลับมาล้างหม้อล้างถาด ช่วยแม่ปั้นขนมเสร็จแล้วทำการบ้านอ่านหนังสือจนดึก ยิ่งมาเรียนพยาบาลก็ยิ่งไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ที่โรงพยาบาลกับหอพักแทบจะไม่มีเวลากลับไปเยี่ยมแม่ด้วยซ้ำ เธอจึงส่ายศีรษะเพราะจนปัญญา
“แล้วบาปเล่า เจ้าเคยก่อกรรมทำชั่วเอาไว้กับผู้ใดหรือไม่”
“ทำบาป...” พลอยพยายามนึกย้อน เล่าสิ่งที่คิดว่าเป็นบาปกรรมทั้งหมดที่ตัวเองเคยก่อไว้
ปู่ยิ้มน้อยๆ “บาปกรรมเท่านั้น มันพาเจ้ามาข้ามภพชาติมาไม่ได้ดอก”
ถามกันไปมาจนฟ้ามืดก็ยังไม่พบคำตอบว่าอะไรคือสาเหตุทำให้มนุษย์อย่างเธอข้ามภพได้ อากาศหนาวเย็นเริ่มปกคลุม เจ้านาคราชออกไปหาฟืนมาก่อกองไฟในหลุมหินกลางลาน สร้างแสงสว่างอบอุ่นให้ทั่วบริเวณ ส่วนแม่สิงห์ปล่อยลูกๆ วิ่งเล่นกวนศตรรฆ สักพักก็คาบหน่อไม้หน่อใหญ่กลับมา หญิงสาวจึงได้หน่อไม้ย่างหวานอร่อยเป็นอาหารค่ำ
“ปู่ปลูกกระท่อมหลังเล็กไว้ริมลำธารด้านโน้น คืนนี้ให้เจ้าลงไปนอนที่นั่น พักผ่อนให้สบายเถิด”
พลอยไหว้ขอบคุณปู่สิงขรก่อนเดินไปตามทางที่ท่านชี้ ลงเนินครู่เดียวก็เจอลำธารและกระท่อมไม้ไผ่อีกหลัง ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวขึ้นบันไดเจ้านาคก็วิ่งตามมา เขาโยนผ้าเก่าผืนหนึ่งให้ก่อนหาฟืนมาก่อกองไฟข้างกระท่อม
หญิงสาวมองผ้าในมือแล้วยิ้ม นึกดีใจว่าจะได้ซักชุดเหม็นหึ่งที่เธอทนใส่มาหลายวันแล้วนี่เสียที ทั้งตอนนี้ขาเธอก็ระบบจนแทบก้าวไม่ออก ได้เอาเท้าแช่น้ำคงดีไม่น้อย
“เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวสิ่งใด รอบอาศรมปู่กั้นไว้เป็นเมืองลับแล หากไม่อนุญาตก็ไม่มีผู้ใดล่วงผ่านเข้ามาได้”
“จะกลัวก็แต่นายนั่นแหละ” พลอยบอกศตรรฆเมื่อเห็นเขาหันหลังให้
เจ้านาคหันกลับมาแลบลิ้นสองแฉกหลอกเธอ
น้ำในลำธารเย็นจัดแต่ได้แสงอุ่นจากกองไฟที่ศตรรฆก่อให้ก็ไม่เลวร้ายนัก พลอยอาบน้ำซักผ้าเสร็จแล้วก็ลากขาขึ้นมาเอนหลังในกระท่อม ในใจยังหนักอึ้งเหมือนเดิมเพราะไม่รู้ว่าจะกลับโลกมนุษย์ได้อย่างไร เสียงลำธารไหลรินฟังแล้วชวนให้จิตใจสงบลงได้บ้าง ถึงยังนึกกลัวนาคราชและครอบครัวกาฬสีหะอยู่ แต่เพราะเดินเท้าทางไกลมาหลายวัน ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
แล้วเธอก็ฝันถึงสถานที่เดิมอีกครั้ง ท่ามกลางสายลมแรงหวีดร้องราวปีศาจโหยหวน บนขุนเขาสูงเสียดฟ้ามีถ้ำมืดหนาวเย็นเสียดกระดูกซ่อนอยู่ในเหวลึก ใครกันสะอื้นร้องไห้คร่ำครวญกลอนบทนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครกันที่นอนกอดร่างไร้วิญญาณไว้ด้วยหยาดน้ำตา
ใคร...ที่เธอห่วงหาและอยากพบเขาเหลือเกิน
“เจ้าเอย ความฝัน ความหวัง พังแล้ว
ความสุข ไร้แวว..................เสน่หา
ความรัก ไร้เจ้า...................คู่กายา
สิ้นชีวา จักตามหา...............มาเคียงกัน”
ปีกหิมพานต์...2 อุบาสกสิงขร
อุบาสกสิงขร
หลังจากเจอครุฑ คนข้ามภพมาจากโลกมนุษย์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เจอศตรรฆ เพราะนอกจากเขาจะช่วยเหลือเธอครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว ยังไม่เคยพูดจาหรือทำท่าจะลวนลามเธอเหมือนครุฑพวกนั้นเลยสักครั้ง แต่ที่เขาต้องวิ่งไล่จับเธอถึงขั้นฉุดมือถือแขนข้างน้ำตกนั่น เป็นเพราะว่าเธอวิ่งหนีเขาก่อน
เมื่อพบชายชราที่ศตรรฆเรียกว่าปู่ หญิงสาวจึงรู้สึกเคารพท่านทันที ด้วยกิริยาอันดูคล้ายผู้ทรงศีลที่ไม่ควรอยู่ใกล้สตรี พลอยจึงเดินตามท่านห่างๆ
จนถึงสถานที่ที่ศตรรฆเรียกว่าอาศรมลับแล เป็นกระท่อมหลังเล็กสร้างอย่างประณีตจากไม้ไผ่ ตั้งอยู่กลางลานโล่งหน้าถ้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยป่าไม้เบญจพรรณดูร่มรื่น ด้านหน้ามีกันสาดยื่นออกมาวางแคร่ไว้ตัวหนึ่ง ปู่สิงขรเดินเข้าไปนั่งยังแคร่นี้ กลิ่นหอมของดอกไม้ซึ่งขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณช่างหอมชื่นใจ ชวนให้พลอยรู้สึกว่าอาศรมแห่งนี้ช่างสงบสุขนัก
แต่วินาทีต่อมาเธอก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นสัตว์สี่เท้าสีเทาขนาดเท่าเสือสามตัววิ่งกรูออกมาจากถ้ำ พวกมันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตรงเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเลียประจบประแจงศตรรฆกันใหญ่ เจ้านาคก็หัวเราะชอบใจเอามือลูบหัวตัวนั้นลูบหลังตัวนี้
พลอยถึงกับขาแข็งก้าวไม่ออก มือไม้อ่อนยืนดูสัตว์ที่คล้ายแมวยักษ์พวกนั้นแต่ไกล อยากวิ่งหนีแต่ก็เชื่อว่าศตรรฆคงไม่ปล่อยให้พวกมันมาทำร้ายเธอแน่ ได้แต่ทำใจว่า “อะนะ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ที่นี่ป่าหิมพานต์นี่นา”
แล้วแมวยักษ์ตัวหนึ่งก็หันมาจ้องเธอด้วย มันก้มหัวลงเขี่ยเท้าที่พื้นทำท่าจะวิ่งเข้ามาหา
“ยะ...แย่แล้ว” หญิงสาวหน้าซีด ก้าวถอยหลัง
ขณะที่มันวิ่งมาได้ครึ่งทางและกำลังตั้งท่าจะกระโจนใส่แขกแปลกหน้า ก็มีเสียงคำรามลั่นออกมาจากถ้ำ ทำเอาพลอยขนลุกเกรียว สิ้นเสียงคำราม เจ้าแมวยักษ์ตัวนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมาย วิ่งกระดี๊กระด๊ากลับไปทางถ้ำพร้อมพี่น้องสองตัวที่เหลือ ภาพต่อมาทำเอาพลอยต้องรีบวิ่งไปหลบด้านหลังศตรรฆ...อีกแล้ว
สิงโตเพศเมียสีดำมะเมื่อมตัวโตเท่าวัวค่อยๆ เดินเยื้องย่างสง่างามออกมาจากถ้ำ
เจ้าหนุ่มผิวสีหัวเราะคิกคัก “เจ้าเลิกกลัวข้าที่เป็นนาคราชแต่กลับไปกลัวกาฬสีหะเสียแล้วรึ เจ้าไม่คิดกระมังว่าพญานาคเกล็ดนิลอย่างข้าน่ะ ร้ายกาจกว่าพวกมันเป็นร้อยเท่า”
คำเตือนของศตรรฆได้ผล พลอยสะดุ้งก้าวถอยหลังออกห่างชายร่างสูงทันที
แล้วนางกาฬสีหะตัวงามก็เดินไปย่อตัวนั่งลงข้างชายชราโดยมีลูกๆ ของมันวิ่งตามมาแย่งกันดูดนมเสียงดัง
“ไป เข้าไปคุยกับปู่ข้า ถ้าราชสีห์พวกนั้นมันจะทำร้ายเจ้า เจ้าคงไร้ซากไปนานแล้ว”
ชายร่างเพรียวดึงหญิงสาวที่กำลังยืนตัวสั่นให้เดินตามเข้าไปหาปู่ ทั้งคู่นั่งลงด้านตรงข้ามกับกลุ่มแม่ลูกราชสิงห์
อุบาสกสิงขรใช้กระบวยตักน้ำในตุ่มเล็กข้างกายส่งให้ศตรรฆ แล้วถามเหมือนรู้ว่าเจ้านาคตัวดีแอบหนีเที่ยว “เป็นอย่างไร น้ำตกหิมพานต์งามกว่าปะการังกลางสีทันดรมากไหม”
“แหม...ข้ากลับมาช้าไม่กี่วันเองปู่” ฝ่ายถูกถามส่งน้ำต่อให้พลอยแล้วทำท่าอึกอักตอบแบบไม่เต็มเสียง “แต่เพราะมาช้าข้าถึงได้ทำความดี...ปู่ดูเถิด ข้าไปช่วยลูกมนุษย์ผู้หนึ่งมาเชียวนา”
หญิงสาวทั้งดื่มน้ำทั้งชื่นชมศตรรฆในใจ เขาเก่งจริงที่สามารถพูดเอาผิดเป็นชอบได้
ท่านอุบาสกสิงขรหันมาทางพลอยบ้าง “จริงรึ ไหนลองเล่ามา เรื่องราวแท้จริงเป็นเช่นไร”
“นางถูกสิ่งที่เรียกว่ารถชนเข้าน่ะปู่ ข้าก็ไม่เข้าใจดอกว่ารถคือสิ่งใดแต่ที่เมืองมนุษย์เอาไว้ใช้สำหรับเดินทาง”
หญิงสาวจากโลกมนุษย์แทบสำลัก ตกลงใครที่ถูกถามกันแน่
“นางเสียใจมากที่อุบัติขึ้นกลางป่าหิมพานต์ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ข้าเห็นแล้วสงสารจึงชวนมาหาปู่” เจ้านาคยืดอก “ปู่ต้องเห็นความดีข้านา ข้าอุตส่าห์หาทางช่วยปู่สร้างบารมี หากปู่ช่วยส่งนางผู้นี้กลับโลกมนุษย์ได้ ข้าว่าวันนี้พรุ่งนี้ปู่ถึงนิพพานแน่นอน”
ขวับ! ปู่ตวัดไม้ท้าวฟาดลงบนศีรษะเยิ้มน้ำมันเสียงดัง โป๊ก! ก่อนเอ็ดไม่สบอารมณ์ว่า
“หุบปาก! เอ็งรู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับนิพพานบ้าง ข้าอนุญาตให้เอ็งไปเยี่ยมมารดาเสร็จแล้วให้รีบมา แต่นี่เจ้ากลับแอบหนีเที่ยว...ระวังตัวเอาไว้บ้างเถิด ศตรรฆ หากเจอกองทัพครุฑขึ้นมาจะว่าอย่างไร”
ได้ผล เจ้านาคเกล็ดนิลยกมือขึ้นกุมหัวเงียบเสียงลง หากยังส่งสายตาค้อนปะหลับปะเหลือก
พลอยเห็นปู่ถอนหายใจเบื่อหน่ายก่อนหันมาทางเธออีกครั้ง “เอ้า! คราวนี้บอกปู่มาว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร”
หญิงสาวผู้หาทางกลับโลกมนุษย์จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้อุบาสกสิงขรฟัง เมื่อจบแล้วก็ทำใจถามแบบไม่เต็มเสียงว่า “ปู่ทราบไหมคะว่าพลอยตายแล้วหรือยัง”
ชายชราหลับตาลงนิ่งเงียบ ผ่านไปสักครู่จึงตอบว่า “ยัง ยังไม่ตาย...เจ้ายังมีพลังชีวิตมนุษย์เหลืออยู่แม้จะเบาบางมากก็ตามที แต่หากจะถามปู่ว่าเหตุใดเจ้าจึงแหกกฎธรรมชาติข้ามภพมายังป่าหิมพานต์ได้นั้นปู่ก็สุดจะเดา เพราะการกระโดดข้ามมิติต้องใช้พลังงานมหาศาล แลผู้จะสามารถสร้างพลังงานเช่นนั้นได้ต้องมีจิตเจริญถึงขั้นสูงสุด ดังนั้นหากเจ้าไม่มีเจ้ากรรมนายเวรอธิษฐานผูกพันไว้ก็คงเป็นตัวเจ้าเองนั่นละสร้าง”
“โอย...ก่อไฟยังทำไม่เป็น คงสร้างพลังข้ามภพได้ละปู่” หนุ่มผิวสีหัวเราะอีกรอบ
“ถ้า...ถ้าเป็นแบบนั้น...พลอยพอจะมีทางกลับโลกมนุษย์ได้ไหมคะ” เธอถามเสียงสั่น รู้ดีว่าตัวเองไม่อยู่ในกลุ่มของบุคคลซึ่งท่านสิงขรยกตัวอย่าง กลัวเหลือเกินว่าคำตอบจะคือ...ไม่
“หนทางนั้นมีอยู่ เมื่อมาได้ก็ต้องกลับไปได้ เว้นเสียแต่ว่าพลังชีวิตของเจ้าจะดับลงก่อน แต่กลับไปอย่างไรนั้น เจ้าต้องหาหนทางเอาเอง อย่าให้ปู่เข้าไปวุ่นวายกับวิถีเจ้ากรรมนายเวรของเจ้าเลย ไม่ดีดอก”
“อ้าวปู่...ที่ว่ามาตั้งนานนี่ไม่ช่วยดอกรึ ข้าอุตส่าห์คุยเอาไว้ว่าปู่เก่ง” เจ้านาคแทรก
“เอ็งอย่ากวนให้เสียเรื่องได้ไหม” ปู่ดุศตรรฆแล้วหันมาทางพลอย “หลักง่ายๆ มีอยู่ว่าเหตุทำให้เกิดผล เจ้าหลงมาหิมพานต์ได้ก็ต้องมีเหตุอยู่ ไหนลองใคร่ครวญดูให้ดี เมื่อยังอยู่แดนมนุษย์เคยพบเจอเรื่องแปลกประหลาดอันใดบ้าง”
พลอยนิ่งเงียบคิดตามคำท่านอุบาสก...จริงอยู่เหตุทำให้เกิดผล แต่เหตุที่ว่าคืออะไรหนอ...
ส่วนเรื่องประหลาด ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเจอคราวนี้เอง ปกติแล้วชีวิตเธอเรียบง่าย ตอนเรียนมัธยมตื่นแต่เช้าช่วยแม่ทำขนมก่อนไปเรียนหนังสือ เย็นกลับมาล้างหม้อล้างถาด ช่วยแม่ปั้นขนมเสร็จแล้วทำการบ้านอ่านหนังสือจนดึก ยิ่งมาเรียนพยาบาลก็ยิ่งไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ที่โรงพยาบาลกับหอพักแทบจะไม่มีเวลากลับไปเยี่ยมแม่ด้วยซ้ำ เธอจึงส่ายศีรษะเพราะจนปัญญา
“แล้วบาปเล่า เจ้าเคยก่อกรรมทำชั่วเอาไว้กับผู้ใดหรือไม่”
“ทำบาป...” พลอยพยายามนึกย้อน เล่าสิ่งที่คิดว่าเป็นบาปกรรมทั้งหมดที่ตัวเองเคยก่อไว้
ปู่ยิ้มน้อยๆ “บาปกรรมเท่านั้น มันพาเจ้ามาข้ามภพชาติมาไม่ได้ดอก”
ถามกันไปมาจนฟ้ามืดก็ยังไม่พบคำตอบว่าอะไรคือสาเหตุทำให้มนุษย์อย่างเธอข้ามภพได้ อากาศหนาวเย็นเริ่มปกคลุม เจ้านาคราชออกไปหาฟืนมาก่อกองไฟในหลุมหินกลางลาน สร้างแสงสว่างอบอุ่นให้ทั่วบริเวณ ส่วนแม่สิงห์ปล่อยลูกๆ วิ่งเล่นกวนศตรรฆ สักพักก็คาบหน่อไม้หน่อใหญ่กลับมา หญิงสาวจึงได้หน่อไม้ย่างหวานอร่อยเป็นอาหารค่ำ
“ปู่ปลูกกระท่อมหลังเล็กไว้ริมลำธารด้านโน้น คืนนี้ให้เจ้าลงไปนอนที่นั่น พักผ่อนให้สบายเถิด”
พลอยไหว้ขอบคุณปู่สิงขรก่อนเดินไปตามทางที่ท่านชี้ ลงเนินครู่เดียวก็เจอลำธารและกระท่อมไม้ไผ่อีกหลัง ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวขึ้นบันไดเจ้านาคก็วิ่งตามมา เขาโยนผ้าเก่าผืนหนึ่งให้ก่อนหาฟืนมาก่อกองไฟข้างกระท่อม
หญิงสาวมองผ้าในมือแล้วยิ้ม นึกดีใจว่าจะได้ซักชุดเหม็นหึ่งที่เธอทนใส่มาหลายวันแล้วนี่เสียที ทั้งตอนนี้ขาเธอก็ระบบจนแทบก้าวไม่ออก ได้เอาเท้าแช่น้ำคงดีไม่น้อย
“เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวสิ่งใด รอบอาศรมปู่กั้นไว้เป็นเมืองลับแล หากไม่อนุญาตก็ไม่มีผู้ใดล่วงผ่านเข้ามาได้”
“จะกลัวก็แต่นายนั่นแหละ” พลอยบอกศตรรฆเมื่อเห็นเขาหันหลังให้
เจ้านาคหันกลับมาแลบลิ้นสองแฉกหลอกเธอ
น้ำในลำธารเย็นจัดแต่ได้แสงอุ่นจากกองไฟที่ศตรรฆก่อให้ก็ไม่เลวร้ายนัก พลอยอาบน้ำซักผ้าเสร็จแล้วก็ลากขาขึ้นมาเอนหลังในกระท่อม ในใจยังหนักอึ้งเหมือนเดิมเพราะไม่รู้ว่าจะกลับโลกมนุษย์ได้อย่างไร เสียงลำธารไหลรินฟังแล้วชวนให้จิตใจสงบลงได้บ้าง ถึงยังนึกกลัวนาคราชและครอบครัวกาฬสีหะอยู่ แต่เพราะเดินเท้าทางไกลมาหลายวัน ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
แล้วเธอก็ฝันถึงสถานที่เดิมอีกครั้ง ท่ามกลางสายลมแรงหวีดร้องราวปีศาจโหยหวน บนขุนเขาสูงเสียดฟ้ามีถ้ำมืดหนาวเย็นเสียดกระดูกซ่อนอยู่ในเหวลึก ใครกันสะอื้นร้องไห้คร่ำครวญกลอนบทนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครกันที่นอนกอดร่างไร้วิญญาณไว้ด้วยหยาดน้ำตา
ใคร...ที่เธอห่วงหาและอยากพบเขาเหลือเกิน
“เจ้าเอย ความฝัน ความหวัง พังแล้ว
ความสุข ไร้แวว..................เสน่หา
ความรัก ไร้เจ้า...................คู่กายา
สิ้นชีวา จักตามหา...............มาเคียงกัน”