เรื่องประสบการณ์หลอน

เรื่อง"กระตุกขวัญวันอุปสมบท"
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ย้อนไปเมื่อ20กว่าปีที่แล้ว ณ จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ซึ่งข้าฯผู้เล่าได้ประสบเหตุการณ์กระตุกขวัญหรืออาจจะเป็นเรื่องแปลกๆนี้ด้วยตัวเองและผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นเพื่อนของข้าฯขอสมุติชื่อว่า"โอ" ซึ่งข้าฯ กับโอ เป็นเพื่อนห้องเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนจบม.3 แต่ข้าฯกับโอก็ไปมาหาสู่กัน กินข้าว นอนบ้านโอ จนเป็นที่คุ้นเคยสนิทสนมเหมือนลูกกับพ่อแม่ พี่น้องสาวของโอ พูดถึงสถานะภาพบ้านของโอ เป็นบ้านที่มีบริเวณโปร่งโล่ง มีเพียงเสาปูนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กลางบ้านเพียงต้นเดียวที่ช่วยค้ำยันคานกลังคา(หรือจะเรียกเสาเอกก็ได้) เพราะมีหิ้งพระบนเสาหันออกหน้าอู่เล็กๆ1หิ้ง บ้านเป็นอู่ซ่อมรถยนต์ ปะผุ ทำสี และกั้นด้วยไม้กระดาน หรือสังกะสีเป็นห้องๆสัดส่วนมีห้องน้ำเป็นเพิงหมาแงนอยู่นอกตัวโรงเรือนที่พักสัก3-5ม.แต่ที่สำคัญเจ้าประตูบ้านหรือเรียกอีกอย่างว่า ประตูอู่ ที่ทำด้วยโครงเหล็กกลมและตาข่ายถักแบบเปิดอ้าออกทั้งบาน2ด้าน ไม่มีพับเก็บครึ่งบาน แต่ประตูอีกด้านนานๆจะเปิดออกจึงเป็นที่กั้นสำหรับวางอะไหล่ของรถทั้งใช้งานได้และใช้งานไม่ได้เพื่อป้องกันขโมยโดยอัตโนมัติมาเป็นแรมปี โดยประตูมีเพียงใช้ล้อเหล็กลูกรอกมีร่องตรงกลางขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ตรงขอบปลายประตูเพียงสองตัว เลื่อนบนรางฉากสามเหลี่ยม คงไม่เพียงที่จะรับน้ำหนักโครงประตูทั้งบานที่มีความยาว2-3เมตรได้ อีกทั้งยังเกิดสนิมของล้อ เพราะนานๆครั้งกว่าจะได้ปิดอู่แบบมิดชิด และการปิดแต่ละครั้งต้องใช้แรงผู้ชายผลักมากเป็นพิเศษกว่าจะมาบรรจบกันสองบานแล้วแค่คล้องพันด้วยโซ่ขนาดห่วงข้อ2นิ้ว แบบใครจะเข้ามาต้องได้ยินเสียงแหวกโซ่ ก้อกๆแก้กๆๆๆแน่นอน เพราะสิ่งที่ข้าฯเล่ามารู้และช่วยที่บ้านของโอทำมาหมด...
....ต่อep.2 และในอีก5ปีต่อมาเมื่อโอเพื่อนสนิทคนนี้ เค้าอายุครบได้เวลาบรรชาอุปสมบทก็อยู่ในช่วงอายุราวๆ20-21ปี โอจึงบอกกับพ่อแม่ แะพ่อแม่ของโอก็ได้ดูวันฤกษ์ยามที่เหมาะสมจากพระอาจารย์ที่วัด...
วันงานก็มาถึง งานเลี้ยงก่อนวันเข้าอุปสมบทหรือเข้าโบสถ์ของโอไม่ได้ใหญ่โต หรูหราอะไรมากนัก มีเพียงญาติๆฝ่ายพ่อ และแม่ของโอ เพื่อนๆร่วมรุ่นสมัยเรียนมัธยม มาดื่มสรวนเสเฮฮาเพื่อนั่งคุยเรื่องเก่าๆความหลังกัน แม้กระทั่งเจ้าโอที่ตอนนี้กำลังสวมชุดขาวเป็นนาคก็ยังดื่มจนลืมตัวว่าพรุ่งนี้ต้องเข้าโบสถ์ท่องขานนาค แต่เจ้าโอเป็นคดื่มเก่ง ดื่มเป็นกิจวัตรหลังเลิกงานจากที่อู่ช่วงเย็น อาการเมาและกริยาท่าทางจึงอาจดูเป็นปกติกว่าเพื่อนคนอื่นๆที่ทะยอยกลับบ้านบ้าง ที่ไปไหนไม่รอดนั่งคอตกพิงกันแบบหมดสภาพ จนค่อยๆฟื้นมาทีละคนสองคนและขอตัวกันกลับจนหมด..ส่วนผมผู้เล่าก็มีดื่มเพียงเล็กน้อยพอเป็นพิธีเป็นกษัย เพราะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเก็บกวาด เตรียมสถานที่พระสวดเจริญพระพุทธมนต์ตอนเช้าจนเสร็จเรียบร้อยเวลาก็ปาไป5ทุ่มกว่า....
ด้วยความเพลียจากกิจงานทั้งวันและด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลพอกรึ่มๆจึงทำให้ ข้าฯผู้เล่าเผลอเอนยืดตัวงีบไปบนอาสนะที่วางเรียงพอดีความยาวตัว แต่คงหลับๆตื่นๆสลับกันจากเพราะอากาศที่เย็น และยุงมารบกวนบ้างแต่ก็พอได้พักสายตา
     ณ ช่วงเวลานึงตอนนั้นไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด อาจจะรุ่งสาง เพราะอากาศที่เริ่มเย็น แสงบริเวณรอบอู่ระเรื่อๆพระอาทิตย์พอมองเห็นสิ่งของทุกอย่างในบ้านๆได้ครบ ทันใดนั้นสายตาของข้าฯผู้เล่าก็เหลือบไปเห็นรูปร่างร่างหนึ่ง เห็นชัดว่าเป็นผู้หญิงผมยาวถึงกลางหลัง เสื้อยืดสีฟ้าๆ หม่นๆ(อาจเพราะแสงไม่พอ) นุ่งผ้านุ่งหรือผ้าถุงลายๆ กำลังยืนหันหลังให้ตัวผู้เล่าที่ขณะยังนอนยุบนแคร่อาสนะ ส่วนหัวก้มลงคล้ายก้มไหว้ ตรงหิ้งพระที่ติดบนเสากลางอู่
แต่...แอ๊ะ!หิ้งพระที่ติดมันอยู่สูง สูงกว่าควาสูงผู้หญิงทั่วไปแน่ๆ ขนาดผู้เล่าสูง180cm.ยังต้องเอื้อมสุดแขนกว่าจะถึงหิ้ง สายตาของผู้เล่าจึงค่อยๆทอดสายตาลงมาๆๆๆๆเรื่อยๆจากหัว หลัง เอว ลงมา...มันเป็นเพียงทึบๆโปร่งๆๆมองทะลุได้ช่ะงั่น....
     แต่ทุกอย่างที่ยืนก้มเหมือนพนมมือไหว้หิ้งพระเสากลางบ้าน ที่มีความสูงเกือบสองเมตร สามารถเห็นเป็นรูปร่าง สามารถบอกเพศ สีเสื้อ ลายผ้าถุงที่พอจะมองเห็นช่วงเอวได้ชัดเจน....จึงตั้งสติเก็บความสงสัยกับสิ่งที่เจอ ไว้ถามพ่อ แม่ของนาคโอ หรือถามนาคโอตอนสว่าง
เพราะตามที่เล่าไปตอนแรก เป็นไปไม่ได้แน่ๆที่ใครจะเข้ามาในอู่และเข็นแระตูอันหนักอึ้งโดยไม่มีเสียงสักนิ้ดด และถ้าจะมีคนเข้ามาจะต้องเรียกผู้เล่าให้ไปช่วยผลักเพื่อเปิดออก
     พอฟ้าเริ่มสว่าง.ทุกคนก็ได้กุลีกุจอ จัดเตรียมสิ่งของตามหน้าที่รับผิดชอบช่วงพิธีเช้า ในที่สุดคนที่มาเรียกผมตรงประตูเพื่อจะเข้ามาในอู่คนแรกก๋มาจนได้เป็นน้าผู้หญิงของนาคโอ แต่สายตาของผมสอดส่ายดูสีเครื่องแต่งกายของแกก่อนเลย "สีไม่ใช่กับที่เราเห็นเลย" ก็เป็นผมที่ต้องผลักประตูออกกว้างที่สุด
...ทันใดนั้นปากก็ไวเท่าความคิด สิ่งที่เจอมาก่อนฟ้าสว่างนั้นต้องเคลีย ถามเลย!!!??
น้าเมื่อกี้ได้เข้ามาไหว้หิ้งพระตรงเสากลางสักรอบมั่ย แกบอกจะบ้าหราเข้ามาได้ไงประตูอู่ก็ปิด
ผมก็เปิดประเด็นเลย ก็เห็นผู้หญิงยืนหันหลังให้ไหว้หิ้งพระเมื่อกี้ ผมยาวกลางหลัง เสื้อยืดสีฟ้าๆ ผ้านุ่งลายดอกเหลืองแดงๆ แต่...ช่วงล่างมองไ่ม่ค่อยถนัด
น้าสาวนาคโอ อุทานมาอย่างทันควัน .."นั้นไงมาแล้ว" ใครมาน้า ผมถาม..
ก็ป้าเจ้านาคโอมันนั่นแหละ สงสัยรู้ว่าหลานจะบวชคงจะมาร่วมอนุโมทนาบุญด้วย และหิ้งพระนี้แกก็เป็นคนทำมาให้พ่อเจ้านาคโอมันเองแหละ ความสูงก็อยู่ตรงนี้ตั้งแต่นู้นแหละ แต่เมื่อก่อนป้าแกใช้ม้าเก้าอี้พื้นเสมอๆพอยืนถนัด มาไหว้เปลี่ยนน้ำพระประจำเป็นกิจวัตรแหละ.....จบ
   ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่